“หลี่ฉิงเฟิง, ผมเป็นผู้จัดการของโรงแรม คุณจะทำอะไรได้ถ้าผมไม่ยอมให้คุณทานอาหารที่นี่ซะอย่าง ?” ซุนกวงฮุ่ยกล่าวอย่างเหยียดหยาม

ชายหนุ่มคนนี้ช่างน่าขันนัก เขาเอ่ยปากไล่แล้วแท้ๆแต่ยังหน้าด้านยืนกรานว่าจะทานอาหารที่นี่อยู่ได้ ที่นี่คืออาณาจักรของฉัน ทุกอย่างฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจ !

ซุนกวงฮุ่ยมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการโรงแรม เขาสามารถอนุญาตให้ใครอยู่หรือไปก็ได้

ฉิงเฟิงยิ้มอย่างหนาวเย็น เขาไม่พอใจอย่างมากกับทัศนคติของซุนกวงฮุ่ย ชายคนนี้พยายามเอาใจหลิวเฟยเหยียน เขาไล่ฉิงเฟิงออกไปเพราะคิดว่าฉิงเฟิงเป็นคนไร้ค่า

สังคมทุกวันนี้โหดร้ายนัก ผู้คนพยายามที่จะเลียแข้งเลียขาคนมีอำนาจให้ตัวเองดูสูงส่งขึ้น และข่มเหงรังแกคนอ่อนแอ

“ซุนกวงฮุ่ย, ผมขอถามหน่อย โรงแรมนี้ใครเป็นเจ้าของ ?” ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

เขาต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรงแรมนี้เพื่อที่เขาจะได้พบกับวิธี “แก้เผ็ด”

ซุนกวงฮุ่ยเชิดหน้าและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่แห่งเมืองหลวงปักกิ่ง เป็นไงละ คุณกลัวรึยัง ?”

ซุนกวงฮุ่ยรู้สึกภาคภูมิใจมากเมื่อพูดถึงตระกูลเย่ เขาเชิดหน้าขึ้นราวกับว่าเขากลัวคนอื่นจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา

ในหัวเซี่ยทุกคนต่างรู้ว่าตระกูลเย่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ตระกูลนี้มีอิทธิพลมากมายและมีเงินหลายพันล้านเหรียญ คนธรรมดาจะกลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อตระกูลเย่ (เดี๋ยวๆ 555555)

ตระกูลเย่ ?

ฉิงเฟิงขมวดคิ้วขึ้น เขาคิดว่าโรงแรมนี้เป็นของตระกูลอื่นๆที่เขาไม่รู้จัก ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นธุรกิจของตระกูลเย่

ถ้าโรงแรมนี้เป็นธุรกิจของตระกูลอื่น เรื่องมันก็อาจจะยุ่งยากกว่านี้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามถ้ามันเป็นของตระกูลเย่ เรื่องนี้จะเคลียร์ได้ง่ายมาก เขาเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์โทรหาคนของตระกูลเย่เท่านั้น

“ผู้จัดการซุน ผมจะให้โอกาสสุดท้ายกับคุณ ผมคุ้นเคยกับหัวหน้าตระกูลเย่ เย่โป๋จู นอกจากนี้ผมยังรู้จักเย่เหลิ่งเซียะและเย่หงตี้อีกด้วย ผมขอเตือนให้คุณพาผมไปที่โต๊ะเสียดีกว่า มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องตกงานก็ได้นะ” ฉิงเฟิงข่มขู่ด้วยรอยยิ้มที่หนาวเย็น

อะไรนะ ? นี่คุณขู่ผม?

ซุนกวงฮุ่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ประกายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูหมิ่นเหยียดหยาม ชายหนุ่มตัวแค่นี้จะไปรู้จักกับหัวหน้าตระกูลเย่ได้อย่างไร ? ขี้โม้นัก !

หัวหน้าตระกูลเย่เป็นชายผู้มีทรัพย์สินในครอบครองหลายพันล้านเหรียญ แม้แต่ตัวผู้จัดการอย่างเขาเองก็ยังไม่เคยพบหัวหน้าตระกูลแม้แต่เพียงครั้งเดียว แล้วไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนคนนี้เป็นใครมาจากไหนถึงกล้าพูดว่ารู้จักกับหัวหน้าตระกูลเย่ ?

