ตอนที่ 73-2 ลางสังหรณ์

วันนี้มารดาของหญิงสาวทุกคนต่างก็ต้องการที่จะให้บุตรสาวของตนเองนั้นออกไปแสดงความสามารถเพื่อส่องประกาย ที่โดดเด่นต่อหน้าผู้คน แล้วจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร

วันนี้หลี่เว่ยหยางจะต้องถูกหัวเราะเยาะเย้ยอย่างแน่นอน เพราะในฐานะเซียนผู้สูงส่ง แต่กลับมิมีความสามารถอันใดเลยที่จะเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาฮูหยินใหญ่ก็ยิ่งมีความรู้สึกอิ่มเอมใจมากยิ่งขึ้น

เกาหมินบุตรสาวของฮูหยินเกาเว่ย กับเสนาบดีกระทรวงพิธีกรรมมีความสามารถในการเปาขลุ่ยไม้ไผ่

ซึ่งความสามารถของนางนั้นอยู่ในระดับที่สามารถดึงดูดฝูงผีเสื้อให้มาเต้นระบํากับเสียงขลุ่ยของนางได้

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกิจการภาคภูมิใจในความสามารถทางด้านการเต้นรําของบุตรสาวตนเองเป็นอย่างมาก

ทุกคนต่างก็จ้องมองการรําดาบของหลานสาวท่านแม่ทัพ

โจวที่แสดงออกมาได้อย่างกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว

จากนั้นมีการแสดงตามมาอีกหลายชุด อีกทั้งทุกคนต่างก็มีความสามารถของตนเองและสามารถฉายแววได้อย่างเท่าเทียมกัน

โดยปกติแล้วคุณหนูเหล่านี้จะไม่เปิดเผยความสามารถของตนเองในที่สาธารณะอย่างง่ายดายซึ่งโอกาสเช่นนี้นั้นนับว่าหาได้ยากมาก

ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนต่างก็ปรบมือด้วยเสียงดังกึกก้องอย่างตื่นเต้น

มาถึงจุดนี้ทุกคนต่างก็เฝ้ารอดูการแสดงความสามารถของคุณหนูใหญ่ผู้เลอโฉมที่สุดในงานเลี้ยงวันนี้

องค์ชายห้าจ้องมองไปยังหลีจางเล่อผู้งดงาม ขณะที่กล่าวว่า

“ตอนนี้ถึงเวลาของคุณหนูบ้านตระกูลหลี่จะแสดงความสามารถบ้างแล้ว”

หลี่จางเล่อมองไปยังทัวเป่าเจิ้นโดยมิรู้ตัวและพบว่าเขากําลังจ้องมองนางอย่างอ่อนโยน

ทันใดนั้นหัวใจของหญิงสาวก็เต้นรัวและอดที่จะยิ้มมิได้ นางลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า

“โปรดอย่าหัวเราะกับการแสดงของจางเล่อ”

จากนั้นทุกคนจึงมิสามารถละเว้นจากการอยากรู้อยากเห็นได้

หลี่จางเล่อปรบมือเรียกสาวใช้จากด้านข้างให้นําสิ่งของขนาดใหญ่พอสมควร ที่คลุมด้วยผ้าไหมสีแดงออกมา

จากนั้นความประหลาดใจจึงเปิดเผยบนใบหน้าของทุกคน.สิ่งนี้คืออันใด?

เหตุใดจึงต้องคลุมด้วยผ้าสีแดง?

ใบหน้าของฮูหยินใหญ่เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างมีนัยยะสําคัญ คนพิเศษอย่างหลี่จางเล่อจะแสดงความสามารถในรูปแบบที่ธรรมดาได้อย่างไรกัน!

หลี่เว่ยหยางเฝ้ามองและก้มศีรษะลงทันใดเพื่อซ่อนรอยยิ้มแห่งความมุ่งร้ายของตนเองเอาไว้ คุณหนูใหญ่คราวนี้เป็นท่านที่ทําลายชีวิตของตนเองให้พังทลาย!

หลี่จางเล่อก้าวมาข้างหน้าอย่างสง่างามขนาดที่นิ้วเรียวงามของนางยกผ้าไหมสีแดงขึ้นและเผยให้เห็นสิ่งที่ถูกปกคลุมอยู่ข้างใต้

ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นบางสิ่งที่คล้ายกับพิณ แต่เป็นเครื่องดนตรีที่แตกต่างกันปรากฏต่อหน้าต่อตาพวกเขา

พิณชนิดนี้ทําด้วยแผ่นไม้วอลนัทและตัวเรือนมีรูปผีเสื้อแกะสลักอยู่ มีสายอยู่สิบสายที่แผ่ออกอย่างเท่าเทียมกันและบนนั้นมีการแกะสลักรูปหงส์? และเมื่อมองดูแล้วมันช่างมีความซับซ้อนและงดงามเป็นอย่างยิ่ง

เกาหมินเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ และเอ่ยถามว่า

“นั่นคือพิณสองชั้นหรือ?”

