ตอนที่ 262 มีพืชไม่ทราบชนิด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 262 มีพืชไม่ทราบชนิด

วันต่อมา พวกมู่เถาเยาตื่นแต่เช้า ไม่ได้ทำเสียงเอะอะรบกวนเจ้าของบ้าน

หมู่บ้านตงจี๋มีพื้นที่ว่างเยอะมาก เอาไว้สำหรับตากธัญพืชกับสมุนไพร

เมื่อวานพวกเขาเลือกพื้นที่ไว้แล้ว เป็นพื้นที่ว่างอยู่ไม่ไกลจากบ้านเก่าของครอบครัวลู่

ที่นั่นกว้างมาก อีกทั้งยังเป็นโซนบ้านเก่า ไม่มีคนพักอาศัย ไม่มีทางรบกวนการพักผ่อนของคนอื่น เหมาะสำหรับฝึกยุทธ์เป็นอย่างมาก

ต่อให้ฟ้าสว่างมีชาวบ้านตื่น ก็ไม่มีทางรีบมาทางนี้

ยังไม่ถึงตีห้า มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ใช้กำลังภายในพาคนเหาะไปที่นั่น

เวลานี้ฟ้ายังไม่สว่าง หมู่บ้านไม่มีกล้องวงจรปิด อยากเหาะก็เหาะ

ฝึกกันอยู่หนึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ค่อยๆ เดินกลับ ประมาณเจ็ดโมงก็ถึงบ้านครอบครัวลู่

ครอบครัวลู่สามคนตื่นมาทำอาหารเช้าแล้ว

“เจ้าหญิงน้อย!”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณน้า”

แม่ลู่ฉีกยิ้ม

ขอแค่เห็นมู่เถาเยาเธอก็จะร่าเริงทันที เวลาอื่นจะนิ่งๆ

ย่าลู่ยิ้มแย้มพูด “ออกกำลังกายกลับมากันแล้ว รีบเข้าห้องไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวมากินข้าวเช้ากัน”

“ค่ะ”

ทุกคนแยกย้ายกลับห้อง

ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงสี่สิบนาทีก็มารวมตัวที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

อาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

อาหารเช้าของครอบครัวชนบทมีความหลากหลาย โจ๊กถั่วเขียว แป้งทอดฟักทอง มันเทศนึ่ง ข้าวโพดต้ม…

“ย่าลู่คะ อาหารเช้าเยอะอีกแล้ว คราวหน้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้นะคะ” มู่เถาเยาแอบเกรงใจ

“ไม่ลำบาก นึ่งพวกนี้ทำพร้อมกันได้ ใช้เวลาไม่นาน เป็นของที่ปลูกเองทั้งนั้น มีอะไรก็กินแบบนั้น หมู่บ้านชนบทไม่ค่อยมีนมกับพวกขนมปัง ส่วนใหญ่กินพวกธัญพืช ย่ายังกังวลอยู่ว่าทุกคนจะไม่ชิน”

ลู่จือฉินยิ้มพูด “ประเทศเหยียนหวงกินแบบนี้กันมาเป็นพันปี จะไม่ชินได้ยังไงคะ ก็แค่ต้องรบกวนคุณน้าแล้ว”

“ไม่รบกวน ข้าวโพด มันเทศ ฟักทอง เอาขึ้นเขาได้ สะดวกมาก ย่าเลยทำเยอะหน่อย”

ทุกคนพากันขอบคุณ

ย่าลู่พูดอย่างใจดี “กินกันเถอะ”

ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ประมาณครึ่งชั่วโมงก็กินอาหารเช้าเสร็จ

ย่าลู่หากล่องใส่อาหาร แยกบรรจุอาหารแต่ละอย่าง

ตักไก่ที่เมื่อวานเย็นฆ่าแล้วต้มทิ้งไว้ขึ้นมา น่องไก่กับปีกไก่อย่างละสองถูกสับแยกวางใส่กล่อง

เตรียมอาหารกลางวันสำหรับสามคนเสร็จก็ออกจากห้องครัวกลับไปห้องรับแขก

มู่เถาเยา “ย่าลู่คะ ทำไมใส่ของกินให้เยอะขนาดนี้ เมื่อคืนพวกเราซื้อนมกับขนมปังมาเยอะแยะเลยค่ะ”

