“ฮึ ! งั้นก็หมายความว่ามันคือกริชจากยุคสงครามรณรัฐสินะ แล้วไงละ ? พูดใครก็พูดได้แต่คุณจะพิสูจน์มันได้อย่างไร?” หลิวเฟยเหยียนถามฉิงเฟิงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

เธอไม่ต้องการให้ฉิงเฟิงชนะในเกมนี้เพราะเธอไม่ชอบขี้หน้าเขา มันคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเธอถ้าเขาตกรอบเช่นกัน

จากที่กล่าวมาทั้งหมด การเดิมพันของพวกเขาคือผู้แพ้ต้องขอโทษอีกฝ่ายต่อหน้าสาธารณะ

ฉิงเฟิงรู้ว่าหลิวเฟยเหยียนเจตนาจะหาเรื่องเขา ซึ่งเขาเตรียมการรับมือไว้แล้ว

“หลินเฟยเหยียน, ผมถามคุณหน่อย คุณคงเคยได้ยินมาใช่ไหมว่ามาดามซูเป็นปรมาจารย์ด้านการตีดาบ ซึ่งดาบของจริงที่เธอตีนั้นเวลาสัมผัสกับเลือดจะตัวดาบจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ถูกต้องไหม ?” ฉิงเฟิงมองไปที่หลิวเฟยเหยียนในขณะที่แสยะยิ้ม แต่มันเป็นการแสยะยิ้มที่หนาวเย็นมาก

“ถูกต้องตามนั้น”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจะพิสูจน์ว่ากริชเล่มนี้เป็นของจริงด้วยการใช้เลือดของคุณ”

“หลี่ฉิงเฟิง, คุณกำลังทำอะไร !? อย่าเข้ามาใกล้ชั้นนะ !” หลิวเฟยเหยียนดูหวาดกลัวขณะที่เธอร้องตะโกนใส่ฉิงเฟิง

หวืด !

ฉิงเฟิงวิ่งเข้าหาหลิวเฟยเหยียนอย่างรวดเร็วและสร้างรอยแผลเล็กน้อยบนใบหน้าท่ามกลางความตระหนกของเธอ กริชเล่มนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเมื่อมันได้สัมผัสกับเลือดของหลิวเฟยเหยียน

“มันเป็นของจริง ! กริชเล่มนี้เป็นของจริง นี่คือกริชที่มาดามซูสร้างขึ้นในช่วงสงครามรณรัฐ !”

“หลี่ฉิงเฟิง ชายคนนี้เหลือเชื่อนัก เขากล้าทดสอบกริชด้วยเลือดของหลิวเฟยเหยียน”

“โอ้ พระเจ้า ชายหนุ่มคนนี้หุนหันพลันแล่นนัก เขากำลังจะหาเรื่องหลิวเฟยเหยียนซึ่งหน้า โดยใช้เธอเป็นเครื่องทดลองกริช”

ฝูงชนต่างก็ระเบิดเสียงสนทนากันและประหลาดใจกับวิธีพิสูจน์ความถูกต้องของกริชเล่มนี้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังเยาะเย้ยความหุนหันพลันแล่นของฉิงเฟิงเช่นกัน

แน่นอนว่าคุณสามารถพิสูจน์ความถูกต้องของกริชได้ แต่ทำไมคุณต้องไปสร้างบาดแผลให้หลิวเฟยเหยียน ? ในขณะที่คุณสามารถใช้วิธีอื่นก็ได้ ?

“หลี่ฉิงเฟิง ! นายมัน.. ไอ้คนบัดซบ ! ชั้นจะไม่ยอมให้มันจบลงเช่นนี้แน่”

หลิวเฟยเหยียนโห่ร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะที่เอามือกุมหน้าของตัวเอง

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าที่งดงามก็คือชีวิตของเธอ เธอโมโหจนแทบคลั่งเมื่อเห็นฉิงเฟิงสร้างริ้วรอยบนใบหน้าที่งดงามของเธอ

ตลอดมาฉิงเฟิงไม่แยแสหลิวเฟยเหยียน แต่ผู้หญิงคนนี้มักจะสร้างปัญหาให้เขาก่อนเสมอ ถ้าไม่ติดที่ว่าเขาต้องการให้เธอขอขมาต่อหลินเสวี่ยและบริษัท Ice Snow เขาคงสังหารเธอไปนานแล้ว

“ผู้ตัดสินถังเล่ย, ตอนนี้ผมได้พิสูจน์แล้วว่ากริชเล่มนี้เป็นของจริง ตอนนี้คุณจะประกาศผลให้ผมเป็นผู้ชนะได้หรือยัง ?” ฉิงเฟิงถามขณะที่ยิ้มเล็กน้อย

ถังเล่ยได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆและประกาศว่า “ผู้ชนะในการแข่งขันวัตถุโบราณของจังหวัดหูเจียงในปีนี้ก็คือ หลี่ฉิงเฟิง !”

ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องหลังจากคำประกาศผลของถังเล่ย

สัตว์ประหลาด, เขาต้องเป็นสัตว์ประหลาดของปีนี้อย่างแน่นอน ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น ไม่มีใครยอมรับในตัวเขาและคิดว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ แต่ตอนนี้เขาพลิกทั้งกระดานและชนะการแข่งขันได้จริงๆ

ผู้สื่อข่าวทุกคนรีบวิ่งไปที่เวทีและล้อมรอบฉิงเฟิงในทันที พวกเขาวางไมโครโฟนหลายสิบอันตรงหน้าฉิงเฟิงและอยากจะสัมภาษณ์เขา

“คุณหลี่ครับ ! โปรดบอกเราหน่อยว่าคุณรู้สึกอย่างไรที่ชนะการแข่งขันครั้งนี้ ?”

“คุณเอาชนะหลิวเฟยเหยียนได้ เหลือเชื่อมาก !”

“มีใครที่คุณอยากจะขอบคุณสำหรับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้รึเปล่า ? ”

ผู้สื่อข่าวทุกคนต่างก็ตั้งคำถามฉิงเฟิงอย่างบ้าคลั่งและหวังว่าพวกเขาจะได้รับคำตอบ
อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงเพิกเฉยพวกเขาทุกคนและไปคว้าไมโครโฟนของหวังเสี่ยวลี่อีกครั้ง เขาถามว่า “เสี่ยวลี่, คุณมีคำถามอะไรจะถามผมไหม ?”

หวังเสี่ยวลี่ตื่นเต้นมากและไม่ได้คาดหวังว่าฉิงเฟิงจะเลือกคว้าไมค์ของเธอหลังจากที่ชนะการแข่งขัน

ในความเป็นจริง หวังเสี่ยวลี่เป็นเพียงนักข่าวฝึกหัดคนหนึ่งในหมู่นักข่าวจากสถานีดังๆที่ได้รับความนิยมเหล่านี้ แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถูกฉิงเฟิงปฏิเสธให้สัมภาษณ์

หวังเสี่ยวลี่รู้สึกว่าเธอโชคดีมากที่เชื่อฟังสิ่งที่พี่สาวของเธอกล่าวไว้ มิฉะนั้นเธอคงจะพลาดโอกาสที่จะได้สัมภาษณ์ฉิงเฟิงไปแล้ว

“คุณหลี่คะ ในเมื่อคุณได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ฉันสงสัยว่าการเดิมพันระหว่างคุณและหลิวเฟยเหยียนจะเป็นยังไงต่อไปคะ ?”

เยี่ยม ! เป็นคำถามที่ดี !

ฝูงชนต่างก็มองหวังเสี่ยวลี่เป็นจุดเดียว พวกเขาไม่คิดว่าหวังเสี่ยวลี่จะถามอะไรที่น่าสนใจและเจาะใจเช่นนี้ทั้งๆที่ยังเป็นแค่นักข่าวฝึกหัด

ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย วัตถุประสงค์หลักของเขาในการเข้าร่วมการแข่งขันวัตถุโบราณในครั้งนี้ก็คือการเป็นที่ 1 เพื่อสร้างเครดิตที่ดีให้แก่บริษัท Ice Snow และอีกประการคือทำให้หลิวเฟยเหยียนกล่าวคำขอโทษต่อหลินเสวี่ยและบริษัท Ice Snow ในที่สาธารณะ สิ่งที่หวังเสี่ยวลี่กำลังถามในขณะนี้คือสิ่งที่เขาต้องการ

“ผมเดาว่าทุกคนต่างรู้เรื่องการเดิมพันระหว่างผมกับหลิวเฟยเหยียนใช่ไหม ? การเดิมพันนั้นคือหลิวเฟยเหยียนต้องกล่าวขอโทษซีอีโอของผม, หลินเสวี่ย และบริษัท Ice Snow ถ้าผมชนะการแข่งขัน”

