ตอนที่ 233 ไปเยี่ยมเฮ่อเชิ่ง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 233 ไปเยี่ยมเฮ่อเชิ่ง

เป็นเพราะอันธพาลที่เฮ่อเชิ่งส่งมา ทำให้งานในร้านติดขัดไปทั้งวัน

เรื่องวัตถุดิบที่เหลือไม่เป็นเป็นปัญหา เพราะสามรถเก็บไว้ในช่องแช่แข็งได้และไม่ได้เหลือมากนัก

มีเพียงรากบัวและข้าวโพดที่เก็บไว้นานไม่ได้ต้องรีบเอาออกมาขายให้หมดก่อนที่จะเน่าเสีย

รากบัวถูกเอามาตุ๋นอย่างง่าย ๆ และขายหมดในวันเดียว

เหลือเพียงข้าวโพดจำนวนมากที่มีอยู่ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

จะเอามาปิ้งก็กลัวว่าจะขายไม่หมดแล้วเน่าเสียไปเปล่า ๆ

หลินม่ายวางแผนจะไปหานายช่างจางอีกครั้งเพื่อให้เขาทำรถเข็นที่มีเตาปิ้งติดตั้งอยู่สักสองคันอย่างที่เธอเคยใช้ในชาติก่อน

รถเข็นแบบมีเตาปิ้งใช้ได้กับทั้งข้าวโพดและมันหวาน แถมยังขายได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นอย่างสะดวกสบาย

เดือนหน้าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวมันหวาน ถ้าซื้อมาปิ้งขายคงได้กำไรดี

แม้ว่ามันจะเป็นเงินไม่มาก แต่เงินเพียงเล็กน้อยก็ยังนับว่าเป็นเงินอยู่ดี เธอไม่เคยดูถูกเงินน้อยนิดพวกนี้เลย

และการขายมันปิ้งยังเป็นการสนับสนุนมันหวานของชาวบ้านในเมืองซื่อเหม่ย ถึงจะเป็นการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็อยากจะทำเท่าที่ทำได้

หลังจากที่เธอเริ่มมีเงินเหลือกินเหลือใช้ในชาติที่แล้ว หลินม่ายไม่เพียงแค่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเปิดเท่านั้น แต่เธอยังสนใจเรียนเปียโน หมากรุก เขียนพู่กันจีน และวาดภาพอีกด้วย

เพราะแบบนั้นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและครอบครัวของเขาเลยเอาแต่เยาะเย้ยถากถางเธอ พวกนั้นคอยแต่จะบอกว่าเธอแก่เกินไปแล้วจะเข้าเรียน ไม่อายบ้างหรือ

พอกลับมาคิดในตอนนี้ กลับรู้สึกว่าเงินค่าเรียนก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ทำไมต้องรู้สึกอายถ้าอยากจะไปเพิ่มพูนความรู้ด้วย?

ในตอนนั้นเธอกลับรู้สึกอายกับคำพูดเหล่านั้นและเกือบจะถอดใจกับการเรียนไปแล้ว

ในชาติที่แล้วหลินม่ายได้เชิญครูจากโรงเรียนศิลปะมาสอนเปียโน หมากรุก เขียนพู่กันจีน และวาดภาพมาก่อน เธอยังมีความสามารถเหล่านั้นติดตัวมาด้วย เพราะแบบนั้นการวาดแบบรถพร้อมเตาย่างที่ต้องการให้นายช่างจางทำให้เลยเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอ

เธอไปหานายช่างจางพร้อมกับแบบร่างของรถ ทั้งภายนอกและภายในที่วาดขึ้นเอง

ก่อนหน้านี้นายช่างจางได้ขอลางานประจำหนึ่งเดือนเพื่อรับงานตกแต่งร้านใหม่ของหลินม่าย

เธอเลยมาหาเขาที่อาคารสไตล์ตะวันตกขนาดเล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทนที่จะไปที่ไซต์งานเหมือนทุกครั้ง

ตอนที่เธอไปถึง นายช่างกำลังปีนขึ้นไปบนบันไดเพื่อเดินสายไฟ หลินม่ายเข้าไปแล้วพูดกับเขา “ลุงจางคะ อันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้ พอดีฉันอยากให้ช่วยทำรถปิ้งย่างแบบนี้สองคัน”

“รถปิ้งย่างแบบไหน” นายช่างจางลงจากบันได หยิบเอาแบบในมือหลินม่ายไปดู

เมื่อเห็นสิ่งที่เธอเตรียมมาก็เข้าใจในทันที เพราะภาพวาดนั้นละเอียดและเข้าใจง่ายมาก

การทำรถนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร อุปกรณ์หลักคือแผ่นเหล็กบาง ๆ และล้อสองล้อ ไม่ใช่ของที่หายากเลย