ย่าลู่ยิ้ม “เอาไปเยอะได้ก็เอาไปเถอะ พวกเธอขึ้นเขาใช้กำลังเยอะ หิวเร็วแน่นอน ย่าจะไปเด็ดแตงกวากับมะเขือเทศมาให้อีกหน่อย”

ลู่จือฉินรีบห้าม “คุณน้าคะ ช่วงนี้เป็นหน้าผลไม้ บนเขามีผลไม้ป่าเยอะ ไม่ต้องเอาแตงกวากับมะเขือเทศหรอกค่ะ”

“ก็ได้ แบกเยอะก็เหนื่อยเหมือนกัน”

มู่เถาเยา “งั้นพวกเราไปหยิบของก่อนนะคะ รบกวนย่าลู่ช่วยหาเข่งเล็กมาสักใบ”

“ได้จ้ะ”

มู่เถาเยา ลู่จือฉิน ลู่หันซู พากันขึ้นชั้นบนไปเอากระบอกน้ำและหมวกของตัวเอง

หลังจากทั้งสามคนขึ้นไปแล้วย่าลู่ก็ถามขึ้น “เสี่ยวอิน พวกหนูจะเอาของกินไปด้วยไหม”

“พวกเราเอาแค่น้ำก็พอค่ะย่าลู่ ตอนเที่ยงกลับมา ลองไปวันหนึ่งก่อน กลับมาแล้วค่อยตัดสินใจว่าวันต่อไปตอนเที่ยงจะกลับมาไหม”

เมื่อวานเลือกทิศทางไว้แล้ว

มู่เถาเยาฟังจากที่ย่าลู่เล่า กอปรกับแผนที่ที่เธอจำไว้ในใจ ไหนจะเส้นทางที่ลู่จือฉินเคยไปแล้วอีก เธอวางแผนเส้นทางต่างๆ ไว้แล้ว

เฉิงอันนั่วกับปาอินเอาการเรียนรู้เป็นหลัก เส้นทางที่ไปจึงไม่เหมือนกับพวกมู่เถาเยาสามคน

“จ้ะ งั้นย่าไปเอาเข่งก่อนนะ”

“ค่ะ”

ย่าลู่ออกจากห้องรับแขก

เฉิงอันนั่วหยิบกาน้ำไปรองน้ำมาต้ม เตรียมชงชา

หลังจากพวกมู่เถาเยาลงมาแม่ลู่ก็ร่ำร้องจะเอาหมวกกับกระบอกน้ำด้วย

ลู่หันซู “แม่คะ เมื่อวานรับปากว่าจะช่วยงานเจ้าหญิงน้อยแล้วไม่ใช่เหรอคะ”

แม่ลู่เอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วพยักหน้า

“เจ้าหญิงน้อย ไม่ไป”

“ค่ะ ฉันไม่ได้ไปไหน แค่ขึ้นเขาไปหาสมุนไพร จะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน คุณน้าอยู่บ้านช่วยเอาดอกเก๊กฮวยป่าที่เก็บมาเมื่อวานไปตากได้ไหมคะ ถ้าฝนตกก็เก็บกลับเข้ามาในบ้าน”

มู่เถาเยาชี้ดอกเก๊กฮวยป่าเดือนกรกฎาคมที่ถูกวางผึ่งบนกระด้งอยู่ตรงมุมหนึ่ง

แม่ลู่มองตามมือของมู่เถาเยา สองตาเปล่งประกาย “ฉันทำได้”

“ค่ะ คุณน้าทำได้อยู่แล้ว”

“อืมๆ”

ลู่จือฉินพูดกับย่าลู่ที่ถือเข่งมา “คุณน้าคะ ถ้าพวกเรากลับมาช้าก็กินข้าวกันก่อนได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอ”

“จ้ะ”

หลังจากทุกคนกรอกน้ำใส่กระบอกเต็มแล้วก็ออกเดินทาง

ไม่ต้องใช้รถ ขึ้นเขาจากทางด้านหลังบ้านครอบครัวลู่

แยกกันออกเป็นสองกลุ่ม ไปทางเหนือกับไปทางใต้

มู่เถาเยา “หันซู ฉันกับอาจารย์สามพละกำลังดี ถ้าเธอเหนื่อยก็บอกนะ ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่รู้”

