ตอนที่ 196 เรื่องราวดีๆ ระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 196 เรื่องราวดีๆ ระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง
รัชทายาทเดินเอามือไขว้หลังทอดยาวไปตามริมแม่น้ำพลางครุ่นคิด จากนั้นค่อยๆ ชะงักฝีเท้าลง

ไป๋ชิงเหยียนที่เดินตามหลังรัชทายาทชะงักฝีเท้าตาม เห็นรัชทายาทหันไปมององครักษ์ที่ทิ้งระยะห่างจากพวกนางระยะหนึ่งแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้น

“ก่อนเดินทางมาที่หนานเจียง เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งสั่งลับแก่เรา ว่าหากเรื่องทุกอย่างที่หนานเจียงจบลงแล้ว คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่จำเป็นต้องตามกลับไปเมืองหลวงอีก เจ้าเข้าใจความหมายหรือไม่”

“ต้องการชีวิตหม่อมฉันหรือเพคะ”

ไป๋ชิงเหยียนถามอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งทำให้รัชทายาทรู้สึกร้อนตัวเข้าไปใหญ่ มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังกระชับแน่น ไม่รู้ว่าแผนการที่ฟางเหล่าเสนอจะใช้ได้ผลหรือไม่

“แต่เราต้องการปกป้องเจ้า!” รัชทายาทกล่าว

เสียงน้ำในแม่น้ำจิงไหลดังจนแทบกลบเสียงของรัชทายาทไปหมด

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับกำหมัดกล่าวกับรัชทายาท

“องค์รัชทายาทมีบุญคุณกับหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อาจทำให้พระองค์ลำบากพระทัยเพคะ จักรพรรดิต้องการชีวิตของขุนนาง ขุนนางก็ต้องมอบให้ หวังว่าองค์ชายจะไว้ชีวิตหม่อมฉันจนกว่าสงครามจะยุติลง! แม้ต้องตายในสนามรบก็ไม่เสียชื่อตระกูลไป๋เพคะ”

ได้ยินคำว่า “บุญคุณ” รัชทายาทหูผึ่งในทันที อดนึกถึงความจงรักภักดีของคนตระกูลไป๋ทุกรุ่นไม่ได้ เขาส่ายหน้า “แม้เราไม่มีความสามารถ แต่ก็รู้ดีว่าบัดนี้แคว้นต้าจิ้นของเราไม่มีผู้ใดเก่งกาจในการรบไปมากกว่าคุณหนูไป๋อีกแล้ว! คุณหนูไป๋จะตายไม่ได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเราก็จะปกป้องชีวิตของเจ้าให้ปลอดภัย”

รัชทายาทกล่าวจริงสามส่วน โกหกอีกเจ็ดส่วน แสดงละครอย่างสมจริงมาก ผู้ใดได้ยินก็คงเชื่อตามนั้นจริงๆ

ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนนึกได้ว่าท่านปู่ของนางก็เคยโดนฮ่องเต้หลอกเช่นนี้เหมือนกัน ท่านมอบใจที่จงรักภักดีให้แก่ฮ่องเต้ทั้งหมด ทว่า สิ่งที่ได้กลับมาคือการที่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียงทั้งหมด ไม่เหลือรอดกลับมาแม้แต่คนเดียว หญิงสาวรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากจริงๆ

รัชทายาทในตอนนี้ช่างเหมือนกับฮ่องเต้ในตอนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน!

ไป๋ชิงเหยียนไม่สามารถแสร้งทำเป็นร้องไห้ออกมาได้ หญิงสาวทำเพียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น กำหมัดกล่าวกับรัชทายาท

“หม่อมฉันจะทำให้องค์ชายลำบากพระทัยได้อย่างไรเพคะ”

รัชทายาทพยุงไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้น “ต่อให้ลำบากเพียงใดเราก็จะปกป้องคุณหนูใหญ่ไป๋ ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด แต่เพื่อชาวบ้านของแคว้นต้าจิ้น คุณหนูใหญ่ยินดีติดตามรับใช้เราหรือไม่”

“องค์ชาย…” ไป๋ชิงเหยียนเม้มปาก เอ่ยขึ้น “ขอบังอาจถามได้หรือไม่เพคะว่าความปรารถนาในชีวิตนี้ขององค์ชายคือสิ่งใด”

