บทที่ 65 เจ้าสั่งสอนเขาสักหน่อยสิ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 65 เจ้าสั่งสอนเขาสักหน่อยสิ
ไป๋ยี่เซวียนหันไปมองด้านหลังพลางพูดว่า “ไปแจ้งความกับทางการ”

พ่อครัวนั่นพอได้ยิน ก็หมุนตัววิ่งออกไปด้านนอกทันที

พวกคนที่มาหาเรื่องในห้องส่วนตัวสีหน้าเปลี่ยนสีกันทันที คนที่ปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดรีบกระโดดขึ้นมาตะโกนว่า “โรงเตี๊ยมเทียนเซียงของพวกเจ้าไม่แน่จริง เล่นใช้ไม้นี้เลย!”

ไป๋ยี่เซวียนกลับยังคงสุภาพดุจเดิมบอกว่า “ในเมื่อพวกท่านอยากได้คำตอบ เช่นนั้นก็ให้ทางการมาร่วมด้วยเถิด นี่ก็จะได้ไม่กระทบลูกค้าท่านอื่น หรือให้คนเอาไปพูดได้ว่า โรงเตี๊ยมเทียนเซียงเราไม่รู้จักหลักการรับรองแขก”

พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้วขึ้น ในใจรู้สึกเลื่อมใสไป๋ยี่เซวียนขึ้นมาหลายส่วน

สมเป็นเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมมาหลายปี วิธีการนี่สุดยอดจริงๆ!

คนโต๊ะนั้นมองหน้ากันไปมา สุดท้ายคนที่ หัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์โบกมือใส่คนที่เหลือ “พวกเราไป!”

พอคำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็พากันลุกขึ้น คนหนึ่งในนั้นออกแรง ล้มโต๊ะทั้งโต๊ะเลย

จานชามร่วงหล่นลงพื้น ส่งเสียงแตกดังเพล๊งไปตามๆกัน

“เจ้าคนแซ่ไป๋ ข้าจำเจ้าได้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!”

ไป๋ยี่เซวียนหันหลังให้พวกโจวกุ้ยหลาน พวกเขาเลยมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพียงแต่วินาทีต่อมา นางก็ได้เห็นไป๋ยี่เซวียนยื่นมือขวางหน้าพวกเขาไว้ “รบกวนจ่ายค่าจานชามและโต๊ะมาด้วย”

คนโต๊ะนั้นหัวเราะกันคืน ผู้ชายที่หัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์คนนั้นยื่นมือตบไหล่ไป๋ยี่เซวียนพลางหัวร่อว่า “เถ้าแก่ไป๋มิได้บอกว่าไม่คิดเงินรึ? กลับคำแล้วรึ?”

ไป๋ยี่เซวียนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าหมายถึงเงินค่าอาหาร มิได้รวมถึงจานชามที่แตกหักพวกนั้น”

ผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์คนนั้นหัวเราะครืนใหญ่ ผู้ชายหลายสิบคนที่เขาพามาเริ่มเข้ามาห้อมล้อมอย่างช้าๆ และยังปิดประตู ขนาดพ่อครัวที่คิดจะลอบออกไปแจ้งทางการยังโดนพวกเขาจับตามองไว้เลย

ส่วนแขกอื่นๆที่มามุงดูก็โดนสกัดไว้ด้านนอก บางคนหนีไปอย่างหวาดกลัวแล้ว

โจวกุ้ยหลานดึงชายเสื้อสวีฉางหลิน พลางถามเขาเสียงเบาว่า “เจ้าสู้ผู้ชายคนที่หัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์นั่นได้หรือไม่?”

ในใจนาง สวีฉางหลินหลงตัวเองว่าเก่ง ก่อนหน้านี้ถีบเดียวก็ทำพ่อค้าจางกระเด็น จนตอนนี้ยังขยาดไม่กล้าคุยกับพวกเขาตามลำพังเลย ถึงจะถามอย่างนี้ แต่ในใจนางก็มีคำตอบนานแล้ว

สวีฉางหลินตอบรับเสียงเบา “ไม่มีปัญหา”

“งั้นดี เจ้าสั่งสอนเขาสักหน่อยเถิด” โจวกุ้ยหลานแอบสั่งสวีฉางหลิน

เมียตนออกปากแล้ว งั้นต้องทำตามอยู่แล้ว

เขาก้าวเท้ายาวขึ้นหน้า ไปยืนด้านหลังไป๋ยี่เซวียน

“โย่ เถ้าแก่ใหญ่ไป่ ท่านนี่เก่งนะ พวกข้าพี่น้องกินกันไม่เอร็ดอร่อยเลย จะระบายหน่อยไม่ได้รึ?”

ผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์คนนั้นยื่นมือจะไปแตะหน้าไป๋ยี่เซวียน ใกล้จะถึงแล้ว ข้อมือกลับโดนคนหนึ่งคว้าจับไว้ เขาหันหน้าไปดู ก็เห็นว่า ผู้ชายผิวคล้ำคนหนึ่งกำลังจ้องเขาอย่างเย็นชา

“ไอ้หนู ปล่อยข้านะ ไม่งั้นเจ้าโดนดีแน่!”

น้ำเสียงข่มขู่เต็มที่ เหมือนกับวินาทีต่อมาจะกัดสวีฉางหลินให้ตายเลย

ไป๋ยี่เซวียนก็หันไปดู และเห็นพรานที่คอยมาส่งของป่าให้เขาในอดีต ในใจก็ตกใจนัก

เขาไม่ใช่คนโง่ เวลานี้คนที่กล้าออกหน้าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

“เจ้าจะให้ข้าโดนดียังไง?”

น้ำเสียงสวีฉางหลินเหมือนพกพาไอเย็นบีบคั้นคนชนิดหนึ่ง เขาถามเสียงเย็นชา

ราศีนี้ทำให้ผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์คนนั้นสั่นสะท้านเยือก ถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

คนผู้นี้แกร่งนัก เมื่อครู่ตนไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขาเข้ามาใกล้

แต่พอคิดถึงเงินที่ได้มาวันนี้ เขาก็ได้แต่เชิดคอพูดเสียงเย็นชาว่า “งั้นต้องแล้วแต่พี่น้องข้าแล้วล่ะ!”พูดจบคำนี้ เขาผิวปาก บรรดาชายฉกรรจ์ที่ห้อมล้อมอยู่ก็เดินมาทางพวกเขาทันที

ผู้ชายที่ปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดกระโดดขึ้นมาตะคอกใส่ทันทีว่า “ปล่อยพี่ใหญ่นะ!”

พอตะโกนเสร็จ ก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาพุ่งมาทางนี้

ไป๋ยี่เซวียนร้องบอกทันทีว่า “ระวัง!”

ไม่รอเขาพูดจบ ก็เห็นสวีฉางหลินยกเท้าถีบผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์ ผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์คนนั้นโดนเขาถีบลอยออกไป ไถลกับพื้นไปไกลพอสมควร

ไป๋ยี่เซวียนกะพริบตา สวีฉางหลินก็ยกเท้าถีบเก้าอี้ที่ฟาดลงมาใส่เขานั่นแตกกระเด็น

และคนที่ปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดก็โดนสวีฉางหลินบีบคอไว้

ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้านเยือก ผู้ชายพวกนั้นที่คิดหาเรื่องพากันถอยไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว และมองสวีฉางหลินอย่างหวาดระแวง

คนที่ปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดหายใจไม่ออก หน้าแดงก่ำบวมปูด เขาพยายามใช้สองมือแกะมือสวีฉางหลินที่บีบคอเขาอยู่ออก แต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด

และผู้ชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์นั่นที่โดนถีบกระเด็นไปตกที่พื้นนั่นก็ยังคงลุกขึ้นมาไม่ไหว ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังและหน้าอกทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก

เจ็บปวดนัก!

