ตอนที่ 194 แย่งใจคน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 194 แย่งใจคน
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซ่างจื้อยกมือขึ้นประสานกันเพื่อคาราวะรัชทายาท “เรื่องสังหารทหารยอมจำนนทำให้ทุกแคว้นไม่พอใจมากอยู่แล้ว หากองค์ชายทูลขอให้ฝ่าบาททรงประหารแม่ทัพไป๋อีก ทุกแคว้นต้องคิดว่าองค์ชายไม่อยากรับผิดชอบจึงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่สตรีแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความคิด

“อีกอย่าง แม่ทัพไป๋ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพต้าจิ้น หากองค์ชายทำเช่นนั้น เหล่าทหารคงรู้สึกผิดหวังมากพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะมององค์ชายเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ฟางเหล่าลองคิดดูให้ดีว่าข้าพูดถูกหรือไม่ขอรับ!”

ฉินซ่างจื้อรู้ดีว่าฟางเหล่าสำคัญต่อรัชทายาทมากเพียงใด ขณะกล่าวโน้มน้าว เขาจึงยอมลดตัวแสดงความนอบน้อมต่อฟางเหล่าที่เขาดูถูก หวังเพียงว่ารัชทายาทจะฟังคำของเขา ยอมไว้ชีวิตไป๋ชิงเหยียน เช่นนี้การลดตัวของเขาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ฟางเหล่ามองฉินซ่างจื้อแวบหนึ่ง ลูบเคราของตัวเอง คงเป็นเพราะรู้สึกว่าฉินซ่างจื้อผู้ยอมหักไม่ยอมงอผู้นี้ก็มีวันลงให้แก่เขาด้วย แววตาของฟางเหล่าจึงเต็มไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม เขากล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ที่ฉินเซียนเซิงกล่าวมาก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน”

“กระหม่อมมีแผนพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงทูลขอให้ฝ่าบาทพระราชทานรางวัลให้แก่แม่ทัพไป๋ กล่าวว่าแม่ทัพไป๋มีความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงในสงครามครั้งนี้ ทูลขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แม่ทัพไป๋ อีกทั้งประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้ องค์ชายทรงเป็นพยานว่าที่แม่ทัพไป๋สังหารทหารยอมจำนนเหล่านั้นทั้งหมดเป็นเพราะกองทัพห้าหมื่นนายของเรากลัวว่าซีเหลียงจะแว้งกัดเราอีกรอบ! เช่นนี้ ทุกแคว้นจะได้รับรู้ว่านอกจากเจิ้นกั๋วอ๋องแล้ว แคว้นต้าจิ้นของเรายังมีแม่ทัพที่เก่งกาจทั้งสติปัญญา และการรบอย่างแม่ทัพไป๋คอยคุ้มครองแคว้นอยู่ อีกอย่าง องค์ชายจะได้ชื่อเสียงที่ดีงามเรื่องการใช้คนโดยไม่มีใจหวาดระแวง! ภายภาคหน้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องไม่มีคนยอมติดตามรับใช้องค์ชายอีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินซ่างจื้อโค้งกายคำนับรัชทายาทสุดตัว “นักรบของแคว้น หากอยากเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งของแคว้นจำต้องกล้าหาญและโหดเหี้ยม จึงจะสามารถทำให้ทุกแคว้นหวาดกลัวได้ รากฐานสำคัญของผู้นำแคว้นคือการมีคุณธรรม เมตตา และเที่ยงตรง เช่นนี้จึงจะสามารถปกครองบ้านเมืองให้สงบสุขได้! ดังนั้นองค์ชายไม่ควรแย่งชิงความดีความชอบทางทหาร แต่ควรแย่งชิงคุณธรรม ความเมตตาและใจของคนพ่ะย่ะค่ะ!”

ฟางเหล่าหรี่ตาแคบลง คิดตามคำกล่าวของฉินซ่างจื้อ…

นั่นสินะ องค์ชายได้เป็นรัชทายาทแล้ว ไม่ใช่องค์ชายที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งที่ต้องสะสมความดีความชอบเพื่อแย่งชิงบัลลังก์นั้นมา ส่วนองค์ชายคนอื่นที่เหลืออยู่ในตอนนี้…ซิ่นอ๋องและเหลียงอ๋องกลายเป็นคนไร้ค่าแล้ว เวยอ๋องอายุเพียงห้าขวบ และดูไม่ค่อยจะฉลาดสักเท่าใด เด็กในท้องของหลัวกุ้ยเฟยก็ยังไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ตอนนี้ตำแหน่งรัชทายาทขององค์ชายมั่นคงมาก

แม้ฟางเหล่าจะไม่อยากยอมรับ ทว่า แผนการของฉินซ่างจื้อเยี่ยมยอดมากจริงๆ แทนที่จะสังหารไป๋ชิงเหยียนเพื่อขอขมาทุกแคว้น ไม่สู้ปัดความรับผิดชอบทั้งหมดในครั้งนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลานั้นรัชทายาทค่อยออกมาปกป้องไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนต้องยอมติดตามรับใช้รัชทายาทอย่างแน่นอน เช่นนี้รัชทายาทก็จะได้ทั้งชื่อเสียงและอำนาจ อีกทั้งยังได้ความจงรักภักดีจากแม่ทัพผู้กล้าหาญอีกต่างหาก

“องค์ชาย กระหม่อมคิดว่าแผนการของฉินซ่างจื้อใช้ได้พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าวออกมา

เมื่อได้ยินฟางเหล่ากล่าวเช่นนี้ รัชทายาทจึงตัดสินใจได้ แม้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ความดีความชอบ ทว่า หากแลกกับการได้นักรบอย่างไป๋ชิงเหยียนมาคอยติดตามรับใช้อย่างซื่อสัตย์ก็ถือว่าคุ้มค่า

รัชทายาทพยักหน้า “เราก็คิดว่าฉินเซียนเซิงกล่าวได้ถูกต้องมาก เราเป็นผู้นำแคว้นไม่ใช่นักรบ ไม่จำเป็นต้องมีความดีความชอบ ควรจะแย่งชิงใจคนถึงจะถูก!”

ฉินซ่างจื้อได้ยินรัชทายาทกล่าวเช่นนี้จึงลอบถอนหายใจออกมา เช่นนี้แสดงว่ารักษาชีวิตของไป๋ชิงเหยียนไว้ได้แล้ว ใช่หรือไม่!

ไป๋ชิงเหยียนนำกองทัพต้าจิ้นสามหมื่นนายและทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ไล่ตามไปยังค่ายทหารของซีเหลียงที่เขตชายแดน กองทัพสองฝ่ายเผชิญหน้ากันโดยมีแม่น้ำจิงกั้นขวาง ยังไม่ได้เปิดศึกแต่อย่างใด

กองทัพซีเหลียงหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่ปลิวสะบัดตามลมอยู่กลางค่ายทหารใหญ่ ส่วนไป๋ชิงเหยียนกำลังรอข่าวของน้องชายเจ็ด น้องชายเก้าและเสิ่นชิงจู๋อยู่จึงยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวใดๆ

ฉินซ่างจื้อสั่งให้คนขี่ม้าเร็วนำจดหมายเรื่องที่รัชทายาทตั้งใจมอบความดีความชอบ และปัดความรับผิดชอบเรื่องการสังหารทหารยอมจำนนให้ไป๋ชิงเหยียนแต่เพียงผู้เดียวไปมอบให้ไป๋ชิงเหยียน

เนื่องจากกลัวว่าจะถูกรัชทายาทเห็นเข้า เนื้อหาในจดหมายที่ฉินซ่างจื้อเขียนล้วนเขียนเข้าข้างรัชทายาททั้งสิ้น บรรยายว่ารัชทายาทใจกว้างรู้สึกว่า ไม่ควรยึดความดีความชอบมาเป็นของตัวเอง กล่าวว่ารัชทายาทเชื่อใจหญิงสาวอย่างไรบ้าง อีกทั้งจะออกโรงปกป้องนางต่อหน้าฮ่องเต้อีกด้วย

หญิงสาวรู้ดีว่านี่คือผลจากการพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องนางของฉินซ่างจื้อ บุญคุณในครั้งนี้ของฉินซ่างจื้อ นางขอรับไว้ ไป๋จิ่นจื้อรับจดหมายจากมือของพี่สาวไปอ่านอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกเดือดดาลเป็นที่สุด

“องค์รัชทายาทช่างหน้าไม่อายจริงๆ หากไม่มีเรื่องสังหารทหารยอมจำนนที่หุบเขาเวิ่ง เขาต้องแย่งความดีความชอบไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ! พอเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้…เขากลับกล่าวว่าไม่ควรยึดความดีความชอบของพี่หญิงใหญ่ออกมาได้อย่างไม่ละอายใจ เขากลัวต้องรับผิดชอบเรื่องสังหารทหารยอมจำนนแท้ๆ”

“เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เหตุใดเจ้าต้องโมโหด้วย” ไป๋ชิงเหยียนปลงนานแล้ว คนของราชวงศ์เป็นเช่นนี้กันทุกคน พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้บ่อยจะตายไป

