“หลิวเฟยเหยียน, ผมคิดว่าคุณรีบกลับบ้านไปซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะ คุณห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่แข่งของผม” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างมั่นใจ

บอกตามตรง เขาไม่ได้เห็นหลิวเฟยเหยียนเป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย เขามองว่าเธอเป็นเพียงลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆที่วุ่นวายอยู่รอบๆ ซึ่งสร้างความรำคาญให้แก่เขา

“หลี่ฉิงเฟิง การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ระวังไว้ให้ดีเถอะ ชั้นจะแสดงให้คุณเห็นเองว่าชั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน !” หลิวเฟยเหยียนมองฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและเดินไปด้านหน้า

ฉิงเฟิงส่ายหัว เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไปขนความมั่นใจมาจากไหน

รอบที่สามเป็นการประเมินวัตถุโบราณ จะมีวัตถุโบราณสี่ชิ้นถูกนำออกมาให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนตรวจสอบความถูกต้องของมันและเขียนลงบนแผ่นกระดาษ ผู้ที่สามารถระบุได้ถูกต้องทุกชิ้นจะชนะในรอบนี้

วัตถุโบราณทั้ง 4 ชิ้นคือ กระถางธูป, แจกัน, ภาพวาดและกริชเล่มหนึ่ง

ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าสิบคนได้เขียนคำตอบไว้หลังจากที่ได้ตรวจสอบของทั้ง 4 ชิ้น

ฉิงเฟิงเริ่มตรวจสอบเป็นคนแรก กระถางธูปนี้ไม่ใหญ่นัก มันมีขนาดเพียงแค่ชามข้าว มีพื้นผิวเป็นสีเขียวถูกแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นการยากมากที่คนทั่วไปจะตีความหมายของมันออก แต่ไม่ใช่กับฉิงเฟิง

กระถางธูปนี้ดูเผินๆแล้วเหมือนจะเก่าแก่ราวกับเป็นของแท้ แต่ว่าฉิงเฟิงสามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นของปลอม เนื่องจากรูปแบบลวดลายของดอกไม้บนกระถางนั้นเป็นของที่ทำขึ้นมาใหม่ และตัวกระถางไม่มีร่องรอยบ่งบอกถึงอายุความเป็นมา

หลังจากตรวจสอบในชิ้นแรกเสร็จ ฉิงเฟิงก็ไปตรวจสอบชิ้นที่สองซึ่งมันคือแจกัน มันเป็นแจกันสีขาวที่มีเครื่องหมายเขียนว่า “หงอู่” (จูหยวนจาง) ที่ด้านล่าง มันน่าจะทำขึ้นในช่วงเวลาของจักรพรรดิหงอู่ในสมัยราชวงศ์หมิง

ฉิงเฟิงสามารถตอบได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่ของแท้หลังจากที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนของแท้เนื่องจากคำสองคำที่เขียนไว้ว่า ‘หงอู่’ ก็ตาม แต่ความจริงแล้วมันเป็นของที่ผิดพลาด

“หงอู่” เป็นชื่อของจักรพรรดิจูหยวนจางในสมัยราชวงศ์หมิง เครื่องลายครามส่วนใหญ่ในยุคนั้นไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อการใช้งานตามบ้านเรือนสำหรับประชาชนทั่วไป แต่มีเพียงบุคลสำคัญต่างๆในพระราชวังเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้

และจากเหตุผลนั้น เครื่องลายครามที่ใช้กันในวังจะต้องมีตราประทับราชวงศ์ ในขณะที่แจกันใบนี้ไม่มีตราประทับ มีเพียงคำที่เขียนไว้ว่า ‘หงอู่’ เท่านั้น

วัตถุโบราณทั้งสองชิ้นเป็นของปลอม เรื่องนี้ทำให้ฉิงเฟิงขมวดคิ้ว เนื่องจากเขารู้สึกว่าที่เหลืออีกสองชิ้นก็น่าจะเป็นของปลอมด้วยเช่นกัน

แต่เมื่อมาตรวจสอบชิ้นที่ 3 ฉิงเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ เพราะของชิ้นที่ 3 นั้นเป็นภาพวาดของแท้ ภาพวาดนี้วาดโดยจิตรกรชั้นแนวหน้าในยุคนั้นที่ชื่อว่าหวู่จีเต๋า ซึ่งเป็นจิตรกรที่รู้จักกันดีในยุคราชวงศ์ถัง