รัชทายาทกำมือแน่น นึกถึงคำกล่าวที่ฉินซ่างจื้อกล่าวกับเขาก่อนหน้านี้…

ฉินซ่างจื้อกล่าวว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้สืบทอดนิสัย และความคิดมาจากบรรพบุรุษตระกูลไป๋ทั้งหมด มีชีวิตอยู่เพื่อชาวบ้าน ยอมตายเพื่อบ้านเมืองคือคำสั่งสอนของตระกูลไป๋ หากรัชทายาทต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนสวามิภักดิ์ต่อตน รัชทายาทต้องทำให้ไป๋ชิงเหยียนเห็นถึงปณิธานของตัวเอง

ฉินซ่างจื้อยังเตือนรัชทายาทไม่ให้ลืมถ้อยคำไว้อาลัยที่ไป๋ชิงเหยียนอ่านในพิธีศพ นามรองของไป๋เวยถิงคือปู้อวี๋ หวังเพียงคืนความสงบสุขให้ชาวบ้าน สร้างสันติสุขให้ทั่วหล้า ปณิธานมั่นคงหนักแน่นจวบจนวันตาย

รัชทายาทท่องถ้อยคำนี้อยู่ในใจ จ้องลึกไปยังดวงตาที่สงบนิ่งของไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น

“ความปรารถนาของเราคือการทำให้ชาวบ้านอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง และสงบสุขอย่างแท้จริง”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางรัชทายาทนิ่งๆ หวนนึกว่าตอนที่ฮ่องเต้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้กับท่านปู่ของนาง ท่าทีของเขามีแต่ความจริงใจดังเช่นที่รัชทายาทแสดงกับนางตอนนี้หรือไม่

“องค์ชายทราบหรือไม่เพคะ ว่าเหตุใดท่านปู่ของหม่อมฉันจึงพาบุรุษตระกูลไป๋ทั้งหมดมาออกรบที่หนานเจียงเช่นนี้”

เหนือความคาดหมาย ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้แสดงความจงรักภักดีต่อรัชทายาท แต่กลับกล่าวเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นนี้ออกมา รัชทายาทยังอยู่ในความมึนงงจึงตอบออกไปอย่างไม่มีสติ “ไม่รู้…”

“ตอนนั้นฮ่องเต้ตรัสกับท่านปู่ของหม่อมฉันว่าปณิธานของพระองค์คือใต้หล้า ในเมื่อท่านปู่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ในฐานะขุนนาง ท่านจึงวางแผนเพื่อปณิธานของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ต้องการใต้หล้า เช่นนั้นแคว้นต้าจิ้นจำต้องมีนักรับที่แข็งแกร่งและเก่งกาจ! ขุนนางตระกูลอื่นไม่ยินยอมให้ลูกหลานของพวกเขาไปออกรบ! ท่านปู่ของข้าจึงให้ทายาทของตระกูลไป๋ทุกคน ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี บุตรภรรยาหลวงหรือบุตรอนุไปออกรบเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ทุกคน เตรียมพร้อมออกรบในวันที่ฮ่องเต้บุกไปรบกับแคว้นอื่น!”

รัชทายาทนิ่งอึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ไป๋เวยถิงนำบุรุษตระกูลไป๋ทั้งหมดไปออกรบเพื่อการนี้เองนะหรือ!

“ดังนั้นวันนี้หากไป๋ชิงเหยียนจะจงรักภักดีต่อองค์ชาย เหยียนต้องทราบแน่ชัดถึงปณิธานของพระองค์ องค์ชายได้โปรดบอกหม่อมฉันให้กระจ่างแจ้ง มิเช่นนั้นอาจเป็นเหมือนท่านปู่และฮ่องเต้ ท่านปู่ของหม่อมฉันไม่เข้าใจความคิดทั้งหมดของฮ่องเต้ เอาแต่ทำตามที่ท่านคิดอยู่ฝ่ายเดียวจนทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยจนเกิดเหตุการณ์จักรพรรดิหวาดระแวงในตัวขุนนางขึ้นมา”

รัชทายาทมองไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจัง ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถ้อยคำนี้อย่างบังอาจมาก หากไม่ใช่เพราะอยากสวามิภักดิ์ต่อเขาจริงๆ หญิงสาวจะกล้ากล่าวถ้อยคำตำหนิจักรพรรดิองค์ปัจจุบันออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่ไรมา ตราบใดก็ตามที่แม่ทัพเลือกนาย จุบจบของพวกเขาคงเป็นเหมือนไป๋เวยถิงทุกคนสินะ!

ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทายาท หากสวามิภักดิ์เขา ไม่แต่งงานตลอดชีวิต หญิงสาวย่อมจงรักภักดีต่อเขาไปจนวันตายแน่นอน

ฟางเหล่าเคยเสนอให้เขารับไป๋ชิงเหยียนมาเป็นชายารอง ทว่า แม้ไป๋ชิงเหยียนจะงดงามมากเพียงใด ทุกครั้งที่รัชทายาทเห็นท่าทีองอาจ และสง่าผ่าเผยของไป๋ชิงเหยียนมักให้ความรู้สึกเหมือนนางเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินได้ เขาไม่อาจคิดเกินเลยกับนางในทางชู้สาวได้เลย ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป

บัดนี้ รัชทายาทกำลังลังเลว่าจะบอกไป๋ชิงเหยียนไปตามความจริงว่าเขาต้องการปกป้องแค่แผ่นดินที่รุ่งเรืองของแคว้นต้าจิ้น หรือควรกล่าวตามที่ฉินซ่างจื้อบอก แสดงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของตัวเองให้ไป๋ชิงเหยียนได้เห็น

รัชทายาทไม่ได้รีบร้อนตอบออกไป ไป๋ชิงเหยียนจึงยืนฟังเสียงน้ำไหลอย่างสงบนิ่ง ไม่นาน รัชทายาทจึงเงยหน้าขึ้นสบตาไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น

“เสด็จพ่อเข้าใจเจิ้นกั๋วอ๋องผิดไป เราไม่มีทางเข้าใจแม่ทัพไป๋ผิดเด็ดขาด! แต่ไรมาจักรพรรดิผู้ทรงคุณธรรมและขุนนางมากความสามรถที่มีคุณธรรมคือการผสมผสานที่ลงตัว เราหวังว่าร้อยปีหลังจากนี้ เราและแม่ทัพไป๋จะสร้างเรื่องราวดีๆ ระหว่างจักรพรรดิและขุนนางลงในบันทึกประวัติศาสตร์”

แม่ทัพไป๋!

รัชทายาทเปลี่ยนคำเรียกขาน เท่ากับเป็นการบอกกับนางว่า เขาไม่ได้เห็นนางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น เขาเห็นนางเป็นขุนนางที่สามารถพึ่งพา สามารถสร้างความสำเร็จร่วมกับเขาได้

ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าลงบนพื้น ก้มศีรษะคำนับรัชทายาทหนึ่งครั้ง

“ไป๋ชิงเหยียนยินดีสละชีพ บุกน้ำลุยไฟเพื่อทำให้ปณิธานขององค์รัชทายาทเป็นจริงเพคะ” เช่นนี้ก็ถือว่าไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นคนของรัชทายาทเต็มตัวแล้ว

รัชทายาทตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาโน้มตัวประคองไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้น

“ทว่า เรื่องสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้า เรายังไม่ต้องรีบร้อนหรอก สิ่งสำคัญในตอนนี้คือสร้างความสงบสุขในต้าจิ้นให้ได้เสียก่อน!”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เชื่อว่ารัชทายาทต้องการสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าจริงๆ

การมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำจิงในครั้งนี้ รัชทายาทแค่ต้องการแสดงละครให้นางดู นางก็แค่แสดงละครกลับให้รัชทายาทเห็นก็เท่านั้น

สิ่งที่รัชทายาทปรารถนามีเพียงได้นั่งอยู่บนบัลลังก์เพื่อปกครองแคว้นต้าจิ้นเท่านั้น แม้จุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน ทว่า สามารถหลอกใช้ได้สักระยะหนึ่ง

คิดได้ดังนี้ ไป๋ชิงเหยียนชะงักไป…

ตอนที่ฮ่องเต้กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นกับท่านปู่ พระองค์มีเจตนาหลอกใช้ท่านปู่แอบแฝงอยู่เหมือนกันใช่หรือไม่

ผ่านเรื่องราวมามากมาย ใจของนางเปลี่ยนไปแล้ว นางทำผิดต่อคำสั่งสอนของท่านปู่ ผิดต่อคำสั่งสอนของตระกูลไป๋ กลายเป็นคนถ่อยอย่างเต็มตัว

ทว่า นางไม่เสียใจ…

หนทางขรุขระในภายภาคหน้า ขอแค่ปกป้องตระกูลไป๋ กองทัพไป๋ไว้ได้ ขอแค่สานต่อปณิธานของคนทุกรุ่นในตระกูลไป๋ได้สำเร็จ นางจะขอเป็นคนถ่อยอย่างเปิดเผยเอง

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ตอบเสียที รัชทายาทกำมือแน่น ถามอีกครั้ง

“คุณหนูใหญ่คิดว่าเรากล่าวไม่ถูกต้องหรือ?”