บทที่ 262 ดินเหนียว

บทที่ 262 ดินเหนียว

หลังจากชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามบนภูเขาแล้ว ทุกคนก็เดินทางลงจากภูเขา

ระหว่างทางลงพื้นลื่นเล็กน้อย เสี่ยวเป่าจึงจับมือท่านพ่อแล้วเดินตามไปทีละก้าว

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเด็กน้อยก็ล้มลง นางพยายามขืนตัวไม่ให้ท่านพ่ออุ้มด้วยกลัวว่าบิดาจะเหนื่อย

หากท่านพ่ออุ้มนางเดินลงเขา เสี่ยวเป่าต้องรู้สึกแย่มากแน่ ๆ

“น้องหญิงให้ข้าอุ้มเจ้าดีหรือไม่”

องค์ชายสี่เดินเข้ามาและทูลเสด็จพ่อว่า “เสด็จพ่อ ลูกจะอุ้มน้องหญิงเอง ลูกแข็งแรงมาก ลูกทำได้”

สีหน้าของหนานกงสือเยวียนเต็มไปด้วยความสงสัย : แล้วข้าดูอ่อนแออย่างนั้นหรือ

เสี่ยวเป่ามองไปรอบ ๆ แล้วชี้ไปยังด้านหนึ่ง “เสี่ยวเป่าไม่อยากให้พี่ชายอุ้ม พี่ชายเอาเปลือกไม้ตรงนั้นมาให้เสี่ยวเป่าได้หรือไม่เพคะ”

องค์ชายสี่เกาหัว แม้จะไม่เข้าใจว่าน้องหญิงคิดจะทำอะไร แต่ก็ทำตามคำขอของนางอย่างเอาใจด้วยการเดินเข้าไปเอาเปลือกไม้ชิ้นใหญ่มาให้

เสี่ยวเป่าขอให้คนช่วยทำความสะอาดเปลือกไม้ชิ้นนั้น แล้วก็พบว่ามีเครื่องหนังที่เหมาะพอดีจากสัมภาระที่ข้าราชบริพารเตรียมมา นางวางไว้ก่อนจะนำเถาวัลย์มาผูกต่อเข้าด้วยกัน สร้างเป็นเลื่อนอย่างง่าย โดยเอาปลายเชือกไปผูกไว้กับเสือสองตัว

เสือทั้งสองก็ตามใจองค์หญิงน้อยเช่นกัน หลังจากที่มันปล่อยให้เสี่ยวเป่าสวมสายคล้องให้อย่างว่าง่าย ทั้งสองก็นั่งนิ่งมองเด็กหญิงเดินไปนั่งบนเลื่อนโดยมีจิ้งจอกน้อยอยู่ในอ้อมแขน

“ไปเลย ค่อย ๆ เดินนะ”

เสี่ยวเป่าหันไปยิ้มกว้างให้หนานกงสือเยวียนอย่างสดใส

“ท่านพ่อดูนี่ ตอนนี้เสี่ยวเป่าเร็วกว่าทุกคนแล้ว!”

เมื่อเอ่ยจบ มือน้อย ๆ ของนางก็ดึงหางเสือ ทำให้เสือตัวใหญ่ทั้งสองเริ่มลากเลื่อนอย่างช้า ๆ ไปตามพื้นหิมะ

เสี่ยวเป่าเพียงนั่งบนเลื่อนอย่างสบายอารมณ์ โดยมีสองพยัคฆ์ช่วยลากเลื่อนและคุ้มกันอยู่ด้านหน้า ความเร็วของเลื่อนไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่ก็กลายเป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง

“น้องหญิง น้องหญิง รอข้าด้วย!”

ในไม่ช้าก็มีคนได้สติ องค์ชายห้าเป็นคนแรกที่วิ่งไล่ตามนางไปด้วยความสนใจอยากจะเล่นบ้าง!

