ตอนที่ 93: ถ้าอยากโดดนัก ก็หาตึกที่มันสูงกว่านี้หน่อยสิ 2

เตเบซพลันกล่าวคําพูดกับนักบัญชี “ทําตามที่หมอนั่นบอก”

ไม่นานนัก นักบัญชีก็พลันเดินจากไป และกลับมาพร้อมสัญญา

หลังจากที่เตเบซลงนามในสัญญา ข้อตกลงการโอนหุ้นก็มีผลบังคับใช้โดยทันที หลังจากนั้นเตเบซก็ยืนขึ้นและโยนสัญญาลงไปบนโต๊ะ พร้อมกับพลิกไพ่บนมือและตะโกน “สําหรับครั้งนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างนายจะมือขึ้นสี่รอบติดนะ!”

ทันทีที่เห็นว่าเตเบซหน้าแดงด้วยความโกรธ ใบหน้าของหลินจื้อซือ คุณแม่หลินและหลินกุ้ยเหลินก็พลันเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ ทั้งสามต่างก็คิดว่าเตเบซก็คงจะกล้าเพิ่มเงินเดิมพัน แต่เขาคงไม่มีคอมโบใหญ่ ๆ ในมือแน่ ทว่า ทั้งสามไม่ได้คาดคิดถึงไฟฟลัชและไพ่แหม่มเลย นอกจากนี้ มันก็มีเพียงแค่ไม่คิงและเอซเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะไพ่แหม่มได้ ถึงกระนั้น โอกาสที่เสี่ยวเฉิงจะชนะพนันด้วยไพ่คิงและเอซนั้นมีน้อยมาก อันที่จริง เสี่ยวเฉิงแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยด้วยซ้ํา

หลังจากได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งสามคน รอยยิ้มของเตเบซก็พลันสดใสขึ้น “ถึงแม้ว่านายจะมีไพ่ฟลัช แต่ฉันก็มีแหม่มโพดําในมือ เพราะแบบนั้น นายเอาชนะฉันไม่ได้แน่ นอกเสียจากว่านายจะมีเอซกับคิงในมือ แต่ก็นะ หลังจากนั่งนับไพ่อยู่สักพัก ฉันก็จําได้ว่าเราทิ้งดิ่งไปสองใบ แล้วก็ทิ้งเอซไปสามใบแล้ว เพราะฉะนั้น โอกาสที่นายจะได้คิงหรือเอซก็เรียกได้ว่าต่ํามาก ยังไม่หมดแค่นั้นนะ โอกาสที่นายจะได้ไพ่ฟลัชก็น้อยมากด้วยเช่นกัน พอลองคํานวณดูแล้ว โอกาสที่นายจะชนะแหม่มโพดําในมือของฉันได้ก็แทบจะไม่มีเลยล่ะ” อันที่จริง เตเบซไม่ได้รู้เรื่องการนับไพ่หรือการวิเคราะห์ไพ่เลยด้วยซ้ํา ทั้งหมดเป็นการคํานวณของทิม เตเบซในตอนนี้ก็เพียงแค่กล่าวคําพูดออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้หลินจื้อซือ โดยแสร้งทําเป็นว่าตัวเองฉลาดก็เท่านั้น

และเรื่องราวก็เป็นเช่นนั้น หากคํานวณดูแล้ว เสี่ยวเฉิงในตอนนี้มีโอกาสได้ไพ่ที่จะชนะ เตเบซน้อยมากถึงมากที่สุด ไม่ต้องพูดถึงการสับสํารับไพ่ใหม่เลย… โอกาสที่เสี่ยวเฉิงจะชนะนั้นมีน้อยกว่า 5% เสียอีก อีกทั้งทุกอย่างก็เกือบจะมายันสุดทางแล้วด้วย

“เข้าใจล่ะ ตอนนี้เราเสียไฟคิงไปสอง แล้วก็เอซไปสาม ดังนั้น โอกาสที่ฉันจะได้ไฟฟลัชกับคิงก็คือ 6% แล้วโอกาสที่จะได้ไพ่ฟลัชกับเอซก็คือ 2% แต่นายรู้อะไรไหม? บางที โชคก็เข้าข้างฉัน มาก ๆ เลยนะ” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงพกความมั่นใจมามากขนาดไหน ทิมก็พลันรู้สึกลังเลเล็กน้อย ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็คว้าสํารับไพ่ตรงหน้ามาและเริ่มสับ และทันทีที่เสี่ยวเฉิงเห็นว่ามีไฟคิงเพียงหนึ่งใบเหลืออยู่ในสํารับ เขาก็พลันเผยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“เมื่อกี้นายว่าฉันแทบไม่มีโอกาสชนะเลยใช่ไหม? แต่เสียใจด้วยนะเพื่อน แต่ฉันได้คิงข้าวหลามตัดวะ” เสี่ยวเฉิงพลันพลิกไพ่ในมือ และมันก็คือคิงข้าวหลามตัดจริง ๆ และระหว่างที่พลิกไพ่ที่เหลือในมือ มันก็คือฟลัช! เสี่ยวเฉิงมีทั้งคิงข้าวหลามตัดและไพ่ฟรัชอยู่ในมือ ซึ่งมันสูงกว่าไพ่แหม่มโพดําในมือของเตเบซเสียอีก!

