บทที่ 228 ทักษะที่เพิ่มขึ้นของถังหลี่

ถังหลี่อธิบายงานกับหลันฮวาอีกครั้ง เพื่อจัดการโรงงานผลิตถุงหอมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากหลันฮวาต้องการที่จะเก่งมากขึ้น วันใดที่มีปัญหาเกิดขึ้นหลันฮวาสามารถเข้าไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือจากถังหลี่ได้ หลันฮวารับฟัง นางพยักหน้าเบา ๆ

“หลันฮวาของเราโตแล้ว”

หลันฮวาอมยิ้มด้วยความขวยเขิน หญิงสาวอยากจะเก่งเหมือนถังหลี่ แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปนัก หลันฮวาต้องพยายามให้มากขึ้น!

หลังจากที่ถังหลี่พูดคุยกับหลันฮวาจบแล้วก็พาซานเป่ากลับไปยังตัวเมืองเหยาสุ่ย หลังจากนั้นแม้ว่าตอนอยู่ในเมืองเหยาสุ่ย นางจะได้ยินปัญหาของโรงงานถุงหอมอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงช่วงแรกเท่านั้น เป็นเพราะว่าหลันฮวาพูดไม่ได้เป็นใบ้จึงทำให้สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจ มีคนงานสองสามคนไม่ฟังนาง แต่เมื่อได้รับการการแก้ไขแล้วโรงงานถุงหอมก็เข้าที่เข้าทาง ดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี

แต่เดิมถังหลี่มีแผนสำรองว่าหากหลันฮวาไม่สามารถควบคุมโรงงานได้ ถังหลี่จะส่งหลงจู๊จากเป่าชิงเก๋อไปช่วยหลันฮวาที่โรงงานผลิตถุงหอม แต่แผนนี้ถูกพับไปเพราะหลันฮวาสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ด้วยดี

ตั้งแต่ถังหลี่ได้พลังปีศาจกลับมาดูเหมือนว่าสมรรถนะทางร่างกายของนางจะดีขึ้นมาก หญิงสาวฝึกฝนทักษะการต่อสู้ทุกวัน ทำให้ฝีมือของนางพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากได้ทดสอบจริงจึงจะรู้ว่าตนเองนั้นเก่งมากขึ้นเพียงใด ถังหลี่ต้องแข็งแกร่งให้มากพอที่จะปกป้องเด็ก ๆ ได้

เพียงชั่วอึดใจเวลาก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว

เว่ยฉิงจากไปสองเดือนแล้ว…

เมื่อใกล้ถึงวันสิ้นปีเด็ก ๆ หลายคนกลับจากสำนักศึกษา คนในครอบครัวทุกคนตื่นเต้นมาก ถังหลี่พาคนในบ้านไปที่ตลาดเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่โดยมีป้าจ้าวติดตามไปกับพวกนางด้วย

“วัดตัวของป้าจ้าวด้วยนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะนายหญิง! นายหญิงจ่ายค่าจ้างให้ป้ามากพอแล้วเจ้าค่ะ” ป้าจ้าวรีบโบกมือปฏิเสธทันที

“ป้าจ้าว พวกเราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน เหตุใดท่านต้องเกรงใจเช่นนั้น หากท่านไม่ต้องการก็อย่าเห็นพวกเราเป็นครอบครัวเลย” ถังหลี่พูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเห็นเช่นนั้นป้าจ้าวจึงเชื่อฟังนาง ปล่อยให้คนงานที่ร้านวัดตัวเพื่อตัดชุด

“ท่านแม่ก็ต้องมีเสื้อผ้าใหม่ด้วยนะ” ซานเป่าพูดเงยหน้าขึ้นไปมองมารดา เด็กน้อยคนนี้คิดถึงถังหลี่เสมอ หญิงสาวลูบหัวนางเบา ๆ

“ใช่แล้ว แม่ก็จะตัดชุดใหม่เหมือนกัน” ซานเป่ายิ้มกว้างออกมาทันทีที่ได้ยิน

หลังจากที่ทุกคนในครอบครัววัดตัวเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ถังหลี่เลือกผ้าให้ก่อนจะออกจากร้านไป แต่เมื่อพวกนางออกมาจากร้านตัดเสื้อก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น

“จ้าวซิ่วเอ๋อร์!”

