ตอนที่ 94: ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว

ในการเดินทางกลับ ด้วยความที่ตระกูลหลินไม่ต้องการนั่งรถของเตเบซอีก พวกเขาทุกคนจึงยัดตัวเองเข้าไปยังรถโฟล์คสวาเก้ซานตาน่าของเสี่ยวเฉิง ทว่า หลินจื้อซือที่นั่งอยู่เบาะข้างก็พลันชําเลืองมองไปยังเสี่ยวเฉิง ดูเหมือนหลินจื้อซือต้องการจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ตัดสินใจไม่ได้พูดดีกว่า

สามปีที่ผ่านมา เสี่ยวเฉิงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ตั้งแต่การพบกันครั้งแรกหลังจากทั้งคู่แยกทางกัน เสี่ยวเฉิงก็เคยช่วยหลินจื้อซือให้รอดพ้นจากการถูกแฟนคลับและนักข่าวรุมล้อมได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้งเสี่ยวเฉิงยังหายไปซื้อพิซซ่ามาให้เธอเพียงเพราะได้ยินเสียงท้องร้องอีกด้วย มันเป็นพิซซ่าหน้าโปรดที่หลินจื้อซือชอบกินมาตลอด นั่นทําให้หลินจื้อหือรู้สึกว่าเสี่ยวเฉิงไม่เคยลืมเธอเลย

สําหรับครั้งสองที่ทั้งคู่พบกัน มันคือตอนที่เสี่ยวเฉิงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะยืนเคียงข้างรัฐบาล ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความเสี่ยงที่เรียกได้ว่าอันตรายถึงชีวิต นั่นคือการประลองแลกชีวิตกับปรมาจารย์หยานแห่งแก๊งเต่าดํา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินจื้อซือได้เห็นว่าเสี่ยวเฉิงสามารถต่อกรกับอันธพาลหลายร้อยคนในคราวเดียวได้อย่างกล้าหาญ อันที่จริง สําหรับหลินจื้อซือแล้ว เธอค่อนข้างรู้สึกสงสารเสี่ยวเฉิงไม่น้อย เพราะฉากต่อสู้ตรงหน้าให้ความรู้สึกราวกับว่าเสี่ยวเฉิงเป็นหมาป่า ผู้โดดเดี่ยว ผู้ซึ่งกําลังคํารามและปกป้องดินแดนของตนเองจากการถูกบุกรุก

ทั้งสองพลันนึกย้อนกลับไปยังความทรงจําสมัยกําลังเรียนอยู่มัธยม ในตอนนั้น เสี่ยวเฉิงมักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกและทําร้ายหลังเลิกเรียน ซึ่งท้ายที่สุด หลินจื้อซือก็เพิ่งมารู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะตัวเธอเอง เสี่ยวเฉิงในวัยเด็กทั้งถูกทําร้ายและได้รับบาดเจ็บจากเพื่อนร่วมชั้นที่แอบชอบหลินจื้อซือ ทุกคนต่างพุ่งเข้ามาเพื่อแก้แค้นและระบายความโกรธกับเสี่ยวเฉิง แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็รู้จักตอบโต้และสู้กลับ หลังจากการต่อสู้จบลง เสี่ยวเฉิงก็มักจะซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง เขาไม่เคยโชว์บาดแผลให้ใครเห็นหรือบ่นให้ใครฟังเลยแม้แต่คําเดียว

สําหรับวันนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว เสี่ยวเฉิงได้เผชิญหน้ากับการดูถูกและเหยียดหยามของเตเบซอย่างใจเย็น และท้ายที่สุด เสี่ยวเฉิงก็เอาชนะเตเบซและทําให้เขากลัวจนหัวหดได้ ในความทรงจําของหลินจื้อซือ เสี่ยวเฉิงมักจะเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในความเงียบและรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนอื่นอยู่เสมอ แต่ในวันนี้ เสี่ยวเฉิงไม่เพียงแค่รู้จักวิธีการตอบโต้เท่านั้น แต่เขายังมีความมั่นใจและเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย

“พ่อครับ อย่าเพิ่งมองว่าเป็นนักพนันเพียงเพราะผมชนะเตเบซนะครับ ผมสาบานได้เลยว่าตัวผมเองไม่เคยเล่นการพนันมาก่อน” เสี่ยวเฉิงบังคับพวงมาลัยพร้อมกับอธิบายทุกอย่างให้หลินกุ้ยเหลินเข้าใจ ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะมีโอกาสได้เล่นพนันในคาสิโนนั้น แต่เขาก็ไม่เคยเสียเวลาไปกับการพนันเลยจริง ๆ เลย

ทว่า หลินกุ้ยเหลินพลันเผยเสียงหัวเราะออกมา “ลูกโตแล้วนะ พ่อไม่ได้สนใจหรอกว่าลูกจะทําอะไร พ่อจะเป็นกังวลมากกว่าอีกถ้าลูกไม่รู้ตัวว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่ หรือไม่แม้แต่จะกล้าทํ อะไรสักอย่างเลย แล้วอีกอย่าง ถ้าลูกต้องการเงิน ก็แค่บอกให้พ่อรู้แค่นั้นเอง”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและพูดต่อ “โอเคครับ ย้อนกลับไปตอนที่ผมตัดสินใจกลับมาที่นี่ พ่อเองก็น่าจะรู้ตัวเลือกของผมแล้วนะ ผมแค่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง และนั่นคือเหตุผลที่ผมกลับมาพัฒนาตัวเองที่นี่”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินกุ้ยเหลินก็รู้สึกพอใจไม่น้อย เขาพลันเอนตัวพิงเบาะหลังและตบไหลเสี่ยวเฉิง “ดีมากลูกพ่อ แต่พ่อยังคงต้องบอกลูกเหมือนเดิมนะ ถ้าไม่จําเป็นจริง ๆ อย่าเปิดเผยว่าตัวเองเป็นลูกของใคร อันที่จริง ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือไม่ต้องไปตามหาตระกูลเย่ว์นั่นหรอก”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มอย่างขมขึ้น “พ่อคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม? ถ้าพ่อเป็นผม อยู่ในสถานการณ์เดียวกับผม พ่อจะทําแค่มองดูเถ้าถ่านของคนที่ตายไปแล้วร่วงโรย… แล้วก็ถูกฝังอยู่ที่ต่างประเทศได้เหรอครับ? ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องเอาเถ้ากระดูกของพ่อกลับมาที่บ้านให้ได้ อีกอย่าง ผมเองก็ไม่สนใจด้วยว่าคนในตระกูลเย่ว์จะพยายามทําอะไรเพื่อหยุดผมหรือเปล่า ผมจะจัดการกับทุกคนที่เข้ามาขวางทาง!”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ หลินจื้อซือก็พลันมองไปทางอื่น เสี่ยวเฉิงเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เพราะ ในอดีตเสี่ยวเฉิงก็คงไม่ได้มีความต้องการที่รีบเร่งกับสิ่งที่ตัวเองต้องการขนาดนี้ แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฉิงจะมุ่งมั่นกับเป้าหมายของตัวเองมากกว่าแต่ก่อนไม่น้อย

เสี่ยวเฉิงพลันขับตรงไปยังคอนโดของหลินจื้อซือในเมืองซ่างเฉิง มันเป็นคอนโดสไตล์วิลล่าสุดหรูที่มีทั้งสวนหย่อมและสระว่ายน้ําแบบเปิดโล่ง

นอกจากนี้ ผู้ช่วยเสี่ยวหลานเองก็พลันยืนรออยู่ข้างในมาสักพักแล้ว ท้ายที่สุด เธอก็พลันถอนหายใจความโล่งอกทันทีที่เห็นหลินจื้อซือกลับมา แต่ทว่า ทันทีที่ผู้ช่วยเสี่ยวหลานเห็นว่าเสี่ยวเฉิงมาด้วย เธอก็พลันรู้สึกกระฟัดกระเฟียดและโกรธไม่น้อย