เสียงหัวเราะร่าเริงของเสี่ยวเป่าดังลอยมาตามลม หนานกงสือเยวียนมองดูร่างเล็กของบุตรสาวที่กำลังสนุกสนาน มุมปากของเขาพลันค่อย ๆ ยกขึ้น

“องค์หญิงน้อยทรงมีความคิดแปลกใหม่ยิ่งนัก”

ใครบางคนถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น จากนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างกันก็พยักหน้าตาม

ถูกต้อง ผู้ใดจะคิดว่านางจะสามารถสร้างเครื่องเล่นที่สนุกสนานและเดินทางอย่างสะดวกได้โดยใช้เพียงเปลือกไม้

พวกเขาก็อยากจะลองบ้างเสียหน่อย ทว่า…

พวกเขามีเปลือกไม้ มีเถาวัลย์ มีแผ่นหนัง แต่ไม่มีเสือน่ะสิ!

“สุดยอด อยู่บนหิมะเช่นนี้แต่ไปได้เร็วมาก!”

หลายคนนั้นคิดถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย การเดินทางในช่วงฤดูหนาวท่ามกลางหิมะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการขนย้ายสิ่งของด้วยรถม้าที่ลำบากยิ่ง แต่เมื่อได้เห็นองค์หญิงประทับอยู่บนพาหนะรูปร่างแปลกประหลาด และแล่นฉิวไปบนพื้นหิมะเช่นนั้นแล้วก็ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับการใช้รถม้า ทว่าดูเคลื่อนที่ได้สะดวกกว่ามาก

แต่ข้อเสียของมันคือ สามารถใช้ได้กับวันที่มีหิมะตกหนักเท่านั้น

ในสายตาของราชทูตจากดินแดนต่าง ๆ กลับซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย สำหรับพวกเขา องค์หญิงน้อยดูทรงปรีชาสามารถมากไปหน่อยบราวนี่ออนไลน์

ถือเป็นโชคดีที่พระองค์เป็นองค์หญิง หากเป็นองค์ชาย ไม่อยากจะคิดเลยว่าในภายภาคหน้าอาณาจักรต้าเซี่ยจะต้องยิ่งใหญ่มากเพียงใด แค่ในเวลานี้ก็มีพระโอรสที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถอยู่มากมายแล้ว ราวกับว่าที่นี่เป็นแหล่งบ่มเพาะคนอัจฉริยะอย่างไรอย่างนั้น

ที่เชิงเขา เสี่ยวเป่ากำลังเอามือกุมใบหน้าเล็ก ๆ ของตนซึ่งถูกลมเย็นกระทบจนชาหนึบ สองขาเล็กพาร่างน้อยลุกขึ้นยืน และวิ่งไปที่ทะเลสาบจิ้งสุ่ยด้วยแววตาสดใส

ในยามนี้ทิวทัศน์ที่นี่กับยามมองจากยอดเขานั้นต่างกันมาก แต่เสี่ยวเป่าก็ชอบทั้งสองมุมมอง

“ช้า ๆ หน่อย ระวังล้มนะ”

ทันทีที่หนานกงหลีกล่าวจบ เสี่ยวเป่าก็ถลาไปด้านหน้าก่อนจะล้มลง

หนานกงหลี “…”

เสี่ยวเป่า : ท่านอาเจ็ดเป็นคนเอ่ยสิ่งใดก็เป็นลางอย่างนั้นหรือ!

เสี่ยวเป่ารีบลุกขึ้นยืน ปัดหิมะออกจากร่างด้วยมือเล็กและยกเท้าขึ้นมอง

ไม่ใช่เพราะนางวิ่งได้ไม่มั่นคง แต่ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เท้าคู่น้อยของเสี่ยวเป่าสะดุดล้มเมื่อครู่เป็นแน่!

เสี่ยวเป่ารีบนั่งยอง ๆ พลางมุ่ยปากและตะกุยหิมะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพบว่าใต้หิมะมีเถาวัลย์ของต้นไม้ต้นหนึ่งยื่นออกมา

เสี่ยวเป่างอแง รีบอธิบายว่าไม่ใช่เพราะเท้าของนางไม่มั่นคงแต่เป็นเพราะสิ่งนี้ต่างหาก!