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ใช่วิญญูชน ทว่า นางก็ไม่ใช่คนถ่อยที่ไม่รักษาสัจจะของตัวเอง ในเมื่อตกลงกันไว้แล้วว่าจะมอบจวินกงในสงครามหนานเจียงครั้งนี้ให้รัชทายาท นางก็จะมอบให้เขาด้วยความเต็มใจ เพราะอย่างไรซะนางก็ใช้จวินกงแลกตำแหน่งเก้ามิ่งขั้นสูงสุดให้ไป๋จิ่นซิ่วล่วงหน้าไปแล้ว

ดังนั้น สงครามที่หุบเขาเวิ่ง ในเมื่อนางกล้าสังหารทหารยอมจำนน นางก็มีแผนการรับมือ และบ่ายเบี่ยงเรื่องสังหารทหารยอมจำนนให้รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว

ทว่า ในเมื่อรัชทายาทอดทนรอไม่ไหวเช่นนี้ นางคงต้องรับน้ำใจของรัชทายาทไว้ แล้วค่อยไปขอบคุณ…แสดงความจงรักภักดีต่อรัชทายาทก็แล้วกัน

หญิงสาวยืนมองดูสายน้ำที่ยังคงไหลรินโดยไม่เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง แม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาวอยู่ริมแม่น้ำจิง ในใจเต็มไปด้วยความหวังที่ว่าน้องชายเจ็ดและน้องชายเก้าอาจยังมีชีวิตอยู่

ไม่นาน เซียวรั่วเจียงก็ขี่ม้ามายังแม่น้ำจิง เซียวรั่วเจียงกระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่รอให้ม้าหยุดวิ่ง ชายหนุ่มกำหมัดคาราวะพลางกล่าวขึ้น

“คุณหนูใหญ่! แม่นางเสิ่นให้คนส่งจดหมายกลับมาขอรับ กล่าวหลิวฮ่วนจางสั่งให้คนดักซุ่มโจมตี คุณชายเจ็ดและคุณชายเก้ายังไปไม่ถึงเมืองหลวงของงซีเหลียงก็ถูกสกัดไว้ก่อนขอรับ นางสืบได้ว่าคุณชายทั้งสองถูกทหารกองทัพไป๋พาหนีไปหลังจากได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีร่องรอยของคุณชายทั้งสอง แม่นางเสิ่นกำลังตามหาอยู่ขอรับ!”

หลายวันก่อนเซียวรั่วเจียงได้รับข่าวว่ากองทัพไป๋ที่คุณชายเจ็ดและคุณชายเก้านำไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงเสียชีวิตลงหมดแล้ว เขาได้แต่เก็บงำไว้ไม่กล้าบอกกับคุณหนูใหญ่ โชคดีที่วันที่คุณหนูใหญ่เอ่ยถาม เขากังวลว่าคุณหนูใหญ่จะรับไม่ไหวจึงไม่ได้แพร่งพร่ายออกไป!

ข่าวของวันนี้ถือเป็นความหวังท่ามกลางความมืดหม่นจริงๆ!

สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปหาเซียวรั่วเจียงทันที ใจของหญิงสาวเต้นรัว หนีไปได้อย่างนั้นหรือ หมายความว่าน้องชายเจ็ดและน้องชายเก้าอาจยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่!

ไม่เพียงแต่ไป๋ชิงเหยียน ขนาดไป๋จิ่นจื้อได้ฟังยังตื่นเต้นจนแทบกระโดด ดวงตาทั้งสองข้างของสาวน้อยเป็นประกายวาว

“พี่ชายเจ็ดและพี่ชายเก้าหนีไปได้อย่างนั้นหรือ! หมายความว่ายังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ จริงหรือนี่!”

เซียวรั่วเจียงกำมือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อแน่น มีความสุขจนแทบควบคุมไม่อยู่ ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างแรง “จริงขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนข่มความดีใจของตัวเองเอาไว้ ถามเซียวรั่วเจียงต่อ “น้องชายเจ็ดและน้องชายเก้าถูกซุ่มโจมตีที่ใด บัดนี้เสิ่นชิงจู๋อยู่ที่ใด ผู้เป็นคนมาส่งข่าว ต้องการกำลังคนไปช่วยเพิ่มอีกหรือไม่!”

“เรียนคุณหนูใหญ่ ผู้ที่แม่นางเสิ่นใช้ให้มาส่งข่าวไม่ได้บอกขอรับ เขาจากไปแล้วขอรับ!”