บทที่ 200 ระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักร บุตรแห่งสวรรค์ของวังสวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 200 ระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักร บุตรแห่งสวรรค์ของวังสวรรค์

หลังจากฟางเหลียงกลับมา เขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็คึกคักอยู่หลายวัน จากนั้นก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

ประเพณีตกทอดมานับพันปี ทำให้เหล่าศิษย์และศิษย์หลานของหานเจวี๋ยต่างคุ้นชินกับการมุมานะบำเพ็ญเพียร

ดูเหมือนโจวหมิงเยวี่ยจะใช้ฟางเหลียงเป็นศัตรูในจินตนาการ มุมานะฝึกฝนมากกว่าเมื่อก่อน

หานเจวี๋ยเริ่มพุ่งสู่ระดับเซียนแท้วัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างสุดกำลัง

ยี่สิบเจ็ดปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับเซียนแท้วัฏจักรขั้นสมบูรณ์จนสำเร็จ!

เขาไม่ได้หยุดพักผ่อน แต่กลับทำตบะให้มั่นคงต่อ

ผ่านไปอีกราวๆ ห้าปี หานเจวี๋ยได้โอกาสในการทะลวงระดับแล้ว

“เจ้าออกไปก่อน”

หานเจวี๋ยลืมตาสั่ง พอได้ยิน อู้เต้าเจี้ยนก็ลุกขึ้นยืนราวกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง

เมื่อนางเดินมาถึงประตูถ้ำก็พลันหันหน้ามาถามว่า “นายท่าน ข้าสำเร็จมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่หนึ่งแล้ว”

“ไม่เลว ภายหลังข้าจะถ่ายทอดขั้นที่สองให้”

“อืม”

อู้เต้าเจี้ยนจากไป เงาหลังดูผิดหวังอ้างว้างอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยลอบคิดว่า ‘ข้าใจร้ายกับนางเกินไปหรือไม่ หลังจากนี้ต้องอ่อนโยนกับนางสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้นางหนีไป’

หลังจากเดินออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทานแล้ว อู้เต้าเจี้ยนก็ไปหาฟางเหลียงเพื่อแลกมือด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ทั้งสองขึ้นไปแลกมือบนอากาศ ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่ การเคลื่อนไหวของการต่อสู้จึงยิ่งใหญ่มาก ทำให้ผู้บำเพ็ญในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เฝ้ามองอยู่จำนวนไม่น้อย

มรรคกระบี่เทียมฟ้าปะทะกับพลังเทพหมื่นกระบี่!

หานเจวี๋ยไม่ได้สังเกตการต่อสู้ เขานำสมาธิทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับการทะลวงระดับ

สามรากฐานอันยิ่งใหญ่ กายดาราอนธการ วิชาวัฏจักรหกวิถี ร่างวิญญาณหกสาย ดูเหมือนว่าหานเจวี๋ยไม่ต้องกังวลเรื่องการทะลวงระดับเลย

เจ็ดปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงระดับสำเร็จ

พลังเวทของเขาพุ่งทะยาน วิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง!

หานเจวี๋ยเบิกบานใจจนแทบจะระเบิด

เขารีบเรียกดูหน้าจอแสดงคุณสมบัติทันที

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 1,365/120,459,999]

[เผ่าพันธุ์: เซียน (กายดาราอนธการ)]

[ตบะ: ระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักรระยะต้น]

……

อายุขัยหนึ่งร้อยยี่สิบล้านปี!

ทะลุขอบฟ้า!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนเองจะโบยบินแล้ว!

อายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน!

นี่สิถึงเป็นการบำเพ็ญเซียน!

หลังจากหานเจวี๋ยมองจอแสดงคุณสมบัติแล้ว ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้น

เพียงแค่ไม่ยุแหย่หาเรื่อง หากฝึกฝนร้อยล้านปีแล้วบรรลุต้าหลัวไม่ได้ หานเจวี๋ยก็จะเขียนชื่อตัวเองกลับหัวให้ดู!

หานเจวี๋ยทำตบะให้มั่นคง

ครึ่งปีต่อมา เขาถึงสิ้นสุดการทะลวงระดับอย่างสมบูรณ์

เรื่องแรกที่ทำคือนำหนังสือแห่งความโชคร้ายมาเฉลิมฉลอง

อายุขัยยืนยาวเพียงนี้ สามารถถลุงเงินเป็นเบี้ยสักระลอกได้!

สาปแช่งคนละเจ็ดวัน!

หลังจากผ่านไปห้าวัน ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งวันจะถูกลดอายุขัย!