“หลี่ฉิงเฟิง คุณเพ้อเจ้อต่อไปเถอะ ผมขี้เกียจฟังเรื่องโม้ๆของคุณแล้ว ! คุณจะออกไปจากโรงแรมนี้ดีๆหรือว่าจะให้ผมโทรเรียก รปภ ?” ซุนกวงฮุ่ยกล่าวขณะที่โบกมือเป็นท่าทางไล่พวกเขาไป

ความรู้สึกของฉิงเฟิงมืดครึ้ม เขาไม่คาดคิดว่าผู้จัดการซุนจะหาว่าเขาโกหก

“ซุนกวงฮุ่ย ผมจะโทรหาเย่หงตี้เดี๋ยวนี้ แล้วคุณอย่ามาเสียใจกับการกระทำของคุณทีหลังก็แล้วกัน” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาขณะดึงโทรศัพท์ออกมา

“เฮอะ ไม่มีทาง ! ผมไม่มีทางเสียใจกับการกระทำแน่นอน โอ้ๆ ! ใช่สิ ผมลืมไป ตอนนี้เย่หงตี้ก็อยู่ในโรงแรมนี้ด้วยนะ” ซุนกวงฮุ่ยกล่าวอย่างหยิ่งผยอง

หือ ? เย่หงตี้ก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ ?

ประกายแห่งความสุขได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉิงเฟิงเมื่อเขาได้ยินคำพูดของซุนกวงฮุ่ย เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาเบอร์โทรของเย่หงตี้ จากนั้นเขาก็กดโทรออกทันที

“ฝ่าบาท, คุณติดต่อหาชั้นหรือคะ ?” น้ำเสียงที่ดูเคารพของเย่หงตี้ดังออกมาจากอีกด้านของโทรศัพท์

ฉิงเฟิงถามว่า “เย่หงตี้ ตอนนี้เธออยู่ในโรงแรมในเมืองเป่ยหยางใช่ไหม ?”

“ใช่ค่ะ คุณรู้ได้อย่างไร?”

“ฉันกำลังอยู่ในแผนกต้อนรับหน้าโรงแรม ผู้จัดการของโรงแรมนี้ปฏิเสธที่จะให้ฉันเข้าไป เธอออกมาหน่อยได้ไหม ?”

“ฝ่าบาท ชั้นจะไปที่นั่นทันที” เย่หงตี้วางสายและรีบวิ่งไปที่ชั้นแรกอย่างรวดเร็ว

“ผู้จัดการซุน… นายสมควรตายนัก ทำไมต้องทำให้วูฟคิงโกรธ ? นายอยากให้โรงแรมนี้พังพินาศหรือไงกัน !?”

เย่หงตี้คิดในใจด้วยความโกรธเกรี้ยว

เย่หงตี้มาถึงห้องโถงชั้น 1 อย่างรวดเร็ว เธอสวมชุดเดรสสีแดงในวันนี้ซึ่งขับเน้นใบหน้าที่งดงามของเธอให้มีเสน่ห์มากขึ้น

“อะ.. นายหญิงคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ ?” ซุนกวงฮุ่ยกล่าวด้วยความเคารพเมื่อเขาเห็นเย่หงตี้

ซุนกวงฮุ่ยเป็นเพียงผู้จัดการโรงแรมเท่านั้น เขาหวาดกลัวเย่หงตี้เนื่องจากตัวตนของเธอสูงส่งกว่าเขามากนัก

เย่หงตี้ไม่สนใจคำพูดของซุนกวงฮุ่ย เธอเดินมาถึงตรงหน้าของฉิงเฟิงและคุกเข่าคำนับ

“วูฟคิง, ดิชั้นต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ในวันนี้”

ขะ…ขอโทษ ? นายหญิงกำลังกล่าวขอโทษหลี่ฉิงเฟิง !?

การแสดงออกของซุนกวงฮุ่ยเปลี่ยนไป เขาตะลึงอย่างมาก ตัวเขาเองยังต้องก้มศีรษะต่อหน้านายหญิง แต่นายหญิงกลับคุกเข่าคำนับต่อหลี่ฉิงเฟิง ตัวตนของชายหนุ่มคนนี้คืออะไรกันแน่ ??