หลี่จางเล่อยิ้มและกล่าวว่า

“มิใช่ นี่เป็นพิณหงอนซึ่งถูกส่งผ่านมาจากดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้น”

ทุกคนตกตะลึงยกเว้นองค์หญิงหย่งหนึ่งที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

เจ้าหน้าที่หญิงที่อยู่เคียงข้างพระนางจ้องมองไปที่หลี่จางเล่อ ราวกับว่าต้องการที่จะกล่าวเตือนนางถึงบางสิ่งบางอย่าง

แต่หลี่จางเล่อกําลังจ่อมจมอยู่กับความสุข ที่เกิดการโอ้อวดความสามารถของตนเองตามที่คาดการณ์ไว้ นางจึงมิได้ใส่ใจ

และรอยยิ้มของหลี่เว่ยหยางนั้น หลี่หมินเพื่อสามารถสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจน สายตาของเขาจ้องมองไปที่เครื่องดนตรีและทันใดนั้นเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที

ตอนนี้หลี่จางเล่อกําลังนั่งลงจากนั้นมือซ้ายของนางจับมัน มือขวาของนางพริ้วไหวไปบนเส้นสายเหล่านั้น ทําให้เครื่องดนตรีปล่อยเสียงทุ่มต่ำออกมาทันที ซึ่งมีเสียงคล้ายกับเครื่องดนตรีที่เรียกว่า กู่ฉิน

หลังจากนั้นมินานนัก นิ้วทั้งห้าของนางก็กรีดกรายอย่างอ่อนช้อยเพื่อบรรเลงดนตรีอย่างต่อเนื่อง

เสียงนั้นหนักแน่นราวกับภูเขาสูงและพริ้วไหวราวกับน้ำไหลริน นิ้วขาวนวลของนางค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น ทําให้เกิดเสียงที่คมชัดและชัดเจนเหมือนกับกู่เจิงกําลังบรรเลง

และในบางครั้งก็ปล่อยน้ำเสียงที่เหมือนพิณออกมา จนทุกคนคิดว่าเสียงพิณนั้นเปล่งออกมาจากน้ำใส ๆ แม้แต่น้ำก็ยังสั่นไหวเบา ๆ ทําให้เกิดคลื่นภายในถ้วยและจางหายไปในที่สุด

เจ้าองค์ห้าถอนหายใจด้วยความหลงใหล:

“เครื่องดนตรีชนิดนี้หายากมาก เมื่อเทียบกับกู่เจิงมันชัดเจนและพริ้วไหวมากกว่า

เสียงเหมือนน้ำในสระบัวยามค่ำคืนและภูเขาที่หนาวเหน็บซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ!”

เมื่อเขาฟังต่อไปก็เริ่มหลงเสน่ห์มากขึ้น การแสดงออกของเขามีพลังมากขึ้น คิ้วของเขาขยับด้วยความพึงพอใจ

ดวงตาของเขาเป็นประกายพร้อมกับยื่นมือออกมาในขณะที่เขาปรบมืออย่างนุ่มนวล จากนั้นได้หยิบขลุ่ยปอออกมา จากนั้นได้เปาบรรเลงเพลงร่วมกับจางเล่ออย่างกลมกลืน

หลี่เว่ยหยางยกถ้วยชาขึ้นแล้วจิบอย่างสบายอารมณ์ และนางเหลือบไปเห็นทัวเป่าหยูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจ้องมองมาด้วยสายตาแห่งความสงสัยจึงยิ้มให้เขาเล็กน้อย

ส่วนตัวเป่าเจิ้นฟังเพลงของหลี่จางเล่ออย่างจริงจัง โดยเขาคิดเพียงว่า เสียงจากเครื่องดนตรีทั้งสองประเภทที่ผสมผสานเข้าด้วยกันนั้นได้มาถึงจุดที่สมบูรณ์แล้ว

เสียงทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างอ่อนโยนและพึ่งพาซึ่งกันและกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน และดูราวกับว่าเป็นนางฟ้าที่สง่างามกําลังร่ายรําอย่างสุขใจขณะที่หลี่จางเล่อร้องเพลงคลอเบา ๆ

เสียงของนางนั้นนุ่มนวลและเพลงที่ร้องเป็นเพลงที่กําลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนั้น

หญิงสางผู้งดงามบรรเลงเพลงที่ไพเราะด้วยเครื่องดนตรีที่สง่างามและภาพนี้ทําให้ทุกคนอยู่ในอาการตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

ฮูหยินใหญ่เฝ้าดูฉากนี้อย่างอิ่มเอมใจ นางรู้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลี่จางเล่อจะทําลายชื่อเสียงที่มิดีของตนเอง และจะได้รับคําชมจากทุกคนอีกครั้ง

สําหรับหลี่เว่ยหยางแน่นอนว่า นางจะต้องได้รับความอับอายที่มิมีความสามารถจนมิรู้ว่าจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ใด

หลังจากนั้นทัวเป่าหยู ผู้ซึ่งอยู่ด้านข้างก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก เขามิรู้ว่าด้วยสาเหตุใดหลี่เว่ยหยางจึงเผยรอยยิ้มที่แปลกพิกล

และเขาเริ่มมีลางสังหรณ์ว่า หลี่จางเล่อที่กําลังเพลิดเพลินกับการโอ้อวดความสามารถ อาจจะต้องเผชิญกับโชคร้ายอีกครั้ง!