ผ่านไปหลายเดือน หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงด้วยความพอใจ

เขาเริ่มจำลองการทดสอบ ระดับอย่างหลงซั่นไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว เขาเลือกตี้ไท่ไป๋ในทันที

ครั้งนี้เขาไม่ถูกตี้ไท่ไป๋สังหารภายในเสี้ยววินาที ทั้งสองมีการโจมตีและตั้งรับ

เมื่อหานเจวี๋ยแสดงมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สาม กระบี่เบิกบุพกาล ดวงดาราก็ปรากฏออกมาเต็มฟ้า ตี้ไท่ไป๋ก็ต้านไม่ไหวอยู่บ้าง

ตี้ไท่ไป๋ฝึกฝนมรรคกระบี่เทียมฟ้าแล้วอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาฝึกฝนถึงขั้นที่สามเช่นกัน ทว่าน่าเสียดายที่ยังสู้หานเจวี๋ยไม่ได้

การต่อสู้ในครั้งนี้กินเวลาต่อเนื่องเกือบครึ่งชั่วยาม

หลังการต่อสู้สิ้นสุด หานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้วแน่น

ครึ่งชั่วยามมันนานเกินไป!

‘ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ วังเทพท่านนั้นยังอาศัยระดับเซียนแท้สังหารเซียนทอง หากยามที่เขาบรรลุระดับเซียนลึกล้ำจะต้องสังหารเซียนทองได้ภายในเสี้ยววินาทีแน่’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ ความทระนงองอาจภายในใจหายไปอย่างสิ้นเชิง

เขาลองต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ เป็นดังที่คาดไว้ ถูกสังหารภายในเสี้ยววินาที

หานเจวี๋ยกลับมาระมัดระวังอีกครั้ง

เขายังคงอ่อนแอเกินไป

หากวันใดจักรพรรดิสวรรค์อารมณ์แปรปรวนอยากสังหารเขา เขาก็ไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

กำหนดเป้าหมายใหม่ ต้องเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์!

คิดแล้วหานเจวี๋ยก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา

อู้เต้าเจี้ยนนั่งลงบนเบาะของตน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่าน ท่านทะลวงระดับสำเร็จแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยนึกได้ว่าก่อนหน้านั้นได้ตัดสินใจว่าจะดีกับนางให้มากหน่อย ดังนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อืม ต่อไปนี้ข้าจะถ่ายทอดมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สองให้เจ้าแล้วกัน เจ้ามานี่ มานั่งข้างๆ ข้า”

อู้เต้าเจี้ยนได้ยินก็พลันตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

แปลงกายมาหลายร้อยปี นางยังไม่เคยขึ้นเตียงของหานเจวี๋ยมาก่อนเลย

นางนั่งลงข้างๆ หานเจวี๋ยอย่างระมัดระวัง ท่าทางราวกับลูกแมวน้อย

หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจ รอจนนางนั่งลงเรียบร้อยแล้วก็เริ่มถ่ายทอดมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สองให้

หลังจากถ่ายทอดไปหนึ่งปี เขาก็ให้อู้เต้าเจี้ยนไปทำความเข้าใจด้วยตนเอง

วันนี้เอง

ตี้ไท่ไป๋มาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ทันตั้งตัว

หานเจวี๋ยไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป และให้ตี้ไท่ไป๋เข้ามาในถ้ำเทวา

“ศิษย์และศิษย์หลานของเจ้ามีพรสวรรค์ไม่เลวนี่ ทะลวงระดับได้เร็วยิ่งนัก”

ตี้ไท่ไป๋เอามือลูบหนวดกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็สังเกตดูหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเห็นสภาพของเขาไม่ปกติอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาถูกเทพภูตโจมตีมาก่อน หรือว่าอาการบาดเจ็บยังจะไม่หายดี

“พอได้ ที่ผู้อาวุโสมาในครั้งนี้ หรือมาเพราะเรื่องงานชุมนุมใหญ่ท้อเซียน” หานเจวี๋ยยิ้มแล้วถามกลับ

ตี้ไท่ไป๋พยักหน้า เมื่อโบกมือขวา ลูกท้อสี่ผลที่มีขนาดราวกับกำปั้นก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ

ดูๆ แล้วท้อเซียนมีลักษณะคล้ายลูกท้อทั่วไปเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าสีมันจะเป็นชมพูเข้มกว่า

“งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงที่ท้อเซียนจะถูกกินจนหมด ข้าจึงนำมาให้เจ้าก่อน เทพเซียนทั่วไปจะได้กินเพียงหนึ่งผล แม้แต่เจ้าแม่สวรรค์ก็ได้เสวยเพียงสองผล บรรดาโอรสของฝ่าบาทส่วนมากก็ได้เสวยแค่หนึ่งผล ผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นถึงได้กินสามผล” ตี้ไท่ไป๋กล่าวอย่างอิจฉา