ลู่หันซูพยักหน้า “ได้เลย”

ลู่จือฉิน “หันซู ตรงนี้ดูไม่เหมือนมีคนเคยเดินมา ไม่มีใครใช้เส้นทางนี้ขึ้นเขาหรือเปล่า”

“ค่ะ อย่างมากย่าก็พาแม่ไปที่แปลงเพาะปลูก หนูปิดเทอมกลับมาถ้าอยากขึ้นเขาก็จะใช้เส้นทางที่ปกติพวกลุงๆ ไปกัน ย่าไม่วางใจให้หนูขึ้นเขาคนเดียว”

ถึงแม้จะไม่มีสัตว์ดุร้ายอะไร แต่เกิดหกล้มไม่มีใครรู้จะยิ่งเป็นอันตราย

พ่อของเธอก็เกิดเรื่องเพราะไปเก็บสมุนไพร

มู่เถาเยา “หันซู หลังจากวันนี้ ฉันกับอาจารย์สามตัดสินใจว่านับแต่พรุ่งนี้ไปจะกลับมาตอนหาหญ้าร้อยรสเจอ หรืออาจกลับวันศุกร์เย็น ถ้าเธออยากไปดูแม่น้ำสายเขียวก็ไปกับพวกเราได้นะ”

“เสี่ยวมู่ ไม่ว่ายังไงแค่วันเดียวก็ไปไม่ถึงแม่น้ำสายเขียวหรอก ถึงฉันจะไม่เคยไป แต่ก็รู้ว่าเทือกเขาติดกันหลายลูกมีจำนวนกี่ลูก…”

“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อคืนฉันกับอาจารย์หารือกันแล้ว จะใช้กำลังภายในเหาะไปที่แม่น้ำสายเขียว จากนั้นค่อยๆ ตามหาสมุนไพรเดินกลับมา”

ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่จ้ะ ยิ่งเข้าไปข้างในยิ่งไม่มีคนไป สมุนไพรหายากย่อมมีไม่น้อย มันต้องมีอย่างอื่นอีกแน่นอนจากที่พวกเธอพบ”

“อืม ฉันเคยอ่านบันทึกของลุงเจียง ในนั้นยังมีพืชที่ไม่ทราบชนิดด้วย”

“ลุงเจียงคือใครเหรอ”

“นักพฤกษศาสตร์ จินเฉิงเจียง”

“งั้นอาจจะมีหญ้าร้อยรส ดอกห้อมช้าง แล้วก็ดอกพันวันด้วยหรือเปล่า” แววตาของลู่หันซูมีความหวัง

“ในบันทึกของลุงเจียงไม่มีเขียนพวกนี้ไว้ แต่ที่นี่พื้นที่กว้างขวางมาก ลุงเจียงไม่มีทางอยู่ในหุบเขานานจนเดินทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นที่ป่าได้”

เพราะในนี้ไม่มีอะไรให้กินนอกจากผลไม้ป่า

เมื่อคืนพวกเธอคุยโทรศัพท์กับจินเฉิงเจียงนานมาก ก็เลยรู้ว่าเขาไม่เคยมาทางแถบนี้

ลู่จือฉิน “หันซู ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก เธอทำได้ดีมากแล้ว พยายามให้เต็มที่ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อตัวเองก็พอนะ”

“…ค่ะ”

มู่เถาเยา “ถ้าเจอหญ้าร้อยรส ฉันจะขอดอกห้อมช้างจากตระกูลปามาถอนพิษให้นะ ส่วนดอกพันวัน…ก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตา”

“ขอแค่แม่รอดได้ฉันก็ขอบคุณมากแล้ว แม้สติปัญญาจะกลับไปเป็นเด็กก็ตาม ขอบคุณนะคะอาจารย์ลู่ เสี่ยวมู่”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

“ค่ะ”

แค่ ‘ขอบคุณ’ ยังน้อยไป ลู่หันซูหวังว่าอีกหน่อยจะได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณนี้