ตอนที่ 195 ความมั่นใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 195 ความมั่นใจ
ขณะกล่าว เซียวรั่วเจียงตื่นเต้นจนน้ำเสียงสั่นไหว “แต่ว่า ท่านพี่ให้ข้าเรียนคุณหนูใหญ่ว่าเขาไม่มีเวลารายงานคุณหนูใหญ่ ตัดสินใจนำคนออกไปจากค่ายทหารโดยพลการแล้วขอรับ เขากล่าวว่าจะไปช่วยแม่นางเสิ่นตามหาคุณชายเจ็ดและคุณชายเก้าให้พบเร็วขึ้นขอรับ!”

เพราะได้ยินเรื่องการหลบหนีไปได้ของน้องชายทั้งสองคน ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนปรากฏแววยินดีอย่างแทบไม่เคยเห็น หญิงสาวกำมือแน่นพลางพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว หากหรู่ซยงให้คนมาส่งจดหมาย ท่านลอบพาเขามาพบข้าอย่างลับๆ ด้วย!”

“ขอรับ!” เซียวรั่วเจียงพยักหน้า

ครั้งนี้เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เซียวรั่วเจียงกำลังตะลึงกับข่าวที่ได้รับจึงไม่ทันรั้งตัวคนส่งจดหมายไว้ เซียวรั่วไห่ซึ่งเป็นพี่ชายของเขาตั้งสติได้เร็วกว่าเขา หลังจากรับรู้ข่าวชายหนุ่มอ้างว่าจะออกไปสำรวจค่ายทหารของซีเหลียง จากนั้นแอบนำทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งที่ลอบคุ้มครองไป๋ชิงเหยียนอยู่ลับๆ ไล่ตามคนส่งจดหมายไปทันที

ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งไป๋จิ่นจื้อ “เรื่องนี้เจ้ารับรู้อยู่ในใจก็พอ อย่าให้ผู้อื่นล่วงรู้เด็ดขาด มิเช่นนั้นหากรู้ไปถึงองค์รัชทายาทแล้วข่าวส่งไปถึงเมืองหลวง ท่านย่ากำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ที่วัดของราชวงศ์ ตระกูลไป๋ต้องเดือดร้อนแน่นอน!”

ไป๋จิ่นจื้อทราบดีว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ ราชวงศ์เป็นปฏิปักษ์กับตระกูลไป๋ พวกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนในงานเลี้ยงของวังหลวงคืนนั้นแล้ว

“พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ! ก่อนที่เรื่องนี้จะมีข้อสรุป ข้าจะอดกลั้นไว้เจ้าค่ะ ต่อให้ผ่าท้องของเสี่ยวซื่อออกมาดูก็ไม่มีทางรับรู้เรื่องนี้แน่นอนเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกตื่นเต้น ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่านอกจากที่พี่หญิงใหญ่จะเดินทางมายังหนานเจียงเพื่อปลอบขวัญกองทัพไป๋แล้ว นางยังเดินทางมาเพื่อรับพี่ชายเจ็ดและพี่ชายเก้าอีกด้วย!

แม้ไป๋จิ่นจื้อจะกล่าวว่านางควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ทว่า สาวน้อยอดมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำไม่ได้ “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่เจ้าคะ พี่ชายเจ็ดและพี่ชายเก้าอาจยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

อย่างไรเสียไป๋จิ่นจื้อก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น น้ำตาคลออยู่ในดวงตา สาวน้อยพยายามควบคุมไม่ให้น้ำตาไหลออกมาได้ก็ทำให้ไป๋ชิงเหยียนต้องมองนางใหม่แล้ว!

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า บีบมือเล็กของน้องสาวแน่น กล่าวออกมาช้าๆ “ที่แม่น้ำจิงนี่ไม่มีผู้อื่นอยู่ หากอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด ผู้ใดถามก็ตอบไปว่าเจ้าคิดถึงท่านปู่ ท่านพ่อ!”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน น้ำตาของไป๋จิ่นจื้อไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายในทันที ดีจริง…พี่ชายเจ็ดและพี่ชายเก้ายังมีชีวิตอยู่ หากท่านอาสะใภ้สี่ทราบว่าพี่ชายเจ็ดยังมีชีวิตอยู่ นางต้องไม่ทำตัวหมดอาลัยตายอยากดังเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน นางต้องอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อภาวนาขอพรให้พี่ชายเจ็ดมีอายุยืนเป็นร้อยปีแน่นอน!

หลังจากร้องไห้อย่างหนักอยู่ริมแม่น้ำจิงจนพอใจแล้ว ไป๋จิ่นจื้อและไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังค่ายทหารก็ทราบข่าวว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาถึงในอีกครึ่งชั่วยาม

ไป๋ชิงเหยียนนึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมารวดเร็วเช่นนี้ มาถึงแทบจะไล่เลี่ยกับจดหมายของฉินซ่างจื้อเลย

เพื่อแสดงว่านางซาบซึ้งในบุญคุณขององค์รัชทายาท ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนนำดาบล้ำค่าที่ได้มาตอนยึดเทียนเหมินกวนออกมา เตรียมมอบให้องค์รัชทายาทเพื่อแสดงความจงรักภักดี

ไป๋ชิงเหยียนนั่งมองดูดาบล้ำค่าที่วาวใสและแหลมคมอยู่ในกระโจมที่พัก หญิงสาวนึกถึงอาอวี๋น้องชายแท้ๆ ของตน อาอวี๋ถนัดใช้ดาบมากที่สุด ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเขาได้เลย

หญิงสาวจำได้ว่าตอนที่นางออกรบครั้งแรก อาอวี๋ที่สูงไม่ถึงอกของนางจับเชือกม้าของนางแน่น เงยหน้าฉีกยิ้มจนเห็นเหงือกอ่อนที่ฟันน้ำนมของเขาเพิ่งจะหลุดไปพลางกล่าวกับนางยิ้มๆ ว่า “พี่หญิงออกรบ หากยึดดาบล้ำค่าของศัตรูมาได้ อย่าลืมเก็บไว้ให้ข้าด้วยนะขอรับ”

ตอนนั้นนางรับปากว่าจะเก็บดาบล้ำค่ามาให้อาอวี๋ ต่อมานางยังไม่เจอดาบที่คู่ควรกับอาอวี๋เลยสักเล่ม บัดนี้นางเจอแล้ว…ทว่า อาอวี๋กลับไม่อยู่แล้ว

นางไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอาอวี๋…ไม่ได้มอบดาบล้ำค่าให้แก่เขา อาอวี๋ก็ไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แก่นาง เขาติดค้างหินโลหิตนกพิราบที่งดงามที่สุดในหนานเจียงให้แก่นางก้อนหนึ่ง!

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ หญิงสาวกำดาบล้ำค่าแน่น ดวงตาแดงก่ำ

ได้ยินเซียวรั่วเจียงรายงานว่ารถม้าขององค์รัชทายาทใกล้จะถึงหน้าค่ายทหารแล้ว หญิงสาวเก็บดาบเข้าฝัก หลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์

อีกครู่ นางยังต้องแสดงละครต่อหน้าองค์รัชทายาทอีกฉากหนึ่ง

ในเมื่อรู้สึกซาบซึ้งใจในตัวองค์รัชทายาท เมื่อทราบว่าองค์รัชทายาทเสด็จมา ย่อมต้องออกไปรอต้อนรับสิ!

หญิงสาวนำดาบวางลงบนชั้นที่สะดุดตาที่สุดในกระโจม นำคนขี่ม้าเร็วไปยังทิศทางที่รถม้าขององค์รัชทายาทเสด็จมา

เฉวียนอวี๋นั่งอยู่บนที่นั่งของคนบังคับม้า มองเห็นไป๋ชิงเหยียนนำทหารในชุดเกราะจำนวนหนึ่งเดินทางมาต้อนรับองค์รัชทายาทด้วยท่าทีองอาจสง่างาม เขาหันกลับไปรายงานองค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ในรถม้า “องค์ชาย แม่ทัพไป๋นำทหารมาต้อนรับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ! ในใจของนางต้องมีองค์ชายอยู่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

แม้ตอนที่องค์รัชทายาทยังเป็นเพียงฉีอ๋อง เฉวียนอวี๋จะเป็นขันทีที่รับใช้ข้างกายขององค์รัชทายาทแล้ว ทว่า บรรดาคุณชายสูงศักดิ์และสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนดูถูกขันที! คนที่ต้องการประจบสอพลอฉีอ๋อง แม้จะเรียกเขาอย่างให้เกียรติว่าท่านอย่างโน้นท่านอย่างนี้ แต่ต่างเอาเขาไปนินทาลับหลังกันทั้งนั้น

มีเพียงสตรีสูงศักดิ์ซึ่งเป็นหลานสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกงเท่านั้นที่ไม่เคยใช้สายตาราวกับมองของเล่นมองมาที่เขาอย่างดูถูก หญิงสาวมองเขาเหมือนเขาเป็นคนคนหนึ่ง เฉวียนอวี๋รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่ามีเพียงอยู่ในสายตาของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้นที่เขาจะรู้สึกว่าเขาเหมือนคนปกติทั่วไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อมาเมื่อไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเกราะออกไปสู้รบกับกองทัพที่ร่วมมือกันของซีเหลียงและหนานเยี่ยน ยิ่งทำให้เฉวียนอวี๋รู้สึกนับถือไป๋ชิงเหยียนมากเข้าไปใหญ่ นึกถึงคนทุกรุ่นของจวนเจิ้นกั๋วกงที่มีแต่ความจงรักภักดีมาตลอด แม้เขาต่ำต้อยแต่ก็ยังมีเลือดร้อนอยู่ในกาย ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เฉวียนอวี๋ยินดีกล่าวชมไป๋ชิงเหยียนต่อหน้าองค์รัชทายาทโดยไม่ได้รับสินบนใดๆ ทั้งสิ้น

องค์รัชทายาทหลับตาเอนกายพิงหมอนนุ่มอยู่ในรถม้า ในใจยังรู้สึกไม่อยากสละจวินกงให้ไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อได้ยินเฉวียนอวี๋กล่าวเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเพียงเสียงกระตุกบังเหียน องค์รัชทายาทก็รู้ได้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้าแล้ว

“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาจึงไม่ได้ไปต้อนรับพ่ะย่ะค่ะ” ท่าทีของไป๋ชิงเหยียนนอบน้อมเป็นอย่างมาก คำกล่าวของหญิงสาวไม่ประจบสอพลอ ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง

“แม่ทัพไป๋!” เฉวียนอวี๋ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ยังไม่ได้ยินดีกับแม่ทัพไป๋ที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้เลยขอรับ!”

“ขอบคุณมากขอรับ…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้น้อยๆ ไม่ได้มีท่าทีโอหังดูถูกเฉวียนอวี๋แม้แต่น้อย

เฉวียนอวี๋รู้สึกดีมากเข้าไปใหญ่ รอยยิ้มในดวงตาชัดขึ้นกว่าเดิม

องค์รัชทายาทแหวกม่านรถม้าออก มองดูไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่นอกรถม้าด้วยท่าทีองอาจสง่างาม กล่าวยิ้มๆ “เราแค่มาดูเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด จะให้คุณหนูใหญ่มาต้อนรับได้อย่างไรกัน ทว่า คุณหนูใหญ่มาก็ดีแล้ว ไปเดินเล่นที่แม่น้ำจิงเป็นเพื่อนเราสักหน่อยเถิด”

หากต้องการเกลี้ยกล่อมให้คนคนหนึ่งยอมสวามิภักดิ์ หลังจากแสดงความเมตตาแล้ว ต้องให้คนผู้นั้นรับรู้ความดีของเราด้วย ให้นางรู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้มีเพียงติดตามรับใช้องค์รัชทายาทอย่างเขาเท่านั้น นางจึงจะมีชีวิตต่อไปได้!

องค์รัชทายาทอมยิ้มจับมือเฉวียนอวี๋ก้าวลงมาจากรถม้า กวาดสายตามองไปยังทหารที่ไป๋ชิงเหยียนพามา ไป๋จิ่นจื้อที่รับเชือกม้าไปจากไป๋ชิงเหยียน สุดท้ายสายตาหยุดลงที่ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบทหาร

บางทีอาจเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนอยู่ในเครื่องแบบทหาร องค์รัชทายาทจึงนึกถึงเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและเจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซานขึ้นมา ว่าไปก็น่าขัน แม้เขาจะเป็นองค์ชาย ทว่ากลับรู้สึกหวาดกลัวแม่ทัพผู้กล้าทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้ ความมั่นใจที่มีในตอนแรกจึงลดลงไปไม่น้อย ไป๋ชิงเหยียนเดินตามหลังองค์รัชทายาทโดยทิ้งระยะห่างครึ่งก้าวไปยังแม่น้ำจิง