บทที่ 222 หนีภัยจากหุบเขาจิ้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่222 หนีภัยจากหุบเขาจิ้น

ไม่ใช่หนึ่งตัว……

ไม่ใช่สองตัว……

แล้วก็ไม่ใช่สามตัว……

แต่คือหนึ่งรัง งูเหลือมยักษ์หนึ่งรัง!

งูเหลือมตัวมหึมา หันหน้าพ่นลิ้นสองแฉก อ้าปากกว้างให้แก่พวกเขา ดูท่าแล้วน่าจะคิดว่าจะกินพวกเขาให้อิ่มไปมื้อนึง

และข้างๆพวกมันก็มีงูหลามยักษ์ตัวหนาเท่าเอวอีกตัวนึง นอนอยู่ตรงนั้นนิ่งไม่ขยับ

หลานเยาเยามั่นใจมาก

ว่างูเหลือมยักษ์ที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นตัวที่โดนนางแทงด้วยมีดอาบยาพิษตัวนั้น

แม้มันจะไม่ตาย แต่ก็ใกล้จะไม่ไหวแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงก็คือ งูเหลือมยักษ์แบบนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่มีเป็นรัง

เอ๊ะ?

ไม่ถูก!

ไม่ว่าจะเป็นงูหรืองูเหลือมยักษ์ ก็ไม่สามารถมีเกล็ดทั้งตัวรึเปล่า อีกทั้งยังเป็นเกล็ดหนามสีดำอีก

เป็นแบบที่มองแว็บเดียวก็สามารถทำให้คนฝันร้ายได้

หรือว่าจะเป็น……

เพราะรังสีแพร่ออกไปกว้างของอุกกาบาตจึงทำให้เกิดการกลายพันธุ์

ถ้าเป็นอย่างนั้น สัตว์ทุกชนิดในหุบเขาจิ้นก็กลายพันธุ์ไปหมดหรือเปล่า?

ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากก็เห็นงูเหลือมยักษ์รังนึงมุ่งโจมตีมาทางพวกเขา

“ไปเร็ว พวกมันกลายพันธุ์หมดแล้ว……”

ยังไม่ทันพูดจบ หลานเยาเยาก็อุทานออกมา

เอวก็ถูกมือใหญ่รั้งไว้แน่น จากนั้นก็ถูกฉวยขึ้น บินไปยังส่วนลึกของหุบเขาจิ้น จื่อซีและจื่อเฟิงก็ตามมาติดๆ บินออกห่างจากพื้น

แต่ว่า!

งูเหลือมยักษ์กลายพันธุ์พวกนั้น ไม่ใช่งูเหลือมยักษ์ธรรมดา

ไอคิวของพวกมันสูงกว่าที่หลานเยาเยาจินตนาการเอาไว้

พวกมันไล่ตามมาติดๆ ไล่โจมตีด้วยความเร็วตลอดทาง ระหว่างนั้นหลานเยาเยาก็โรยผงเทียนบ้านจำนวนมาก แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนมาใช้ยาพิษ แต่งูเหลือมยักษ์พวกนั้นหลบหลีกยาพิษที่นางโรยไปได้

แบบนี้ก็แย่แล้ว!

เป็นไปไม่ได้ที่หานแสจะพานางบินไปได้ตลอด ตอนที่หายใจก็หยุดพักอยู่บนต้นไม้ช่วงสั้นๆ พวกงูเหลือมยักษ์พวกนั้นก็วนเวียนอยู่ที่พื้นขึ้นมาบนต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่ามันใกล้จะมาถึงเท้าแล้ว……

“คิดวิธีกำจัดพวกมัน”

หลังจากหานแสพูดข้างหูนาง ก็พานางบินหนีอีกครั้ง

คิดวิธี?

ผงแป้งเทียนบ้านที่เรียกได้ว่าเป็นกำมะถันก็ใช้ไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว แม้แต่ยาพิษงูเหลือมยักษ์พวกนั้นก็หลบได้อย่างง่ายดาย แล้วยังมีวิธีไหนอีกหล่ะ?