ราวกับลืมไปเสียสิ้นว่าตนเองเผลอล้มกลิ้งอยู่หลายครั้งก่อนจะมาสะดุดเถาวัลย์ใต้หิมะนี่

เด็กน้อยกำลังจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของนางจริง ๆ และห้ามไม่ให้ท่านอาเจ็ดหัวเราะเยาะ แต่หางตาของนางพลันเหลือบไปเห็นดินที่ถูกขุดออกมาจากหิมะเมื่อครู่ด้วยความสนใจอย่างมาก

มันเป็นดินละเอียดและเหนียวเล็กน้อย ทั้งยังดูบริสุทธิ์ไร้เศษสิ่งสกปรกเจือปน

นี่ช่าง…ดูคุ้นเคยเสียจริง!

“เจ้ากำลังมองอะไรอยู่”

พวกขุนนางที่เดินทางมา รวมถึงคณะราชทูตกำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบตรงหน้า หลังจากนั้นเหล่าพี่ชายก็เดินเข้ามาเห็นว่าน้องสาวตัวน้อยกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่บนพื้น

ดวงตาของเสี่ยวเป่าทอประกายอีกครั้ง สีหน้าตื่นเต้นราวกับคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้

“ท่านพี่ พวกเราขุดดินนี้กลับไปด้วยเถอะ!”

องค์ชายหลายพระองค์มีท่าทีรังเกียจ “พวกข้าอายุเท่าไหร่กันแล้ว จะให้มาเล่นโคลนได้อย่างไร”

เสี่ยวเป่ามองพวกเขาพร้อมเอ่ยต่อ “ท่านพี่ เด็กที่ไหนก็เล่นโคลนด้วยกันทั้งนั้นแหละ!”

บรรดาพี่ชาย “…”

เหตุใดจึงเอ่ยราวกับตนเองไม่ได้เป็นเด็กกันเล่า

พวกเขาไม่อาจต้านทานสายตาออดอ้อนของเสี่ยวเป่าได้ ในที่สุดก็ต้องช่วยกันขุดเอาดินนั่นขึ้นมา ช่างเรื่องอายุไปเถอะ มาเล่นกับน้องหญิงที่น่ารักในตอนที่นางยังเป็นเด็กเช่นนี้ให้เต็มที่ดีกว่า

เสี่ยวเป่าไม่ทราบว่าพวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่ แต่ในหัวน้อย ๆ กำลังคิดถึงการนำดินเหนียวไปทำเครื่องเคลือบที่เคยเห็นในโลกก่อน

นางอยู่ในโลกนี้มาสามปีแล้ว ตอนที่อยู่กับท่านแม่ก็เคยใช้เครื่องเคลือบที่ปั้นขึ้นจากดินเหนียวสีเหลืองแดง ซึ่งไม่ได้สวยงามเท่าใดนัก

เมื่อมาถึงวังหลวงก็พบว่ามีเครื่องเคลือบลายครามที่ผ่านการปั้นอย่างวิจิตรบรรจง แต่ส่วนใหญ่เครื่องเคลือบเหล่านั้นทำจากดินขาวที่หายากมาก โดยเฉพาะเครื่องเคลือบลายครามสีขาวบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนนั่นหายากพอ ๆ กับอัญมณี มีราคาสูงยิ่งกว่าเครื่องแก้ว ว่ากันว่าการจะเผาเครื่องลายครามเช่นนั้นออกมาให้สวยงามไร้ที่ติ ต้องอาศัยทั้งฝีมือและวาสนาที่ดีเป็นอย่างมาก

ทันทีที่เสี่ยวเป่าเห็นดินเหนียว นางก็มีความคิดจะทำเครื่องเคลือบลายครามขึ้นมาในทันที เดี๋ยวพอกลับไปยังวังหลวง นางต้องขอให้พี่สามมาช่วยทำเครื่องเคลือบลายครามด้วยกันเสียแล้ว