“เถ้าแก่ไป๋ คนพวกนี้จะจัดการอย่างไร?” สวีฉางหลินถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไป๋ยี่เซวียนที่ยืนตะลึงอยู่ถึงได้สติกลับมา รีบกลับสู่ความสงบนิ่งดุจเดิม เอ่ยปากว่า “ให้พวกเขาไปจากโรงเตี๊ยมเทียนเซียงของข้าให้หมด!”

สวีฉางหลินจ้องมองชายปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดที่โดนเขาบีบคอไว้อยู่ พลางถามเสียงเย็นว่า “ได้ยินแล้วหรือไม่?”

ชายปากแหลมหน้าตาน่าเกลียดนั่นพยักหน้าอย่างยากลำบาก ขืนไม่รีบพยักหน้า ตนต้องโดนบีบคอตายที่นี่แน่

หลังจากนั้นหันไปมองชายหัวอ้วนหูใหญ่สมบูรณ์ที่ดิ้นรนอยู่บนพื้น ถามเสียงเย็นอีกว่า “เจ้าล่ะ?”

สายตาคู่นั้นมีประกายสังหารอย่างแท้จริง ทำให้หัวใจชายที่ดื่มเลือดจากคมดาบอยู่หลายปียังสะท้านเยือก ไม่คิดอะไรมาก รีบบอก “พวกเราไป!”

พอได้ยินคำตอบของเขา สวีฉางหลินถึงปล่อยมือ คนข้างๆรีบเข้าไปพยุงสองคนนั้น

คนทั้งกลุ่มเดินอ้อมไป๋ยี่เซวียนและสวีฉางหลินที่ยืนอยู่กลางห้อง ก้มหน้าเดินดุ่มๆออกจากห้องส่วนตัวไป ระหว่างที่ผ่านไปด้านนอก โจวกุ้ยหลานรีบเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้

รอจนคนพวกนั้นไปกันหมดแล้ว เหล่าคนที่ห้อมล้อมอยู่ด้านนอกพากันปรบมือร้องบอก “เยี่ยมเลย!”

โจวกุ้ยหลานดีใจนัก ไอ้หยา สามีนางหล่อจังเลย!

ไป๋ยี่เซวียนที่ยืนอยู่กลางห้องกำหมัดคารวะสวีฉางหลิน พลางพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อมใสว่า “ขอบคุณท่านมากที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ!”

วันนี้หากไม่มีสวีฉางหลิน เขาจะจัดการเรื่องก็ได้ แต่ไม่มีทางสบายเช่นนี้

สวีฉางหลินกำหมัดคารวะตอบ พลางว่า “มิต้องเกรงใจ”

พูดจบ ก็เดินไปหาเมียตน

ไป๋ยี่เซวียนมองตามสายตาเขา ก็เห็นโจวกุ้ยหลานที่ยิ้มให้พวกเขา

เขาเลยยิ้มให้นางพลางว่า “ที่แท้พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่ด้วย”

เรียกนางว่าพี่สะใภ้ แสดงว่านับถือสวีฉางหลินเป็นพี่ชาย

นางรู้สึกประทับใจไป๋ยี่เซวียนมากขึ้นอีกหลายส่วน

“เถ้าแก่ไป๋เกรงใจไปแล้ว” นางตอบกลับ และยกเท้าเดินเข้าไปในห้อง มายืนข้างกายสวีฉางหลิน

สายตาแอบมองสำรวจเขา พลางถามเสียงต่ำว่า “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”

“ไม่เป็นไร” สวีฉางหลินรู้สึกดี เมียเป็นห่วงเขานะเนี่ย

ไป๋ยี่เซวียนหันไปกำหมัดคารวะคนมุงด้านนอกพลางว่า “รบกวนทุกท่านทานอาหารแล้ว วันนี้ร้านเราขอมอบสุราชั้นดีหนึ่งกาให้ทุกโต๊ะ หวังว่าทุกท่านจะดื่มกินให้อร่อย!”