คิดได้แบบนั้นเขาก็ตกลงรับงานทันที

เขายิ้มแล้วเอ่ยชมเธอ “ฉันล่ะทึ่งในความคิดของเธอจริง ๆ ทำไมถึงทำอะไรใหม่ ๆ ที่คนอื่นคิดไม่ถึงออกมาได้ตลอดเลย”

หลินม่ายยิ้มตอบเขิน ๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความคิดของเธอ เธอทำเพียงแค่ลอกเลียนแบบจากของที่เคยเห็นเมื่อชาติที่แล้วเท่านั้น

หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนเรื่อง เธออธิบายให้นายช่างจางฟังว่าสถาปนิกเข้ามาตรวจสอบให้แล้ว่าสามารถสร้างชั้นเพิ่มได้

นายช่างยิ้มแล้วเอ่ยตอบว่า “เมื่อวานตอนที่ตรวจเสร็จ อาจารย์ฟางก็บอกฉันเอาไว้แล้วเหมือนกัน”

หลินม่ายประหลาดใจนิดหน่อยที่ฟางจั๋วหลานไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง

แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาอาจจะมีเรื่องให้คิดเยอะจนลืมอธิบายรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้กับเธอ

หลินม่ายกลับไปที่ร้านก็พบว่าพ่อเฒ่าเฮ่อคนนั้นกลับมาอีกครั้ง

ครั้งล่าสุดที่มาเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากโจวฉายอวิ๋น แต่คราวนี้เขากลับถูกปล่อยให้นั่งเพียงลำพัง ไม่ได้มีใครสนใจ

หลินม่ายไม่ได้รู้สึกเห็นใจเขาซักนิด

เธอยิ้มแล้วพูดจาเหน็บแนม “เมื่อวานลูกชายคุณให้พวกอันธพาลมาก่อเรื่องถึงที่นี่ ฉันตามหาคุณให้มาช่วยห้ามแต่คุณก็ไม่อยู่ พอเรื่องจบแล้วถึงได้เพิ่งกลับมาเหรอคะเนี่ย”

เขาอับอายจนไม่กล้ามองหน้าหลินม่ายตรง ๆ และพูดอย่างติดขัดว่า “ฉัน…ฉันไม่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นจะทำตัวหาเรื่องใส่ตัวได้ขนาดนั้น ไม่งั้นก็คงห้ามมันไว้แล้ว”

“แน่ใจเหรอคะ” หลินม่ายไม่แน่ใจและยิ้มอย่างเฉยเมย “ถ้าคุณหยุดเขาไม่ได้ ฉันจะหยุดให้เอง เดี๋ยวนี้ใครทำร้านก็ต้องหาคนมาคุ้มครองทั้งนั้นแหละ”

น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวของเธอทำให้เขารู้สึกอายเข้าไปอีก “เสี่ยวหลิน ฉันต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย เขาทำผิดต่อเธอก็จริง แต่ช่วยปล่อยเขาไปเถอะ ฉันมีลูกชายคนเดียว ถ้าเขาเป็นอะไรไป ใครจะไปงานศพฉันตอนที่ฉันตายกันล่ะ”

สีหน้าของหลินม่ายเริ่มเปลี่ยนเมื่อได้ยินแบบนั้น “คุณหมายความว่ายังไงน่ะที่บอกว่าให้ฉันปล่อยเขาไป พูดเหมือนฉันไปทำอะไรเขา อยากทำอะไรก็ทำแต่อย่ามาพูดไปเรื่อย ฉันไม่ได้แตะต้องลูกชายคุณแม้แต่ปลายเส้นผมเลย ช่วงนี้มีการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มาพูดแบบนี้อยากจะหาเรื่องเอาฉันเข้าคุกหรือไงคะ?”

ใบหน้าของพ่อเฒ่าเฮ่อซีดลง “ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันก็แค่จะมาบอกเธอ ว่าเขาจะไม่มายุ่งกับเธออีกแล้ว”

ชายชรามองเธออย่างกระตือรือร้น

“หลินม่ายเอ่ยต่ออย่างนิ่งเฉย “ฉันไม่ใช่คนที่จะไปรังแกใครก่อน ถ้าไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้ ฉันก็จะดีกับทุกคน แต่ถ้ายังมาวุ่นวายกันอีก ฉันจัดการถึงที่สุดแน่”

พอเจอคำพูดน่ากลัวติดต่อกันหลายประโยคเข้า ชายชราก็กลับไปด้วยความสิ้นหวัง

โจวฉายอวิ๋นได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างหลินม่ายกับพ่อเฒ่าเฮ่อ

หล่อนเลยเข้ามากระซิบถามหลินม่ายด้วยความสงสัย “พ่อเฒ่าเฮ่อพูดเหมือนกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายเขา หรือว่าจะเป็นฝีมือของเฉินเฟิง?”

