271 ถ้าเป็นศิลปะการต่อสู้ จะลืมได้
“――คุณหนูค่ะ ผู้เฒ่านั่น”
“ใช้คำให้ดีหน่อย”
“อะ ขอโทษด้วยค่ะ เจ้าโล้นนั่น คิดว่าเขาใช้『คิ』ได้ไหมคะ?”
……อืーม……ม๊า ช่างเถอะ
เมื่อพวกเราออกจากห้องรับแขก ริโนกิสก็เข้ามากระซิบถาม และฉันก็ตอบไปว่า「ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น」
“ฉันคิดว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีของเธอเลยล่ะ”
“ไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะคุณหนูเคยพูดคล้าย ๆ กันนี้ตอนที่เจอกับลิง แล้วดิฉันก็แพ้ไงค่ะ”
อ้า ว่าไปแล้วก็ใช่
เป็นตอนที่ฉันให้ไปต่อสู้กับลิงนักรบที่ปลายสุดทางทิศตะวันออกหรือเปล่า ดูเหมือนฉันจะถูกไม่พอใจ เพราะส่งเธอเข้าสู่การต่อสู้ที่ไม่มีโอกาสชนะเลย นั่นกลายเป็นเรื่องโกหก แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจ
ทว่า คราวนี้เป็นคนต่อคน ไม่มีความแตกต่างทางกายภาพมากนัก
ดังนั้นฉันคิดว่าจะสามารถเป็นการสู้ที่ดี
――ม๊า ฉันรู้สึกว่าริโนกิสจะพ่ายแพ้เนื่องจากประสบการณ์และการฝึกฝนที่แตกต่างกัน
แต่มันก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์ในระดับที่แตกต่างกัน กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนรู้จักของคุณเอง ฉันอยากให้ริโนกิสได้ต่อสู้กับเว่ยป้าจังเลย
ดีเลยจริงไหมล่ะ แม้ว่าจะแพ้ก็ตาม
หากคุณพ่ายแพ้ต่อคู่ต่อสู้ของคุณก็เท่ากับเป็นการประลองที่ตรงไปตรงมา
ฉันไม่มีใครจะให้ทำแบบนั้นได้ ไม่เพียงแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเท่านั้น ยังมีความเป็นไปได้ที่จะไม่พบไปตลอดชีวิตอีกด้วย
“――เสร็จแล้วเหรอ?”
เมื่อทหารที่ยืนเฝ้าห้องถัดไปเห็นพวกเรา เขาก็ร้องเรียกเข้าไปในห้อง และซิลเลนซึ่งรออยู่ข้างในก็ออกมา
“ใช่ ไปกันต่อเลยเถอะ”
ซ้า ต่อไปก็คือการไปพบกับ ดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์
――『สวัสดีขอรับ! ข้าน้อยไม่ใช่ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ดีหรอกนะขอรับ!』
อืーม……ฉันคิดว่าฉันคงข่มขู่เขามากเกินไปหน่อย
ด้วยการนำทางของซิลเลน พวกเราก็มาถึงห้องใต้ดินซึ่งเป็นที่เก็บรักษา ดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์
ในห้องมีโต๊ะเพียงตัวเดียวที่ปูด้วยกำมะหยี่สีดำเนื้อดี และมีรูจ ออเดอร์นอนอยู่บนนั้น
ใบดาบที่หักนั้นถูกจัดเรียงอย่างระมัดระวัง เหมือนกับฟอสซิลล้ำค่าที่ถูกขุดขึ้นมา
เข้าใจล่ะ จริงอยู่ว่าใบดาบเรียวและเพรียวบางลงจริง ๆ
