บทที่ 225 ยิ่งลึกลงไป

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่225 ยิ่งลึกลงไป

วันที่สอง ลี่จุนถิงเรียกให้เจียงหยุนเอ๋อเก็บของ ก่อนจะออกไปเที่ยวกัน

เจียงหยุนเอ๋อนั้นเกิดเรื่องในตระกูลลี่ อีกอย่างลี่จุนถิงกลับไม่สนใจครอบครัวแล้ว เลยพาตัวเองมาที่ต่างประเทศ

อารมณ์ของเจียงหยุนเอ๋อเลยไม่มีความสุขสักเท่าไหร่

เมื่อเห็นอารมณ์ที่ยินดีของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อเลยไม่ได้แสดงความไม่สบายใจออกมา เลยพยักหน้าพูด: “คุณคิดเลยเถอะ ฉันไม่คุ้นกับที่นี่สักเท่าไหร่ แค่ไปกับคุณก็พอแล้ว”

ลี่จุนถิงลูบผมของเจียงหยุนเอ๋อ: “ไม่ไปกับฉันแล้วคุณจะไปกับใคร?ไม่ต้องคิดมาก ครั้งนี้ถือว่าเรามาเที่ยวกัน เรื่องไม่สบายใจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า พูดมันง่าย แต่ทำมันยาก

“ฉันจะไปปลุกถวนจื่อ เดี๋ยวเราออกเดินทางกันเลย” ลี่จุนถิงพูดก่อนจะเดินขึ้นไป

ทั้งสามคนขึ้นรถ ก่อนจะไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟเป็นที่แรก

พิพิธภัณฑ์ลูฟเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง แถมยังเรียกมันว่าคลังสมบัติศิลปะล้ำค่า

ภายในพิพิธภัณฑ์ลูฟนั้นมีงานศิลปะอยู่มากมาย ทุกๆ งานนั้นมันทำให้จิตรกรชื่นชมได้นาน

งานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ รอยยิ้มของโมนาลิซ่า และ Code of Hammurabi แล้วก็ยังมีเทพวีนัสอีกด้วย

เพียงแค่เจียงหยุนเอ๋อเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ลูฟก็ถูกงานศิลปะทำให้ชะงักสั่นขึ้น

ก่อนหน้านี้เพียงแค่เคยได้ยิน อย่างมากก็เห็นรูปบนอินเทอร์เน็ต

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ

ลี่จุนถิงเหมือนกับไกด์ พาถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อไปเที่ยวรอบหนึ่ง

เจียงหยุนเอ๋อพบว่าผู้ชายข้างกายนั้นยิ่งรู้จักก็ยิ่งเห็นข้อดี คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเข้าใจศิลปะมากมายขนาดนี้ อีกอย่างยังมีความเห็นส่วนตัวอีกมากด้วย

ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่กินอิ่มเห็นอะไรดีๆ ยังได้ความรู้เพิ่มอีกด้วย

แค่เวลานั้นมักจะผ่านไปอย่างไม่ทันรู้ตัว เพียงไม่นานก็ถึงตอนเที่ยงแล้ว

“เหนื่อยหรือยัง?” ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อเหมือนมีความเหนื่อยล้า

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว

ถ้าเกิดปกติก็ยังพอไหน แต่ตอนนี้ท้องอยู่ เท้าเลยเริ่มปวด เลยเริ่มรู้สึกตัวหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่อยากจะตัดความสนใจของลี่จุนถิง แถมเมื่อครู่ยังตกอยู่ในภวังค์ของศิลปะ ตอนนี้มาปวดเท้าเสียแล้ว

“ฉันคิดไม่รอบคอบเอง ไม่ควรให้คุณเดินมากขนาดนี้” ลี่จุนถิงสงสาร “พวกเราไปกันเถอะ ฉันรู้จักร้านอาหารที่อร่อยๆ แถวๆ นี้ จะพาคุณไปตอนนี้เลย”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า เมื่อพูดแบบนี้ ท้องก็เริ่มหิว

ลี่จุนถิงพาเจียงหยุนเอ๋อมาที่ร้านอาหารที่ตัวเองชอบมากิน ที่นี่เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสจริงๆ และมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานด้วย

ลี่จุนถิงจองที่ที่ดีที่สุดในร้านอาหารเอาไว้แล้ว ก่อนจะลากเก้าอี้ให้เจียงหยุนเอ๋อด้วยความเอาใจ: “ร้านอาหารนี้มีตับห่านที่อร่อยมาก ฉันให้คนทำให้แล้ว เดี๋ยวคุณลองดูสิ”

ร้านอาหารร้านนี้มีสไตล์ที่สบายมาก เจียงหยุนเอ๋อเองก็ผ่อนคลายลง

ถวนจื่อเองก็เชื่อฟังมาก ไม่ต้องให้พ่อแม่มาดูแล ตัวเองก็หาที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวหนึ่ง

เขารู้ว่าเพียงแค่แด๊ดดี้กับหม่ามี๊อยู่ด้วยกัน ตัวเองก็อยู่เงียบๆ ทำลายบรรยากาศไม่ได้

“คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อตกใจในความรู้ทุกอย่างของลี่จุนถิง

หลังจากที่ลี่จุนถิงจัดแจงให้เจียงหยุนเอ๋อแล้ว ตัวเองก็นั่งตรงข้ามเจียงหยุนเอ๋อ: “ถ้ามาฝรั่งเศสก็ต้องมาที่นี่”