” พอดีว่าไพ่ฉันสูงกว่านายน่ะ โทษทีนะเพื่อน” เสี่ยวเฉิงพลันส่งยิ้ม

ทันใดนั้น หลินเหล่ยก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะและเริ่มโกยชิปทั้งหมดใส่ถุงดําพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ไม่เพียงแค่นั้น เตเบซในตอนนี้ก็แทบจะหงายหลังล้มไปพร้อมกับเก้าอี้เลย ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง เตเบซไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น ไพ่ทั้งหมดในมือของทิมก็พลันร่วงหล่นลงพื้น

เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดกับหลินเหล่ย “เหล่ย.. ช่วยหยิบข้อตกลงหุ้นมาให้พี่ทีสิ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันมองไปยังนักบัญชีของคาสิโนและถามขึ้น “ตอนนี้ฉันถือหุ้นของคาสิโนอยู่ 13.5% เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่แปลงชิปที่มีเป็นเงินสดแล้ว แต่ฉันกินหุ้น 6.5% ที่เหลือในอัตราส่วนสองเท่าของราคาเดิมแทน แบบนั้นโอเคไหม?”

” อันที่จริง แบบนั้นก็ไม่เสียหายอะไรเลยครับ” นักบัญชีกล่าว

“ดีเลย งั้นผมขอรบกวนคุณช่วยร่างข้อตกลงฉบับใหม่ของหุ้น 20% ให้หน่อยได้ไหมครับ? แล้วถ้าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ ก็แจ้งผมมาได้เลย”

นักบัญชีพลันพยักหน้า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับข้อตกลงฉบับใหม่ ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็วางข้อตกลงนี้ไว้ตรงหน้าหลินจื้อซือพร้อมกับเผยยิ้ม “หลินจื้อซือ… นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ฉันจะให้เธอ”

หลินจื้อซือพลันตกตะลึง

หลินจื้อซือไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวเฉิงจะโอนหุ้นทั้งหมดนี้ให้ และถ้าหุ้นถูกขายไป มันก็จะมีมูลค่าอย่างน้อยแปดร้อยหรือเก้าร้อยล้านหยวนเลยด้วย

ทันทีที่เห็นว่าหลินจื้อซือกําลังจะปฏิเสธ เสี่ยวเฉิงก็พลันพูดขึ้นมาทันที “ฉันเป็นตํารวจ อีกอย่าง ฉันคิดว่ามันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่นักหากคนอื่นรู้เข้ามามีตํารวจเข้ามาเล่นการพนันในคาสิโนแบบนี้ แล้วถ้าเธอไม่ต้องการ ฉันจะไปให้เงินขนาดนี้กับใครได้อีกล่ะ?”

ดวงตาของเตเบซพลันแดงก่ําในระหว่างก้มศีรษะลง และท้ายที่สุด หลินจื้อซือก็ยอมเซ็นสัญญาหุ้น ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเผยยิ้มและกล่าวคําพูดออกมาเพื่อเยาะเย้ยเตเบซเป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณสําหรับความกรุณาของนายด้วยนะ! ถ้าครั้งหน้าอยากแจกเงินอีก ก็โทรเรียกฉันได้ตลอดเลย ถึงแม้ว่าเงินมันจะเป็นแค่ตัวเลขสําหรับฉัน แต่ถ้ามีใครสักคนมายื่นให้ฟรี ๆ ใครบ้างล่ะจะไม่เอา? ถูกไหม?”

หลังจากนั้น ทั้งห้าคนก็ลุกขึ้นและจากไป

ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกําลังจะก้าวเท้าออกจากห้องวีไอพี เขาก็หันมาและกล่าวคําพูดกับเตเบซอีกครั้ง “อ่า อีกอย่าง ดูเหมือนว่าคาสิโนของนายจะเตี้ยไปหน่อยนะ ถ้าอยากหาที่โดดนัก ก็หาตึกที่มันสูงกว่านี้หน่อย ไม่งั้นนายคงไม่ตายในคราวเดียวแน่ คงต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกนานเลยล่ะ”

บัดซบ!

ทันทีที่พวกเขาจากไป เตเบซก็พลันระเบิดโทสะออกมาทันที เขาพลันตัวสั่นและหยิบเก้าอี้นั้นมาฟาดลงไปที่ทิมซึ่งยืนอยู่ข้างกายทันที

“เก่งเรื่องการพนันนักไม่ใช่หรือยังไงกัน? ไอ้เพื่อนเวร! ตอแหลสิ้นดี! นายไม่ตายดีแน่!”