ถังหลี่หันไปมองตามเสียงเรียก เห็นว่าคนที่ตะโกนเป็นบุรุษวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง สวมเสื้อคลุมแต่งตัวเหมือนชาวนา หน้าตาถมึงทึง เขาเดินเข้ามาใกล้ป้าจ้าวด้วยใบหน้าเย็นชา กวาดสายตามองไปทั่วร่างกายของนาง

“จ้าวซิ่วเอ๋อร์! เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย เจ้าหายไปไหนมา? เหตุใดถึงทิ้งบ้านไปเช่นนี้ เหตุใดข้าต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงไม่เอาไหนอย่างเจ้าด้วย? กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!” ชายคนนั้นท่าทางก้าวร้าวเขาตั้งใจจะเข้ามาจับตัวป้าจ้าว

ป้าจ้าวใบหน้าซีดเผือด ชายผู้นี้เป็นสามีของนาง อีกทั้งยังเป็นฝันร้ายในชีวิตของป้าจ้าวอีกด้วย

สามีมักเฆี่ยนตีนางจนเกือบตาย ในตอนนั้นมีหญิงม่ายคนหนึ่งตกหลุมรักสามีของป้าจ้าว ทั้งสองคนร่วมมือกันขับไล่ป้าจ้าวออกจากบ้าน ในวันที่ถูกไล่ออกมา จ้าวซิ่วเอ๋อร์ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก นางกลัวสามีทุบตีมาก

เวลาผ่านไปเป็นปีแล้วที่นางได้อยู่บ้านของเจ้านาย ทำให้จ้าวซิ่วเอ๋อร์รู้สึกถึงคุณค่าของตนเองอีกครั้ง นางไม่คิดว่าชาตินี้จะได้พบกับเขาอีก…

ป้าจ้าวตัวสั่นเมื่อหวนนึกถึงอดีต

นางหวาดกลัวจนต้องวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของถังหลี่

ถังหลี่มองชายวัยกลางคนตรงหน้า ตามที่ถังหลี่รู้มา แต่เดิมคนผู้นี้เป็นฝ่ายไล่ป้าจ้าวออกมาจากบ้านเอง แล้วตอนนี้จะมากล่าวหาว่านางเป็นฝ่ายทอดทิ้งครอบครัวไปได้อย่างไร? ช่างไร้สาระสิ้นดี!

“ท่านอยากพาป้าจ้าวกลับไปหรือ?” ถังหลี่มองเขา

“แน่นอน นางเป็นภรรยาข้า เหตุใดข้าจะพากลับไปไม่ได้!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว

“ท่านแม่…” ต้าเป่าขมวดคิ้ว เขาพยายามขยับมายืนด้านหน้าถังหลี่ แต่ถูกมารดารั้งไว้

“ดูเหมือนเจ้าจะหัวเสียไม่น้อย” ถังหลี่เชิดปลายคางขึ้น

“เป็นธรรมดา ถึงนางจะละเลยครอบครัว แต่ข้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนใจร้ายกับภรรยา”

“จางต้าซุ่ยขายข้าพร้อมสัญญาซื้อตาย นี่คือเจ้านายของข้า หากเจ้าจะพาข้ากลับไปต้องจ่ายเงินหนึ่งร้อย…หนึ่งร้อยตำลึง” ป้าเจ้าพูดตะกุกตะกัก

“หนึ่ง…หนึ่งร้อยตำลึง? เจ้าล้อเล่นหรือ?”

“หญิงผู้นี้ไม่ได้มีค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึง! นางเป็นคนขี้เกียจ แม้แต่งานบ้านก็ไม่ทำ! ยิ่งแก่ก็ยิ่งทำอะไรไม่ได้ นางควรกลับไปกับข้า! หากนางอยู่กับบ้านเจ้าต่อไปมีแต่จะสิ้นเปลือง!”

เขาพูดขึ้นอย่างร้อนรน

ป้าจ้าวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ

นางทำงานหนักมาตลอด แต่ชายผู้นี้บอกว่านางงอมืองอเท้าหรือ! ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้พบกับเจ้านายที่ดีเช่นนี้ ผู้ที่มองนางในฐานะคนเช่นเดียวกัน ! นายหญิงจะคิดว่าอย่างไร…

ชั่วอึดใจหนึ่งต่อมาชายคนนั้นกระเด็นออกไปทันทีเพราะแรงเตะของถังหลี่ นางเอามือเท้าสะโพกของตนท่าทางข่มขู่

“เจ้ามาโวยวายอะไร? ป้าจ้าวเป็นคนของข้า ใครใช้ให้เจ้ามารังแกนาง!”

ป้าจ้าวมองถังหลี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ ไม่เพียงแต่นายหญิงจะไม่โกรธ แต่ยังปกป้องนางอีกด้วย..

ช่วงนี้ถังหลี่กำลังง่วนอยู่กับการฝึกฝนร่างกาย อีกทั้งนางอยากลองฝีมือของตัวเอง เมื่อมีคนกร่างเข้ามาหาเรื่องถึงที่เช่นนี้ ถังหลี่จึงไม่สงวนท่าทีอีกต่อไป นางเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้น เตะอีกครั้งเข้าที่ขาของเขา แค่เตะเพียงสองครั้งเท่านั้นชายร่างผอมก็แทบจะหมดสติไปแล้ว

ถังหลี่จึงได้ข้อสรุปว่าความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้หญิงสาวไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะลูกเตะเพียงไม่กี่ครั้งเช่นเมื่อก่อน และถ้าหากแรงเตะของนางมากกว่านี้ อาจจะปลิดชีวิตของคนได้เลย!