“นั่นสิ”

หลินม่ายหยุดคิดไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา “ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย” และออกไปยังหมู่บ้านที่พ่อเฒ่าเฮ่ออาศัยอยู่ ถามคนแถวนั้นจึงรู้ว่าเฮ่อเชิ่งอยู่โรงพยาบาล จึงซื้อผลไม้เพื่อไปเยี่ยมเขา

แน่นอนว่าเป็นการไปเยี่ยมแบบมีเจตนาเพื่อไปดูว่าเฮ่อเชิ่งโดนทำร้ายได้อย่างไรมากกว่า

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เธอก็พบว่าใบหน้าของคนเจ็บปูดบวมจนแทบจำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นชื่อที่ปลายเตียงและการยืนยันจากพยาบาลอาจจะไม่รู้เลยว่านั่นคือเฮ่อเชิ่ง

พ่อของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ มีเพียงเฮ่อเชิ่งที่นอนหลับสนิทรับน้ำเกลืออยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

หลินม่ายวางของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง ทรุดกายนั่งลงแล้วเริ่มปลุกเขาโดยไม่สนเรื่องมารยาทอะไร

เมื่อได้ยินเสียงรบกวนเฮ่อเชิ่งก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างกระวนกระวายและเริ่มอารมณ์เสีย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหลินม่ายเขาก็หน้าถอดสีทันที

คนเจ็บเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยอาการตกใจ “เธอ…เธอมาทำอะไรที่นี่”

หญิงสาวข้างเตียงยิ้มอย่างสดใส “ฉันได้ยินว่านายถูกทำร้ายก็เลยมาที่นี่เพื่อดูความน่าสมเพชสักหน่อย”

เฮ่อเชิ่งร้องไห้และละล่ำละลักพูดออกมา “ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว..ปล่อยฉันไปเถอะ”

หลินม่ายยังคงยิ้ม “พูดได้ดี ถ้านายไม่มารบกวนฉันอีก ก็ไม่มีปัญหาอะไร ฉันจะปล่อยนายไป ฉันแค่อยากรู้ว่ามีคนใช้นายเป็นเครื่องมือหรือเปล่า คนคนนั้นทำให้นายต้องเสียเงินจ้างอันธพาลมา แล้วยังต้องเจ็บตัวอีก จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ เหรอ”

เฮ่อเชิ่งกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น

ตั้งแต่ถูกพาตัวมาส่งโรงพยาบาล เขาก็คิดอยู่ตลอดว่าจะจัดการกับป้าหูอย่างไรดี

ถ้าไม่ใช่เพราะยัยป้านั่นมายุยง เขาก็คงไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องมาเจ็บตัวเพราะมีปัญหากับหลินม่ายและเฉินเฟิงหรอก

เขาคิดว่าจะจัดการป้าหูอยู่แล้ว พอมาได้ยินหลินม่ายพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นไปอีก

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบอะไรออกมา หลินม่ายก็เข้าใจได้จากสีหน้าแบบนั้นของเขาในทันทีว่าอีกฝ่ายคล้อยตามคำพูดเธอแล้ว

เธอจึงรีบตีเหล็กตอนยังร้อน “นายแค่ได้ยินคำยุยงของคนอื่นและคิดว่าร้านของพ่อนายน่าจะทำธุรกิจอะไรได้เงินดีใช่ไหมล่ะถึงได้อยากจะได้ที่ตรงนั้นคืน ฉันจะบอกให้แล้วกันนะ ฉันทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น รายได้วันละห้าสิบหกสิบหยวน ทั้งหมดก็เพราะป้าข้างบ้านขายของกดราคาเพื่อจะมาขายตัดหน้าฉัน ไม่งั้นฉันก็รวยกว่านี้ไปแล้ว เพราะงั้น ถ้าอยากได้ที่คืน ก็เอากลับไปได้เลย แต่แค่ต้องคืนเงินมา แล้วก็จ่ายค่าชดเชยตามที่ตกลงกันไว้ด้วย”

เฮ่อเชิ่งเงียบไปหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เงิน 500 หยวนยังหาไม่ได้เลย จะเอาที่ไหนไปจ่ายค่าชดเชยที่ว่านั่น

หลินม่ายถามต่ออย่างจงใจ “นายไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าชดเชยใช่ไหมล่ะ?”

เฮ่อเชิ่งพยักหน้าอย่างหงุดหงิด

หลินม่ายยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่ยากเลย ใครที่ทำให้นายต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ คนนั้นก็จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้”

ป้าหูใช้เฮ่อเชิ่งเป็นเครื่องมือ คราวนี้เธอเองก็จะขอทำแบบเดียวกันบ้างแล้วกันนะ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คิดผิดแล้วที่มาเล่นงานม่ายจื่อ เขามีเส้นใหญ่คอยคุ้มครองอยู่เบื้องหลังนะ

ยัยป้าหูเตรียมเน่าคาบ้านได้เลย

ไหหม่า(海馬)