ระหว่างที่พูดอยู่ ก็มีอาหารมาเสิร์ฟจนครบ

ลี่จุนถิงหั่นเนื้อให้ก่อนจะวางบนจานของเจียงหยุนเอ๋ออย่างเอาใจ

เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนจะดื่มด่ำไปกับการดูแลของลี่จุนถิง

ลี่จุนถิงเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์แบบนี้ เขาไม่สนใจผู้หญิงสักเท่าไหร่แต่เมื่อไหร่ที่เขาชอบคุณมาก เขาก็จะทำดีกับคุณอย่างที่สุด

ในสถานการณ์แบบนี้เขาเลยยิ่งเป็นชายที่มเสน่ห์มากเข้าไปอีก

“ลี่จุนถิง ตอนบ่ายพวกเราจะไปที่ไหนดี?” เจียงหยุนเอ๋อเริ่มสนใจทริปการไปเที่ยวครั้งนี้เสียแล้ว

ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้น เพียงแค่เจียงหยุนเอ๋อสนใจ เลยทำให้จัดการทริปวันนี้อย่างเต็มกำลัง: “อีกไม่นานพวกเราจะไปขึ้นเรือที่แม่น้ำเซน”

“ได้สิ” แววตาของเจียงหยุนเอ๋อเปล่งประกาย ได้ยินมานานแล้ว ว่าวิวของแม่น้ำเซนนั้นมันดึงดูดคนอย่างหยุดไม่ได้เลย

หลังจากกินข้าว ครอบครัวของลี่จุนถิง ก็เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟ จากนั้นก็ไปที่ริมแม่น้ำเซน

ทั้งสามคนขึ้นเรือ

ในตอนแรกลี่จุนถิงเตรียมเรือเอาไว้โดยเฉพาะ แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋ออยากจะขึ้นเรือกับทุกคน แต่คำพูดไม่เท่าไหร่ของตัวเอง อาจจะทำให้ความน่าสนใจมันลดลงได้

เรือที่พวกเราขึ้นนั้นมีคุณยายผมหงอกกับคุณหลานสาว ส่วนอีกคนเป็นนักดนตรีวัยรุ่นที่เอากีตาร์มาด้วย

ที่ที่มีบรรยากาศของความเป็นศิลปินนั้นมันมีนักดนตรีข้างถนนเยอะมาก พวกเขาเอาเครื่องดนตรีที่ตัวเองรักมา ก่อนจะสร้างทำนองและเนื้อเพลงอย่างมีจิตวิญญาณ

ครอบครัวของเจียงหยุนเอ๋อนั้นนั่งตรงข้างสามคนนี้

ยายแก่กับนักดนตรีนั้นเป็นผู้คุยที่ดี เลยทักทายพวกเขาอย่างใจดี ลี่จุนถิงพูดภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่วกับพวกเขา

หลังจากนั้นก็รู้ว่านักดนตรีนั้นเป็นคนฝรั่งเศส แต่ว่าเขาเพิ่งเคยมาที่ปารีส พอเหนื่อย เลยเลือกที่จะขึ้นเรือ

แต่คุณยายกับหลานสาวของเธอนั้น ขึ้นเรือเพื่อกลับบ้าน

เพราะเด็กผู้หญิงตัวน้อยนั้นอายุพอๆ กับถวนจื่อ ดังนั้นทั้งสองคนเลยเล่นกันอย่างสนุกสนาม

คนในเรือคุยกันอย่างสนุกสนาน

นักดนตรีนั้นยังหยิบกีตาร์ของตัวเองขึ้น ก่อนจะเริ่มเล่นดนตรี

คนต่างเอนตัวไป ตามเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงอย่างไพเราะ

หลังจากที่ถึงที่หมาย เจียงหยุนเอ๋อทั้งสามคนบอกลาคุณยายกับหลานสาวของเธอ และยังมีนักดนตรี ที่มาถึงหอไอเฟล

ว่ากันว่าคนฝรั่งเศสเป็นคนโรแมนติก พวกเขามักมีความคิดโรแมนติกต่อความรักเสมอ

หอไอเฟลเป็นสถานที่ที่จะได้ลิ้มลองความโรแมนติกของฝรั่งเศส

ว่ากันว่าตอนพลบค่ำมันเป็นเวลาที่สวยงามมากที่สุด ตะวันกำลังจะตกดิน ท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองทอง หอไอเฟลมีคู่รักมากมาย กำลังดื่มด่ำช่วงเวลาของพวกเขาทั้งสอง

ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อเองก็หาที่นั่งได้แล้ว ถวนจื่อวิ่งไปเล่นกับเพื่อนไม่ไกล

เจียงหยุนเอ๋อซบลงบนไหล่ของลี่จุนถิง ก่อนจะยิ้มแย้ม พลางมองตะวันที่กำลังจะตกดิน

วันนี้ได้ปลดปล่อยทั้งวัน อารมณ์ของเจียงหยุนเอ๋อนั้นดีขึ้นมาก สำหรับชายที่อยู่ข้างกาย มันทำให้ความรู้สึกในใจนั้นมันลึกซึ้งมากขึ้น

ถ้าเกิดสามารถอยู่กับเขาแบบนี้ได้ โดยไม่มีคนมาขัดขวาง ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ คงจะไม่เลวเลย

“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” เสียงน่าฟังของลี่จุนถิงดังเข้ามาในหู

เจียงหยุนเอ๋อตกใจ ก่อนจะยิ้มขึ้น: “อือ สวยมาก”

ทั้งสองคนเงียบลงอีกครั้ง ในตอนนั้นเหมือนกับว่าโลกทั้งใบ มันมีเพียงแค่พวกเขาสองคน