แว๊บแรกที่เห็นมันดูเหมือนของปลอม แต่เมื่อได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็พบว่ามันเป็นของแท้ที่อยู่ภายใต้ของปลอม

“นี่เป็นกริชที่ดี” ฉิงเฟิงคิดในใจเมื่อเขาหยิบของชิ้นที่ 4 ออกมา กริชนี้ดูเรียบง่ายแต่มันเก่าแก่มาก มันถูกจารึกไว้ว่า “มาดามซู (Madam Xu)” พร้อมกับตัวอักษรจีนโบราณที่ด้านหลัง

ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเขาพบว่ากริชนี้ไม่เพียงแค่เป็นของจริงเท่านั้น แต่มันยังเป็นสมบัติที่ล้ำค่าชิ้นหนึ่งอีกด้วย ! เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มาเห็นสมบัติล้ำค่าที่นี่

จากนั้นฉิงเฟิงก็เขียนคำตอบลงบนกระดาษหลังจากที่เขาตรวจสอบของทั้ง 4 ชิ้นเสร็จ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดที่เหลือห้าสิบคนได้ตรวจสอบวัตถุโบราณทั้ง4ชิ้นเสร็จเรียบร้อยและส่งมอบกระดาษคำตอบของตน

ของทั้งสี่ชิ้นเป็นวัตถุโบราณที่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร กระถางธูปมาจากราชวงศ์ชิง แจกันมาจากราชวงศ์หมิง ภาพวาดมาจากราชวงศ์ถัง และกริชล้ำค่ามาจากยุครณรัฐ (เป็นยุคก่อนที่จิ๋นซีฮ่องเต้จะรวมประเทศได้ครับ) ซึ่งทำให้แต่ละชิ้นยากที่จะแยกแยะ

สุดท้ายก็เหลือเพียงผู้เข้าแข่งขัน 3 จาก 50 คนเท่านั้นที่ตอบถูก พวกเขาคือหลี่ฉิงเฟิง หลิวเฟยเหยียนและชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ส่วนที่เหลือตอบผิดและถูกคัดออกทั้งหมด

ฉิงเฟิงตอบถูกทั้งหมดเพราะเขามีความรู้และเชี่ยวชาญมาก หลิวเฟยเหยียนตอบถูกเพราะเธอโกง เธอรู้คำตอบล่วงหน้าก่อนผู้อื่น ส่วนชายวัยกลางคนที่เข้ารอบเพราะเขาเดาคำตอบถูก

จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียวในการแข่งขันวัตถุโบราณครั้งนี้ แต่ตอนนี้มีสามคน วิธีเดียวในการเลือกผู้ชนะก็คือการให้แต่ละคนอธิบายคำตอบของตนเอง

จากนั้นถังเล่ยมองไปที่ชายวัยกลางคนและถามว่า “คุณบอกว่าของสองชิ้นแรกเป็นของปลอมและอีกสองชิ้นเป็นของจริง คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร?”

ชายวัยกลางคนรู้สึกกระวนกระวายอย่างมากเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาสามารถอธิบายได้ว่าทำไมสองชิ้นแรกเป็นของปลอม แต่สองชิ้นสุดท้ายนั้นเขาเดาคำตอบ แล้วเขาจะอธิบายได้อย่างไร?

แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มอธิบายตั้งแต่เขาถูกถามโดย Lei Tang

เขาอธิบายได้อย่างคล่องแคล้วเกี่ยวกับวัตถุโบราณสองชิ้นแรก แต่เมื่อเขาอธิบายถึงของชิ้นที่ 3 เขาก็เริ่มพูดติดอ่าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้

“คุณเดาคำตอบ, ใช่ไหม ?” ถังเล่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีและพยักหน้าเพราะเขาไม่ได้รู้คำตอบจริงๆ
ถังเล่ยยิ้มอย่างคลุมเครือและกล่าวว่า “คุณถูกคัดออก ต่อไปหลิวเฟยเหยียนและหลี่ฉิงเฟิงช่วยอธิบายถึงคำตอบของวัตถุโบราณแต่ละชิ้นด้วย”

หลิวเฟยเหยียนมีความเข้าใจอย่างดีเกี่ยวกับวัตถุโบราณ แต่เธอได้รับคำตอบที่ถูกต้องล่วงหน้ามาจากใครบางคน ซึ่งหมายความว่าเธอโกง

เธอทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการอธิบายถึงความเป็นมาของวัตถุโบราณ 3 ชิ้นแรก แต่เธอหยุดชะงักไปเมื่อเธอต้องอธิบายถึงของชิ้นที่ 4 – กริชโบราณล้ำค่า

“เฮอะ ! ผมก็หลงคิดไปว่าผู้ชนะเลิศของการแข่งขันวัตถุโบราณมื่อปีที่แล้วจะเป็นผู้ที่ทรงความรู้ ที่ไหนได้ คุณตอบได้ว่ามันเป็นของแท้แต่คุณกลับไม่สามารถอธิบายถึงความเป็นมาของกริชเล่มนี้ได้ ผมชักสงสัยแล้วสิ คุณกำลังโกงการแข่งขันใช่ไหม ?”

ฉิงเฟิงจ้องมองไปที่หลิวเฟยเหยียนพร้อมกับสบถอย่างแดกดัน

หลิวเฟยเหยียนหงุดหงิดและปรากฏความโกรธเต็มไปทั่วใบหน้าของเธอ เมื่อเธอได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าว เธอร่ำร้องออกมาว่า ” ไร้สาระ ! ชั้นไม่เคยโกง !”

“เหรอ ? คุณไม่ได้โกงใช่ไหม ? ดี ! งั้นก็อธิบายมาสิว่าทำไมคุณถึงคิดว่ากริชเล่มนี้เป็นของจริง ?” ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและถามหลิวเฟยเหยียน

หลิวเฟยเหยียนพยายามจะอธิบายว่า “ก็ชั้นคิดว่ากริชเล่มนี้เป็นของจริงแน่นอน ทำไมชั้นต้องอธิบาย !?”

ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินที่หลิวเฟยเหยียนพูด พวกเขาทั้งหมดต่างก็เดาอาการออกและรู้ว่าเธอพยายามที่จะแก้ตัวเพราะเธอไม่สามารถให้คำอธิบายได้

ถังเล่ยสามารถมองออกถึงความกระอักกระอ่วนจากการแสดงออกของหลิวเฟยเหยียนเช่นกัน ความจริงเขารู้อยู่แล้วว่าเธอได้รับคำตอบล่วงหน้าจากคนข้างใน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเธอมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจ

การที่หลิวเฟยเหยียนเป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้วก็มาจากการโกงเช่นกัน ถึงแม้จะมีหลายคนทักท้วง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

“หลี่ฉิงเฟิง งั้นคุณก็อธิบายมาว่าทำไมคุณถึงตอบว่ากริชเล่มนี้เป็นของจริง ถ้าคุณทำได้ผมจะให้คุณเป็นผู้ชนะทันที” ถังเล่ยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับฉิงเฟิง

“ทุกท่านโปรดดู คำว่า “มาดามซู” ถูกทำเครื่องหมายไว้ที่ด้านล่างของกริชเล่มนี้ มาดามซูเป็นช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงอย่างมากของรัฐจ้าวในช่วงสงครามรณรัฐ กริชเล่มนี้ถูกใช้โดยจิงเค่อเพื่อลอบสังหารจิ๋นซีฮ่องเต้ในช่วงเวลานั้นนั่นเอง”

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจหลังจากได้ยินสิ่งที่ฉิงเฟิงกล่าว นี่มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากถ้ามันคือกริชที่หลงเหลืออยู่จากยุคสงครามระหว่างรัฐ (ประมาณ 700กว่าปีก่อนคริสต์กาล ก่อนยุคสามก๊กอีก) ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากไม่สามารถอธิบายความเป็นมาของมันได้

มันเป็นช่วงเวลาหลายพันปีนับจากยุคสงครามรณรัฐของจิ๋นซีฮ่องเต้ จะมีเพียงกี่คนกันที่สามารถระบุความเป็นมาของวัตถุโบราณในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ? แต่ฉิงเฟิงทำได้