ขณะนี้ในใจของซุนกวงฮุ่ยเต็มไปด้วยความเสียใจและความหวาดกลัว เขาไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของหลี่ฉิงเฟิงย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เขาจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจหรือไม่ก็เส้นสายมาก ไม่งั้นแล้วนายหญิงคงไม่ให้ความเคารพเขาขนาดนี้

“เย่หงตี้ ผู้จัดการโรงแรมของเธอไม่ยอมให้ฉันกินข้าวที่นี่ เราควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร ?” ฉิงเฟิงกล่าวขณะที่เขาเหลือบมองไปหาซุนกวงฮุ่ย

“ดิฉันต้องขออภัยอย่างสูง มันเป็นความผิดของชั้นเอง ชั้นจะแก้ไขเรื่องนี้ทันที”

เย่หงตี้ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ด้วยความเคารพและเดินตรงไปยังซุนกวงฮุ่ย

“ผู้จัดการซุน นายเป็นคนที่ต้องการจะไล่ท่านผู้นี้ออกไปใช่ไหม ?” เย่หงตี้ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นายหญิงครับ คือผม … ผม … ” ซุนกวงฮุ่ยอยากจะอธิบายและหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา เพราะเขาก็พยายามจะไล่หลี่ฉิงเฟิงออกไปจากโรงแรมและมีพยานมากมาย

เพี๊ยะ !

เย่หงตี้ตบหน้าของซุนกวงฮุ่ยอย่างแรง ใบหน้าของเขาบวมเป่งขึ้นและฟันร่วงออกจากปาก

“ฝ่ามือนี้สำหรับท่านผู้นั้น นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงกล้าที่จะหยุดเขาจากการรับประทานอาหารในโรงแรมแห่งนี้ !?” เย่หงตี้พูดด้วยความโกรธ

ซุนกวงฮุ่ยเอามือกุมใบหน้าที่บวมเป่งของเขา เขาต้องการอธิบาย แต่อย่างไรก็ตาม เย่หงตี้ชิงพูดก่อนอย่างเย็นชาว่า

“ซุนกวงฮุ่ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายถูกไล่ออกจากบริษัทเย่ และโรงแรมแห่งนี้”

“อะ.. อะไรนะ ? ผม… ผมถูกไล่ออก !?”

ซุนกวงฮุ่ยร้องเสียงหลงออกมาว่า “นายหญิงครับ ได้โปรดอย่าไล่ผมออกเลย ผมเป็นผู้จัดการที่นี่มานานกว่า 10 ปีแล้ว ผมดูแลโรงแรมนี้มาเป็นอย่างดี”

“นายทำให้ท่านผู้นั้นไม่พอใจ ถึงนายจะทำงานมาร้อยปีก็ไม่มีประโยชน์ อย่าให้ชั้นต้องพูดซ้ำ ไสหัวไปให้พ้น !”

เย่หงตี้กล่าวอย่างเย็นยะเยือก เธอไม่ลังเลกับการขอความเมตตาจากซุนกวงฮุ่ยแม้แต่น้อย

ซุนกวงฮุ่ยกำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง แต่เย่หงตี้ก็เตะเข้าที่ท้องของเขาอย่างแรงจนกระเด็นออกไปหลายเมตร ซุนกวงฮุ่ยล้มลงบนพื้นอย่างแรงและกระดูกหัก เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวด

“รปภ ลากไอ้ตัวบัดซบนี่ออกไปพ้นหน้าชั้น อย่าให้เขาได้เหยียบย่างเข้ามาที่นี่อีกต่อไป !”

เย่หงตี้กล่าวพร้อมกับโบกมือเรียก รปภ ให้มาลากตัวซุนกวงฮุ่ยออกไป

“ครับ ! นายหญิง” รปภ หลายสิบคนรีบวิ่งเข้ามาและโยนเขาออกไปจากโรงแรม

ซุนกวงฮุ่ยผู้น่าสงสาร เขาดูหมิ่นเหยียดหยามหลี่ฉิงเฟิงเพื่อที่จะประจบเอาใจหลิวเฟยเหยียน สุดท้ายตนเองกลับโดนไล่ออกจากโรงแรมแถมยังต้องเจ็บตัว