นางต้องควบคุมแรงของตัวเองไว้ให้ดี

“ข้าไม่พอใจเจ้ามาก ป้าจ้าวเป็นคนของข้า หากคราวหลังเจ้ามาหาเรื่องนางอีกเจ้าต้องโดนข้าเตะจนตายแน่ ถ้ารักชีวิตก็อย่าเข้ามาใกล้นาง!” ถังหลี่ข่มขู่

ชายผู้นั้นตกใจกลัวมาก เขาหมอบลงกับพื้นร้องขอความเมตตาอย่างน่าสมเพช ป้าจ้าวมองสามีราวกับมองสุนัขตายแล้วตัวหนึ่ง รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก นางกลัวเขา ภาพของสามีโผล่เข้ามาในฝันร้ายของนางบ่อยครั้ง เขาคือเงามืดที่นางไม่อาจกำจัดออกไปได้ แต่ตอนนี้นางสามารถมองเขาโดยไม่ต้องรู้สึกกลัวอีกต่อไปแล้ว ป้าจ้าวเคยตัวสั่นยามที่เห็นเขาแต่ในตอนนี้นางวิ่งเข้าไปเตะเขาถึงสองครั้งก่อนจะเดินตามถังหลี่ไป

…..

พริบตาเดียวก็เป็นวันขึ้นปีใหม่

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยยุ่งอยู่กับการจัดงานร่วมกับป้าจ้าวและฉางลู่ ทำให้บ้านมีบรรยากาศดี ๆ ของวันส่งท้ายปี ส่วนถังหลี่เข้าครัว ปรุงอาหารมื้อหรูหราให้ทุกคนได้กิน ช่วงเวลานี้ของปีที่แล้วครอบครัวทั้งหมดยังอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ตอนนี้สมาชิกหายไปหนึ่งคน…

เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่สามีของนางจากไป หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เว่ยฉิงไปอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เมื่อมองไปยังโต๊ะอาหาร ถังหลี่รู้สึกวูบโหวงในหัวใจ ต้าเป่าเห็นว่าอาหารหลายจานเป็นจานโปรดของบิดา เขารู้ว่าท่านแม่ของเขาคิดถึงท่านพ่อมากเพียงใด

“ท่านแม่ เมื่อสองสามวันก่อนที่สำนักศึกษามีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น…” เสียงของต้าเป่าดังขึ้นหลังจากที่ต้าเป่าพูดจบสวี่เจวี๋ยก็พูดขึ้นต่อ

“ท่านพี่ มีอีกเรื่องที่น่าสนใจ….”

ต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยผลัดกันเล่าเรื่องต่าง ๆ ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวา เอ้อร์เป่านั่งฟังด้วยความสนใจ ในขณะที่ซานเป่าเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น ถังหลี่รู้สึกดีขึ้นมากหลังจากฟังต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง

หลังมื้อค่ำวันส่งท้ายปีจบลง พวกเขาพากันสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ มีฉางลู่คอยจุดเตาไฟเฉลิมฉลอง ว่ากันว่ายิ่งไฟในเตาโหมแรงมากเพียงใด ชีวิตในปีปีหน้าก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น

ถังหลี่เตรียมอั่งเปาไว้แจกทุกคน เด็ก ๆ รับมันไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข ส่วนป้าจ้าวก็ไม่ปฏิเสธ นางยอมรับอั่งเป่าไปอย่างมีความสุข ฉางลู่ทำงานอยู่กับถังหลี่นานกว่าหนึ่งปี เขาเก็บเงินได้หลายสิบตำลึง เด็กหนุ่มวางแผนเอาไว้ว่า หากเขาขยันและเก็บเงินได้มากกว่านี้จะซื้อบ้านสักหลัง นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกล้าฝันมาก่อน

….

ในขณะเดียวกัน ณ เมืองฉิงโจวที่ห่างออกไปหลายพันลี้

เว่ยฉิงยืนอยู่บนหลังคา เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ชายหนุ่มดูผอมและสูงโปร่งกรอบหน้าก็ดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากคนที่รู้จักเขามาก่อนได้เห็นรูปลักษณ์ของเขาตอนนี้ อาจรู้สึกว่าไม่ใช่เว่ยฉิงคนเดิม เขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ ใบหน้าที่บอบบางงดงามที่เขาเฝ้าคิดถึงสะท้อนอยู่บนนั้น

“ภรรยา…”

น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความโหยหา ชายหนุ่มยื่นมือออกไปคว้าอากาศราวกับว่าพระจันทร์ดวงนั้นคือใบหน้าของนาง

“ข้าคิดถึงเจ้า…”

ความเย็นชาที่เขามีจางหายไปชั่วขณะในยามที่เขากำลังคิดถึงผู้หญิงที่เขารัก