โดดเด่นและทรงอำนาจ นี่คือความรู้สึกที่ผู้คนรอบข้างมีต่อเย่หงตี้ พวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่โดดเด่นเช่นเธอมาก่อน

ถ้าหากตัวตนของเย่หงตี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ฉิงเฟิงก็ทำให้ผู้คนต้องอึ้ง เพราะเย่หงตี้คนนั้นคุกเข่าคำนับต่อฉิงเฟิง

“ฝ่าบาทวูฟคิง ดิฉันต้องขออภัยจริงๆ ชั้นจะพาคุณไปโต๊ะอาหารเดี๋ยวนี้” เย่หงตี้โค้งคำนับและพาฉิงเฟิงไปที่โต๊ะ

ส่วนหลิวเฟยเหยียนนั้น เธอถูกลืมโดยสิ้นเชิง เย่หงตี้ไม่ได้เหลือบมองเธอแม้แต่หางตา

“เย่หงตี้ นังสารเลว ! เธอกล้าไม่สนใจชั้น คอยดูไปเถอะสักวันชั้นจะสั่งสอนเธอ !” หลิวเฟยเหยียนคิดในใจอย่างดุร้าย

เธอหันหลังกลับไปและเดินออกจากโรงแรมเป่ยหยางเพื่อไปเจ้านายของเธอ เธอรู้ว่ามีเพียงแต่เจ้านายของเธอเท่านั้นที่จะสามารถมอบบทเรียนให้แก่เย่หงตี้ได้

เย่หงตี้พาฉิงเฟิงไปห้องอาหารที่หรูหราที่สุดของโรงแรม จากนั้นเธอก็แจ้งต่อบริกรให้นำอาหารที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟ

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ในเมืองเป่ยหยางได้ ?” ฉิงเฟิงถาม

เขารู้ว่าตัวตนของเย่หงตี้นั้นไม่ธรรมดา ในสถานการณ์ปกติเธอไม่ควรจะอยู่ที่โรงแรม

เย่หงตี้มองไปที่หลินเสวี่ยและซูหยุนชางด้วยความลังเล เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดออกมาดีหรือไม่

“เธอพูดออกมาได้เลย พวกเขาเป็นพวกของฉันเอง” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่หงตี้พยักหน้าและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ดิฉันมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องการหายตัวไปของเป่ยเหยียนจื่อ”

อะไรนะ ? เป่ยเหยียนจื่อหายตัวไปงั้นหรือ !?

ฉิงเฟิงตะลึงกับข่าวนี้

“เย่หงตี้, ไม่ใช่ว่าเป่ยเหยียนจื่อถูกปลดจากตำแหน่งซีอีโอและถูกไล่ออกจากบริษัทฟินิกซ์ของหรือ ? เธอจะหายตัวไปได้อย่างไร?” ฉิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ เขางงงวย

“ตระกูลเป่ยที่เมืองหลวงถูกทำลายหมดสิ้น ส่วนเป่ยเหยียนจื่อและน้องชายของเธอหายตัวไป ดิฉันมาที่เมืองเป่ยหยางเพราะบริษัทฟินิกซ์ตั้งอยู่ที่นี่ และเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์นี้ค่ะ “

“ตระกูลเป่ยถูกทำลาย?” ฉิงเฟิงคิดขณะที่ขมวดคิ้ว เขาตะลึงอย่างมาก ที่เมืองหลวงตระกูลเป่ยถือเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดนอกเหนือจากตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ในการจะทำลายตระกูลเป่ยได้ คนๆนั้นหรือตระกูลนั้นๆจะต้องมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับ 4 ตระกูลใหญ่

“เย่หงตี้ เธอรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และมีข่าวเกี่ยวกับเป่ยเหยียนจื่อรึยัง ?”

ฉิงเฟิงถามอย่างกระวนกระวาย

เขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อเป่ยเหยียนจื่อ เธอเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับบริษัท Ice Snow เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่เมืองหลวงในช่วงที่ชิงตัวหลิวหรูหยานจากตระกูลหวัง เธอก็อยู่ข้างเขาและสนับสนุนเขาอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าตระกูลเป่ยจะถูกทำลายและเป่ยเหยียนจื่อก็หายตัวไป ฉิงเฟิงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

เย่หงตี้ส่ายหัวและกล่าวว่า “พวกเรายังหาตัวการไม่พบ แต่คาดการว่าผู้ที่ทำเช่นนี้ต้องเป็นนักสู้ระดับสูง ดิฉันมาที่นี่ก็เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้”

“เย่หงตี้ บริษัทฟินิกซ์เป็นบริษัทของเป่ยเหยียนจื่อ เช่นนี้แล้วภูมิหลังของหลิวเฟยเหยียนคืออะไร ? เป็นไปได้ไหมว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเป่ยเหยียนจื่อ ?”

ประกายแห่งความชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่หงตี้ เธอประทับใจในสติปัญญาของฉิงเฟิงมาก

“ฝ่าบาท, จากการสืบของพวกเรา หลิวเฟยเหยียนไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลเป่ย เธอเป็นคนของกองกำลังกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างลึกลับ ในช่วงนั้นเธอปลดเป่ยเหยียนจื่อจากนั้นเธอก็ซื้อบริษัทฟินิกซ์ ต่อมาเป่ยเหยียนจื่อก็หายตัวไป พวกเรากำลังลอบสะกดรอยตามเธออยู่ค่ะ”

เย่หงตี้รายงานข้อมูลทั้งหมดที่เธอมีให้แก่ฉิงเฟิง

ฉิงเฟิงพยักหน้าและเริ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์บางอย่างในใจ หลิวเฟยเหยียนเป็นเป้าหมายหลักที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดในตอนนี้

“ฉิงเฟิง รีบกินกันก่อนเถอะ เราต้องรีบกลับไปเข้าร่วมการแข่งขันในรอบที่ 3”

หลินเสวี่ยกล่าวขณะที่เธอมองดูเวลา

รอบที่สามเริ่มเวลา 13.00 น. ตอนนี้เป็นเวลา 12:30 น. เหลือเวลาอีกเพียง 30 นาทีเท่านั้น พวกเขาต้องรีบทำเวลาแล้ว

ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เย่หงตี้ ฉันขอกินข้าวก่อน หลังจากที่การแข่งขันวัตถุโบราณสิ้นสุดลงให้เธอรีบมาหาฉัน พวกเราจะไปตามหาเป่ยเหยียนจื่อด้วยกัน”

เย่หงตี้พยักหน้าและบอกให้ทุกคนกินอาหารให้เต็มที่

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จฉิงเฟิงก็โบกมือลาเย่หงตี้ เขานำหลินเสวี่ยและซูหยุนชางกลับเข้าสู่บริษัทฟินิกซ์

เมื่อฉิงเฟิงกลับเข้ามาในบริษัทฟินิกซ์เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น นักข่าวหลายคนกรูกันเข้ามารุมล้อมเขาและขอสัมภาษณ์

แน่นอนว่าฉิงเฟิงเลือกพูดใส่ไมโครโฟนของหวังเสี่ยวลี่อีกครั้ง เขาไม่ยอมคว้าไมโครโฟนของใครเลย ซึ่งทำให้ผู้สื่อข่าวคนอื่นๆต่างก็พากันโกรธ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้

“คุณหลี่ฉิงเฟิงคะ การแข่งขันวัตถุโบราณรอบที่ 3 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณมั่นใจมากแค่ไหนคะว่าจะชนะ ?” หวังเสี่ยวลี่ถามอย่างตื่นเต้น

ฉิงเฟิงพูดใส่ไมค์อย่างโอหังว่า “ผมจะเอาชนะหลิวเฟยเหยียนและเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน !”

“เหอะ ! เขายิ่งยโสเข้าไปใหญ่แล้วหลังจากที่ชนะมาสองรอบ เขาจะเอาชนะหลิวเฟยเหยียนได้อย่างไร ? เธอเป็นผู้ชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว”

“ใช่ๆ อีโก้ของเขาสูงนัก เขาไม่มีทางเอาชนะได้แน่ เขากำลังฝันกลางวันชัดๆ”

“ผมสนับสนุนหลิวเฟยเหยียน เธอจะต้องเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงได้อย่างแน่นอน !”

ผู้คนรอบข้างต่างก็พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาขณะที่พวกเขาก็ยังคงดูถูกฉิงเฟิง

ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะทำได้ดีมากในสองรอบแรก แต่หลายๆคนก็ยังเชื่อว่าหลิวเฟยเหยียนจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ เนื่องจากเธอเป็นผู้ชนะการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเรื่องวัตถุโบราณ

“คุณหลี่ฉิงเฟิง ฉันเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถเอาชนะหลิวเฟยเหยียนได้อย่างแน่นอน”

หวังเสี่ยวลี่กล่าวเสียงดังด้วยความมุ่งมั่น

หลายๆคนไม่เชื่อในตัวฉิงเฟิง แต่หวังเสี่ยวลี่เชื่อ เธอมีความรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นผู้ชนะเลิศในปีนี้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณมากผู้สื่อข่าวหวังเสี่ยวลี่สำหรับความไว้วางใจของคุณ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินไปที่เวทีการแข่งขันรอบที่สามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ในขณะนี้เหลือเพียง 50 คนในเวทีที่ผ่านเข้ารอบ

หลิวเฟยเหยียนยืนอยู่ด้านหน้าสุด เธอมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างเย็นชา

หลิวเฟยเหยียนเกลียดชังฉิงเฟิงอย่างลึกล้ำ เนื่องจากเจ้านายของเธอบอกเธอว่าหลี่ฉิงเฟิงเป็นคนที่เลวร้ายมาก

หลิวเฟยเหยียนเชื่อคำพูดของเจ้านาย ดังนั้นเธอจึงหาเรื่องฉิงเฟิงทุกครั้งที่มีโอกาส

“หลี่ฉิงเฟิง ไม่ต้องร้องไห้นะถ้าคุณพ่ายแพ้ให้แก่ชั้นในการแข่งขันรอบนี้”

หลิวเฟยเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

หะ ? ร้องไห้ ?

ฉิงเฟิงขมวดคิ้วขึ้นและมองไปที่หลิวเฟยเหยียนอย่างไม่พอใจ

อะไรของหล่อน ? นังบ้าคนนี้พยายามจะหาเรื่องเขาตลอด เขาดูเหมือนคนที่จะร้องไห้เป็นเด็กๆเวลาแพ้รึยังไงกัน ?

พูดจากใจจริง ฉิงเฟิงรู้สึกว่าหลิวเฟยเหยียนเป็นคนที่แปลกประหลาดมาก เขาไม่เคยไปหาเรื่องหรือทำอะไรให้เธอก่อน แต่กลับเป็นเธอที่ยั่วยุให้เขาโกรธเสมอ

แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะหาเรื่องเขา เขาจะตอบโต้กลับอย่างแน่นอน !