ถ้ามีขนาดเพียงเท่านี้ ต่อให้ไม่ใช้งานทหารจักรกล ลิวิเซลก็น่าจะสามารถใช้งานได้
เมื่อฉันกล่าว「สวัสดี」กับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่พบกันครั้งสุดท้ายในงานเทศกาลฤดูหนาว ฉันก็ได้รับคำตอบอย่างว่าง่าย
“แต่มมนุษย์คือสุนัขใช่ไหม? สำหรับคุณน่ะ”
ทั้งภาคีนักรบสุนัขปีศาจ ทั้งสุนัขปีศาจ เรดแลนด์ ฉันแน่ใจว่าชื่อพวกนี้ถูกตั้ง ก็เพราะดาบศักดิ์สิทธิ์เรียกพวกเขาว่าสุนัข
――『ผิดแล้วขอรับ! มนุษย์เป็นหุ้นส่วนสำคัญที่ร่วมเป็นร่วมตายกับข้าน้อยขอรับ!』
…………
ฉันไม่คิดว่าตัวเองได้ทำอะไรที่เลวร้ายถึงขนาดที่เปลี่ยนบุคลิกภาพของเขา หรือสถานะดาบไปมากขนาดนี้
“ม๊า ส่วนนั้นช่างเถอะ”
ถึงแม้ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์จะมีปัญหาด้านบุคลิกภาพอยู่บ้าง แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าเขามีส่วนสนับสนุนมาเวเลียมายาวนานแล้ว ถึงจะเพื่อตัวเอง แต่เรื่องนั้นยังไงก็ได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ดาบต้องสาป หรือดาบชั่วร้ายอะไร ดังนั้นแค่อย่าทำแบบนี้อีกต่อไปก็พอ ลิวิเซลยังบอกฉันว่าอย่ารังแกเขาเลย
“จ๊า、คุณจะทำงานหนักเพื่อมาเวเลียต่อไปหรือเปล่า?”
――『แน่นอนขอรับ! กระผมเป็นเพียงเครื่องมือที่มีอยู่เพื่อให้มนุษย์สามารถใช้ได้ ดาบศักดิ์สิทธิ์ราคาถูกที่มีจุดขายเพียงอย่างเดียวคือ จะไม่ขึ้นสนิม! กระผมจะปอกเปลือกผักออกอย่างมีความสุขขอรับ! เน๊ ใช้กระผมสิขอรับ!』
…………
“จะทำตัวเป็นคนรับใช้มากเกินไปก็ไม่เป็นไร แต่คุณช่วยทำตัวปกติก่อนได้ไหม?”
――『ขอรับ』
ดีล่ะ แบบนี้ดีกว่า
ดาบศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งจะถูกใช้โดยผู้ถือครองและใช้งานผู้ถือครอง
แม้ว่าดาบจะทรงพลังหรือผู้ครอบครองมีความเชี่ยวชาญ แต่แค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ คุณค่าที่แท้จริงของมันจะถูกเปิดเผยก็ต่อเมื่อพลังทั้งสองประสานกันในระดับสูงเท่านั้น
ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ถือครองใช้งานนั้นเป็นดาบชั้นสอง ส่วนดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้งานมนุษย์นั้นเป็นชั้นสาม
เนื่องจากเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังอันแข็งแกร่งมาตั้งแต่ถือกำเนิด จึงมีสภาพทางอารมณ์ที่ยากจะเข้าถึง――ดังนั้น ดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์สีแดงเล่มนี้จึงเป็นชั้นสาม
“เน๊ ตอนนี้ เหลือดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในโลกนี้กี่เล่ม?”
――『ในสงครามดาบศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง มีดาบศักดิ์สิทธิ์มากกว่า ห้าร้อย เล่มเข้าร่วม และมีมากกว่าครึ่งหนึ่งถูกทำลายทั้งหมดในคราวเดียว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดวงดาวหลายดวงผ่านลับไป ทุก ๆ สองสามปี จะมีประกายไฟปลิวสลายทีละดวง และดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ร่วงโปรยปรายลงสู่พื้นโลก』
คงไม่ใช่แค่หลักสิบ สินะ
เดิมทีมีมากถึง เก้าร้อยเก้าสิบเก้า เล่ม แต่จำนวนลดลงขนาดนั้นเลยเหรอ……ม๊า ฉันรู้สึกเหมือนทำลายไปมากกว่าครึ่งในชีวิตชาติก่อน ฉันรู้สึกถึงความโกรธจากเทพแห่งช่างตีเหล็อกเลยจริง ๆ
――『กระผมยอมรับแต่โดยดี กระผมเป็นตัวตนที่ต่ำต้อยที่สุดในหมู่ดาบศักดิ์สิทธิ์ ดาบสีแดงเข้มนั้นงดงามแต่เปราะบาง และพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ทำได้แค่พ่นไฟได้เท่านั้น กระผมวิ่งหนีจากสนามรบ และตอนนี้ก็มาลงเอ่ยอยู่ที่นี่ขอรับ ในขณะที่กำลังรวบรวมกำลังเพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน กระผมก็ต้องใช้พลังกว่าเจ็ดส่วนที่สะสมมาในการต่อสู้ครั้งก่อนกับท่านขอรับ ความพยายมเก็บสะสมพลังมายาวนานหลายร้อยปี แต่ก็ต้องสูญไปมากถึงเจ็ดส่วนในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน……ความจริงนั้นช่างโหดร้ายขอรับ』
ฟุอืม……
“ให้ฉันบอกคุณ คุณไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ?”
――『เป็นเรื่องตลกขอรับ คนที่ทำแบบนี้ให้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกคือคนที่พูดเช่นนั้น』
ม๊า เขาทักท่วงอย่างทันทีทันใด
――『แม้ว่าท่านจะมีพลังที่สามารถหักกระผมได้ทุกเมื่อ แต่ท่านก็จงใจตัดลงทีละส่วนราวกับจะต้อนให้จนมุม……ท่านข้าใจถึงความกลัวที่ร่างกายแหลกสลายไปทีละน้อยไหมขอรับ?』
ม๊า ฉันไม่ใช่ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็เลยไม่รู้
“คุณมุ่งเป้าไปที่ผู้ถือครองของฝ่ายตรงข้าม อย่าพึ่งต่อสู้กับดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเน๊ะ”
แค่พ่นไฟ
ก็คงไม่น่าเป็นปัญหาจริงไหม
แม้จะเรียบง่ายและดั้งเดิม แต่ก็เป็นทั้งข้อดีและจุดแข็งที่ยากจะเอาชนะได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ และจะไม่ทำให้ผู้ถือครองไฟไหม้
อาจจะอ่อนแอต่อดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน แต่มีผลกับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จริงไหม
ใช่แล้ว ยิ่งกว่านั้นหากเป็นมนุษย์
――『ประชดสินะขอรับ! ไม่ได้ผลกับท่านสักนิดเลยไม่ใช่รึไง!』
ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะเลือกคู้ต่อสู้ผิดไงล่ะ
“การรู้ว่าตนเองอ่อนแอไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากคุณเปลี่ยนวิธีคิด มันจะกลายเป็นความเข้มแข็งได้
……สงครามดาบศักดิ์สิทธิ์สินะ นั่นมันสนุกจริง ๆ――แต่ก็ไม่น่าพอใจจริงๆ”
――『…? เฮ้ ท่านหมายถึง――』
ฉันได้ยินสิ่งที่ฉันต้องการจะได้ยินแล้ว เรื่องก็จบ
ฉันบอกซิลเลนกับริโนกิสที่กำลังเฝ้ามองจากข้างกำแพงว่า「แค่นี้พอแล้วล่ะ」จากนั้นพวกเราก็ออกจากห้องใต้ดิน
สงครามดาบศักดิ์สิทธิ์
หลายร้อยปีก่อน ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ต่อสู้กันเพื่อความอยู่รอด และฉันแน่ใจว่าไม่น่ามีบันทึกเกี่ยวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ฆ่ากันเองหลงเหลืออยู่
สิ่งนี้อาจไม่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์นับพันปี ที่มีดาบศักดิ์สิทธิ์มากกว่า หกร้อย เล่มในที่เดียวกัน
ดาบศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดรวมตัวกันเพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุด แตกต่างจากดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์ แต่――
เพราะดาบศักดิ์สิทธิ์ใช้งานผู้ถือครอง
นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่สามารถให้อภัยได้
การต่อสู้ระหว่างดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่ปัญหา
ยังไงก็ตาม นั่นก็เหมือนกับการบังคับ――ให้ผู้ถือครองเข่นฆ่าผู้ถือครองด้วยกัน
ผู้คนหลายร้อยคนต่อสู้กันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือเพื่อตัดสินตำแหน่งสูงสุด
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันเไม่ใช่เพียงแต่ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ฆ่ากันเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยคนด้วยเช่นกัน ดาบศักดิ์สิทธิ์ดึงผู้ถือครองจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องในความขัดแย้งของพวกเขา
บางทีอาจมีข้อตกลงร่วมกัน
แล้วก็อาจมีบางคนที่ไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าดาบศักดิ์สิทธิ์ หรือผู้ถือครองคนอื่น ๆ
――ทว่า นั่นมันเป็นปัญหาอย่างมาก ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังนับร้อยรวมตัวกันและต่อสู้กัน ภูมิประเทศจะเปลี่ยนไป ระบบนิเวศจะบิดเบี้ยว และหากความแค้นจากดาบศักดิ์สิทธิ์ที่หักยังคงอยู่มันจะทำให้เกิดบรรยากาศน่าขยะแขยงขึ้น จะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นกับรอบข้าง
โดยปกติแล้วมันคงทำให้ฉันตื่นเต้น
เหตุใดสิ่งที่คล้ายดาบศักดิ์สิทธิ์จึงทำตัวเหมือนผู้ปกครองโลก และเหตุใดจึงมีอยู่ในโลกนี้ราวกับว่ามันเป็นของคุณ
――มันทำให้ฉันเจ็บปวดเมื่อคิดว่าการมีอยู่ของชิ้นส่วนโลหะที่ดูเหมือนดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกนับเป็นอาวุธมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าร่างกายมนุษย์ ไม่มีทางที่จะมีอาวุธใด ๆ ที่ดีกว่าร่างกายมนุษย์ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบุกเข้าไป
มันคงจะไร้สาระถ้าผู้คนต้องฆ่ากันเองด้วยเรื่องแบบนั้น ดังนั้นฉันจึงสอนพวกเขาด้วยคำพูดและการกระทำ
……ม๊า ฉันรู้สึกเหมือนถูกเกลียดชังมากเลยทีเดียว
ดาบศักดิ์สิทธิ์ของข้าー、บางล่ะ
ดาบในฐานะนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของดิฉันー、บางล่ะ
ความทะเยอทะยานของข้าー、บางล่ะ
ฉันคิดว่าผู้ถือครองจำนวนมากต่างร้องไห้ต่อหน้าดาบศักดิ์สิทธิ์ที่หักของตน และฉันรู้สึกคิดว่าพวกเขาน่าจะพูดอะไรบางอย่างด้วยความไม่พอใจ「แกจะต้องเสียใจกับสิ่งนี้」หรือ「ข้าจะไม่มีวันให้อภัยแกเด็ดขาด」อะไรแบบนั้น
แต่ม๊า แค่นั้นแหละ
ถึงแม้จะเรียกว่าแค้นก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นล่ะ
คุณสามารถลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ง่าย ๆ ――ใช่เลย ถ้าคุณฝึกศิลปะการต่อสู้เน๊
อันที่จริง ต้องขอบคุณศิลปะการต่อสู้ที่ทำให้จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันสามารถลืมหลาย ๆ สิ่งได้
และฉันแน่ใจว่าฉันจะลืมมันอีกครั้งในไม่ช้า
มนุษย์ยังไงดี ตราบใดที่คุณมีศิลปะการต่อสู้ คุณก็สามารถทำอะไรได้แทบทุกอย่าง