วิชาตัวเบาของจื่อซีกับจื่อเฟิงนั้นแย่กว่าหานแสเล็กน้อย พวกเขาสามารถหลบการโจมตีของงูเหลือมยักษ์ไปได้แบบถูๆไถๆ

ตอนแรกคิดว่าการถูกกลุ่มงูเหลือมไล่โจมตีก็อันตรายมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่ายังอยู่ข้างหลังอีก

อาจเป็นเพราะสาเหตุจากการระเบิดที่ทำให้ทั้งหุบเขาจิ้นสั่นคลอน

ทันใดนั้นในหุบเขาจิ้นดูเหมือนจะไม่สงบเป็นพิเศษ!

“หานแสที่พานางบินอย่างดีมาโดยตลอด ก็ขมวดคิ้วแน่น

“หลานเยาเยา เจ้าคิดจะให้ข้าพาเจ้าไปอย่างนี้ตลอดหรือ?”

หานแสในตอนนี้ ไม่เรียกหลานเยาเยาว่าพระชายยาเย่แล้ว แต่เรียกชื่อนางโดยตรงอย่างไม่อดทน

เขาหันกลับไปมองงูเหลือมยักษ์ที่โจมตีจากทางด้านล่าง ลมหายใจก็ติดขัด

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพลังก็จะหมดไป

พอถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่จะแพ้โดยไม่ได้สู้แล้ว ยังต้องตกเป็นอาหารกลางวันของงูเหลือมยักษ์น่าขยะแขยงนั่นอีก

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ……

“ข้ากำลังคิดวิธีอยู่”จู่ๆหลานเยาเยาก็เบิกตากว้าง ตะโกนเสียงดัง “ระวังข้างหน้า”

ข้างหน้าคือสิ่งของที่……น่ากลัว

ใช่ นั่นคือสิ่งของ

สำหรับว่ามันคืออะไรนั้น หลานเยาเยายังดูไม่ออก

เหมือนนกอินทรี?

เหมือนนกแร้ง?

หรือเหมือนนกฮูก?

แต่ก็ดูจะไม่เหมือนทั้งหมด ขนปีกสีดำเปียกๆไม่เรียบ เหมือนกับป่วยเป็นอะไร ขนส่วนใหญ่ทั่วตัวหลุดออกไป

แต่มันไม่ส่งผลการบินและความเร็วของนกประหลาดนั่นเลย

มันกระพือปีกอันทรงพลัง ส่งเสียงแหลมมุ่งโจมตีพวกเขา

หานแสไม่ได้หันหัวกลับมาก็หลบเลี่ยงการโจมตีของนกประหลาดแล้ว

จากนั้นก็พูดอย่างหงุดหงิด: “หนวกหู!”

“……”

หลานเยาเยาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ก็ได้!

การต่อสู้เขาดี พลังภายในสูง มีความระมัดระวังมาก คำเตือนของนางมันไม่จำเป็น

แต่ว่า!

ในไม่ช้า หลานเยาเยาก็ประหลาดเมื่อพบว่า นอกจากจะมีงูเหลือมยักษ์กลายพันธุ์แล้ว ยังมีนกประหลาดกลายพันธุ์ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรอีก

ดูเหมือนสัตว์ทุกชนิดในหุบเขาจิ้นจะกลายพันธุ์ไปหมด

อีกทั้งเพราะเหตุระเบิด กระจายไปทั่วหุบเขาจิ้น

พอหลังจากเจอพวกเขา ก็เหมือนกับเจออาหารสดอร่อย ไล่กัดพวกเขา

เสียงร้องน่าเกลียด การโจมตีรุนแรง ทำให้หุบเขาจิ้นที่เคยสงบสุขกลายเป็นคึกคักทันที

หลานเยาเยารู้

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาได้จบเห่จริงๆแน่

พลังก็ต้องมีตอนหมด หานแสไม่สามารถอดทนได้นาน

ในตอนที่คิดอยู่ จู่ๆดวงตานางก็ประกาย

รีบชี้ไปยังถ้ำขนาดใหญ่ไกลๆ ที่ดูเหมือนจะยังสงบอยู่ แล้วพูดว่า:

“ไปที่นั่น”

ถ้ำนั้นมีขนาดใหญ่มาก อีกทั้งสองด้านก็เป็นหน้าผา

แม้ในถ้ำจะมีอันตราย แต่ก็ยังดีกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่ตอนนี้

อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องรับการโจมตีรอบด้าน

อีกอย่าง!

ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางยังมียาพิษขั้นสูงมากมาย แค่วางยาพิษไว้ปากถ้ำ สัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นก็ไม่สามารถไล่เข้าไปในถ้ำได้อีก

เห็นได้ชัดว่า

หลังจากที่หานแสเห็นปากถ้ำที่นางชี้ ก็เข้าใจความตั้งใจนางทันที

แต่ยังไม่วายหัวเราะเหน็บแนมตำหนินาง: “ในที่สุดก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง”

หลานเยาเยากลอกตามองเขา

คนอะไรเนี่ย!

ก็กะอีแค่ศิลปะการต่อสู้สูง กำลังภายในดี สามารถพานางบินไปได้ในระยะนึง!

จะต้องเหน็บแนมนางแบบนี้ด้วย?

นางไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีอะไรดีนะ

ในไม่ช้า!

หานแสก็พานางมาถึงปากถ้ำ ต่อมาจื่อเฟิงกับจื่อซีก็มาถึง

ทันทีที่ลงพื้น หลานเยาเยาก็เอายาพิษที่ออกมาเตรียมไว้แล้วกำลังจะโรยลงที่ปากถ้ำ

แต่หลานเยาเยาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า สัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นได้หยุดลงแล้วเดินวนเวียนอยู่ตรงปากถ้ำ ไม่กล้าเข้ามา

แม้แต่งูเหลือมยักษ์กลายพันธุ์ที่ไล่พวกเขามาตั้งแต่ต้นก็ยังวนเวียนอยู่บนต้นไม้โบราณที่อยู่ไม่ไกล แล้วคอยพ่นลิ้นสองแฉกให้พวกเขา

แต่ไม่ได้มาข้างหน้า

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้!

หลานเยาเยาขมวดคิ้วแน่น

แปลก?

“ทำไมพวกมันไม่ตามมา?”

ถามก็ถามไปแบบนั้น แต่หลานเยาเยาดูเหมือนจะเดาอะไรบอกอย่างได้

หลังจากที่ได้ยินนางพูด

ทุกคนก็หันมามองสัตว์กลายพันธุ์ที่กระสับกระส่ายอยู่ด้านนอกถ้ำไม่ไกล พวกมันแต่ละตัวอยากกินจนน้ำลายไหล อยากจะจับพวกเขาสองสามคนกินเป็นอาหาร แต่ด้วยท่าทางที่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ทำให้พวกเขายิ่งระวังมากขึ้น

ทันใดนั้น!

ลมเกิดพัด สัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นรีบหนีไปรอบๆราวกับได้รับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว

พวกหลานเยาเยาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางส่วนลึกของถ้ำ

ในถ้ำนี้มีอะไรกันแน่?

สามารถทำให้เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่น่ากลัว แทบอดไม่ได้ที่จะกินพวกเขา หวาดกลัวจนเป็นแบบนั้น?

“พระชายา ด้านในนี้เกรงว่าจะอันตรายกว่าข้างนอก”

คนที่พูดคือจื่อเฟิง

เขายังหายใจติดขัด ท่าทางลำบาก แต่แบบนี้ก็ยังดีกว่าจื่อซีที่ถือได้ว่าเป็นหมอ

จื่อซีตอนนี้ล้มลงกับพื้น เหนื่อยเจียนตาย

“อื้อ ข้ารู้”

ยิ่งอันตรายก็สามารถบอกได้ว่ายิ่งอยู่ใกล้กับดอกกระดูกขาวที่พวกเขาหาอยู่

พระชายาวางใจได้ แม้จะตาย พวกเราก็จะจะปกป้องท่าน”

ในที่สุดจื่อซีก็มีช่องว่าง รีบรับปากมั่นสัญญา

คำพูดของเจ้านาย เขาจดจำไว้ในใจมั่น ไม่กล้าลืมแม้ชั่วขณะ

หลานเยาเยาพยักหน้านิ่งๆ ไม่อยากคิดถึงคนที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง

หานแสมองหลานเยาเยาเงียบๆ จากนั้นก็ย้ายสายตามามองจื่อซีกับจื่อเฟิงด้วยแววตาที่มีความเหยียดหยาม