ฉิงเฟิงพยายามพูดให้ดังที่สุดเพื่อให้ทุกคนในห้องโถงได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนหันไปมองไปที่หลิวเฟยเหยียนทันที และสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมขอโทษหรือไม่

หลิวเฟยเหยียนโกรธจนแทบบ้าและใบหน้าซีดเซียว ในฐานะซีอีโอของบริษัทฟีนิกซ์เธอจะต้องเสียหน้าหากเธอกล่าวขอโทษแต่ถ้าเธอปฏิเสธเธอก็จะโดนดูถูกว่าผิดคำพูด

ฉิงเฟิงเดินไปหาหลิวเฟยเหยียนและกล่าวว่า “ผมชนะในเกมของคุณแล้ว ขอโทษหลินเสวี่ยและบริษัท Ice Snow ซะ”

หลิวเฟยเหยียนจ้องมองไปที่ฉิงเฟิง เธอไม่ต้องการที่จะขอโทษ แต่เธอก็ไม่สามารถผิดคำพูดต่อหน้าสาธารณชนได้ มิฉะนั้นเธอจะเสียชื่อเสียงและขาดความน่าเชื่อถือ

“หลินเสวี่ย ชั้นขอโทษ… ที่ทำผิดต่อคุณและบริษัท Ice Snow โปรดยอมรับคำขอโทษของชั้นด้วย” หลิวเฟยเหยียนกล่าวกับหลินเสวี่ย

หลังจากพูดเสร็จเธอก็รีบเดินออกไปทันที เพราะเธอรู้สึกอับอายมากที่ต้องกล่าวคำขอโทษต่อซีอีโอบริษัทเล็กๆต่อหน้าผู้คนหลายร้อยคน

“แก … ไอ้คนสารเลว หลี่ฉิงเฟิง ชั้นจะไม่ยอมให้มันจบลงแบบนี้แน่นอน !”

หลิวเฟยเหยียนจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างดุร้ายก่อนจะเดินออกไป

ฉิงเฟิงเดินไปหาหลินเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม เขายักไหล่และกล่าวว่า

“ก็คงไม่เลวร้ายเท่าไรมั้ง ได้เป็นแชมป์ระดับจังหวัดเนี่ย”

“คุณสุดยอดมาก” หลินเสวี่ยชูนิ้วโป้งให้ฉิงเฟิง ขณะที่กล่าวชมเชยเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี

ที่จริงแล้ว หลินเสวี่ยเคยเป็นผู้หญิงที่มีความหยิ่งยโส เธอไม่เคยกล่าวชื่นชมหรือแหงนหน้ามองใคร แต่เธอเริ่มกล่าวชื่นชมฉิงเฟิงตั้งแต่ที่เขาทำให้เธอประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า จนมาถึงวันนี้ที่เขาเอาชนะหลิวเฟยเหยียนได้อย่างง่ายดาย

“ฉิงเฟิง ขอบคุณเธอมากที่เอาชนะหลิวเฟยเหยียนและกู้คืนศักดิ์ศรีของฉันกลับมา”

ซูหยุนชางก็กล่าวขอบคุณฉิงเฟิงเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ซูหยุนชางพ่ายแพ้และถูกดูหมิ่นจากหลิวเฟยเหยียน เมื่อตอนที่เขามาเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก ในตอนนี้ ความแค้นของเขาก็หายไปแล้วเมื่อได้เห็นฉิงเฟิงฉีกหน้าและเอาชนะหลิวเฟยเหยียนในที่สุด

*มีเรื่องหนึ่งที่ลืมบอก หลายคนคงสงสัยว่าทำไมปู่ของฉิงเฟิงถึงต้องให้ฉิงเฟิงกลับมาแต่งงานกับหลินเสวี่ยทั้งๆที่พื้นฐานครอบครัวหลินเสวี่ยก็ไม่เท่าตระกูลหลี่ และไม่ใช่ตระกูลนักสู้อีกด้วย มันมีคำตอบของเหตุผลนี้ครับพอดีแอดเพิ่งอ่านถึง อยู่ช่วง 1200+ โน้นนน อีกประมาณ 3 เดือนคงแปลถึง*