จักรพรรดิสวรรค์ช่างยอมทุ่มให้หานเจวี๋ยจริงๆ

หลังจากที่หานเจวี๋ยได้ฟัง ความประทับใจในตัวจักรพรรดิสวรรค์ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างอดไม่ได้

วันหน้าหากสามารถช่วยจักรพรรดิสวรรค์ได้ เขาจะต้องออกแรงอย่างแน่นอน ขอเพียงไม่คุกคามถึงชีวิตของเขาก็พอ

“ขอบพระทัยฝ่าบาทแทนข้าด้วย บุญคุณนี้หานเจวี๋ยจะต้องจดจำอยู่ในใจ” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง

เขารับรู้ได้ถึงไอเซียนมหาศาลในท้อเซียน

สมกับเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของวังสวรรค์จริงๆ

ตี้ไท่ไป๋กล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนครั้งนี้มีบุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพมาด้วย ผู้ที่เป็นผู้นำคือจักรพรรดิเทพกระบี่ คนผู้นี้สามารถกลายเป็นจักรพรรดิเซียนได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นหนุ่มสาวของวังเทพ แต่ก็นับว่าเป็นผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่ง หากเจ้าเกิดเร็วกว่านี้สักหนึ่งแสนปี บางทีอาจจะช่วงชิงกับเขา ทำลายความน่าเกรงขามของเขาในงานชุมนุมท้อเซียนได้”

จักรพรรดิเทพกระบี่?

หานเจวี๋ยมีสีหน้าแปลกๆ

‘จักรพรรดิเทพกระบี่มีความประทับใจในตัวเขาระดับสามดาวนี่!’

ล้วนเป็นสหาย ไม่จำเป็นต้องทำลายความน่าเกรงขาม!

“สองกลุ่มอิทธิพลปะทะหน้ากัน หรือว่าต้องประลองเวท” หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ดูจากการวางแผนกลอุบายแล้ว จะต้องให้บุตรแห่งสวรรค์ประลองเวทเพื่อยับยั้งซึ่งกันและกัน

โชคดีที่เขาไม่ไปงานชุมนุมใหญ่ท้อเซียน มิเช่นนั้นคงเกิดอันตรายแล้ว

นี่จะต้องเป็นโอกาสชั้นดีในการสร้างความเกลียดชัง

ด้วยความสำคัญที่จักรพรรดิสวรรค์มอบให้กับเขา มีความเป็นไปได้มากที่จะถูกส่งเข้าลานประลอง

หานเจวี๋ยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ไป

ตี้ไท่ไป๋กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าวางใจเถิด วังสวรรค์เองก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร บุตรแห่งสวรรค์ก็มีมากมาย ฝ่าบาทหลงซั่นไม่ใช่บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของวังสวรรค์ พระองค์นับว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์เท่านั้น”

หานเจวี๋ยพยักหน้า ‘เช่นนั้นก็ดี หวังว่าอย่าได้เกิดเรื่องขึ้นกับวังสวรรค์’

เขาเพิ่งเข้าร่วมไม่นาน อย่าให้วังสวรรค์ต้องล่มสลายลงเลย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเขากลายเป็นตัวเอกแนวจอมยุทธ์แฟนตาซีที่มีความทุกข์อันยิ่งใหญ่และความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งหรอกหรือ

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ตี้ไท่ไป๋ก็เอ่ยคำลา

หานเจวี๋ยเก็บท้อเซียนและนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา

ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเป็นอย่างไรบ้าง

เพียงไม่นานหานเจวี๋ยก็มองเห็นอันดับของโลกเมฆาแดง

เขาหมดคำพูดแล้ว

อันดับที่ 2,532!

อันดับเลื่อนเร็วเกินไป!

หรือว่าดวงชะตาของวังสวรรค์กำลังอ่อนลง

หานเจวี๋ยจมดิ่งอยู่กับการครุ่นคิด

ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว

ลองยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่สักหน่อย แล้วค่อยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังโดยรวม

หานเจวี๋ยหลับตาลง เริ่มทำความเข้าใจไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ

ไม่นาน เขาก็เข้าสู่แม่น้ำมรรคกระบี่

ได้พบกับจั้งกูซิงอีกครั้ง หานเจวี๋ยพบว่ามีเงาร่างหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าจั้งกูซิง ทั้งสองราวกับกำลังพูดคุยกันอยู่

จั้งกูซิงกวักมือเรียกหานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาแล้ว มาได้พอดีเลย พวกเจ้ารู้จักกันสักหน่อย ท่านนี้คือผู้ฝึกสายกระบี่รุ่นเยาว์ของวังเทพ เขาเพิ่งมีอายุสามพันกว่าปี อยู่ระดับเซียนแท้ไท่อี่ระยะปลายแล้ว มีคุณสมบัติในการกลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์”

……………………………………….