บทที่ 211 ข้อสอบง่ายมาก

บทที่ 211 ข้อสอบง่ายมาก

ครั้นได้ยินลูกสาวบอกว่าเป็นห่วง หัวใจของเหลียงซิ่วพลันเต้นระรัว

เป็นไปได้เชียวหรือที่ยังมีเรื่องที่ลูกสาวของเธอยังทำไม่ได้?

สองปีมานี้ เหลียงซิ่วอยู่อำเภอมาตลอด ความคิดต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

เพราะเช่นนั้นความกังวลเลยเพิ่มขึ้น

แม้แต่ฉีเหลียงอิงก็หยุดการเคลื่อนไหวที่ทำอยู่ ก่อนจะมองซูเสี่ยวเถียนอย่างเคร่งเครียด

เธอเองก็รู้ว่าซูเสี่ยวเถียนหลานสาวตัวน้อยของตนเองอยากสอบเข้ามัธยมต้น

ในความเห็นเธอ เสี่ยวเถียนอายุน้อยไปหน่อยควรเรียนประถมก่อน แต่ตอนนี้เรียนมัธยมต้นแล้ว มันเร็วเกินไป

ตอนแรกหม่านซิ่วก็กังวล แต่บังเอิญเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหลาน จึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวเถียน?” เหลียงซิ่วรู้สึกประหม่ามากขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่พูด แม้แต่น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความร้อนรน

“หนูแค่กังวลว่าจะทำข้อสอบได้ดีเกินไปแล้วคนอื่นจะกดดันเอาค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูดแกล้ง

เหลียงซิ่วอดตำหนิไม่ได้ “เด็กคนนี้นี่ นับวันผิวหน้ายิ่งหนาขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ ตอนเด็ก ๆ ยังน่ารักอยู่เลย!”

“จะตอนไหนเสี่ยวเถียนของเราก็น่ารักเสมอ!” ซูหม่านซิ่วหยิกใบหน้าอ้วนกลมด้วยความรักใคร่

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ เฉินซิ่วหย่วนก็ใช้ขาสั้น ๆ วิ่งเข้ามาในครัว พอได้ยินสิ่งที่มารดาพูดก็พูดตาม “จะตอนไหนเสี่ยวเถียนของเราก็น่ารักเสมอ!”

น้ำเสียงหวานนุ่ม ไม่ได้พูดจริงจังเท่านั้น แต่สีหน้าก็จริงจังทำพวกผู้ใหญ่อดหัวเราะไม่ได้

เหลียงซิ่วอุ้มเฉินซิ่วหย่วนอย่างเอ็นดู ก่อนจะยิ้ม “ซิ่วหย่วนของเราน่ารักที่สุดนะ!”

“จะตอนไหนเสี่ยวเถียนของเราก็น่ารักเสมอ!” เด็กชายพูดซ้ำอีกครั้ง

ไม่รู้เพราะพูดตามแม่หรือคิดจริง ๆ เด็กชายจึงไม่ยอมรับคำโต้แย้งเลย

อันที่จริงเด็กคนนี้ฉลาดมาก พูดชัดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน และเดินได้เร็วกว่าด้วย

“ซิ่วหย่วน หนูคิดว่าพี่เสี่ยวเถียนน่ารักไหม?” หม่านซิ่วอดไม่ได้ที่จะแกล้งลูกชายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กชายจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “พี่เสี่ยวเถียนน่ารัก!”

“เสี่ยวซิ่วหย่วนน่ารักกว่า หรือพี่เสี่ยวเถียนน่ารักกว่ากันนะ?” ฉีเหลียงอิงเห็นความสนุกจึงอดแกล้งด้วยไม่ได้

เธอคิดว่าเด็กชายจะต้องตอบตัวเองแน่นอน

ซิ่วหย่วนยืนกรานมาก “พี่เสี่ยวเถียนน่ารัก!”

“ซิ่วหย่วนก็น่ารักที่สุด!”

ซูเสี่ยวเถียนเอื้อมมือหมายจะไปหยิกหน้าอ้วน ๆ ของน้องชายแต่โดนแม่ห้ามไว้

“อย่าไปหยิกหน้าน้องสิ หยิกแบบนั้นน้ำลายจะไหลเอานะ!”

เสี่ยวเถียนไม่เชื่อ ไม่เห็นจะมีหลักวิทยาศาสตร์อะไรเลย

แต่เธอก็เชื่อฟัง แล้วเอื้อมมือไปลูบผมน้องแทน

เพราะรู้สึกถึงความเอ็นดูจากคนเป็นพี่ เด็กชายจึงหัวเราะคิกคัก

หลังจากที่พวกเขาหยอกล้อ เสี่ยวเถียนพาเฉินซิ่วหย่วนออกไปเล่น

เดิมทีเสี่ยวเถียนเป็นน้องเล็กของบ้าน กว่าจะมีน้องชายไม่ง่ายเลย เธอจึงรักมากไปโดยปริยาย

ปกติเธอไม่ค่อยมีเวลามาอำเภอหรอก กว่าจะมาได้ในแต่ละครั้งแน่นอนว่าก็ต้องเล่นกับน้องให้สนุกไปเลยสิ

เรื่องสอบอะไรนั่น เธอไม่กังวลหรอก

หลังจากที่เด็ก ๆ ออกไป ฉีเหลียงอิงก็ยิ้ม “เด็กคนนี้อายุสองขวบในพริบตาเลยนะ”

“หม่านซิ่ว สองปีนี้ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวบ้างหรือ?” เหลียงซิ่วถามพร้อมมองไปที่ท้องของน้องสามี

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่กล้าถามเพราะกลัวจะไปทิ่มแทงใจพวกเขา แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

เป็นเพราะให้กำเนิดเฉินซิ่วหย่วนได้ และร่างกายก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร

ถึงหม่านซิ่วจะอายุไม่น้อย แต่มีเด็กอีกสักคนก็ยังได้อยู่

เธอลูบท้องก่อนจะยิ้ม “เด็กคนนี้ตัวเล็กไปน้อย ท้องเลยไม่มีอะไรขยับมาสองปีแล้วล่ะ!”

น่าเสียดายที่มีลูกคนเดียว

แต่แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว

ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าชีวิตนี้คงมีลูกไม่ได้

ตอนนี้มีหนึ่งคนแล้ว เป็นความสุขที่ไม่คาดฝัน

เธอไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกแล้ว

“เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา อย่างไรเสียก็มีซิ่วหย่วนอยู่แล้วตั้งคนหนึ่งนะ!”

“ใช่!” เหลียงซิ่วได้ยินก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล พูดเรื่องนี้ขึ้นมา หม่านซิ่วก็อายุไล่ ๆ กับเธอเลย

หลังจากที่คลอดเสี่ยวเถียน ก็ไม่ไม่มีเรื่องที่มีความสุขอีกเลย

ไม่แน่หม่านซิ่วคงเหมือนกัน ช่างเถิด เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา

เช้าวันต่อมา ผู้หญิงทั้งสามเตรียมอาหารเช้าแสนอร่อยให้เด็ก ๆ

มีพวกซาลาเปา หมั่นโถว แล้วก็ซุปไข่แป้งก้อน

หลังจากเด็ก ๆ กินข้าวเสร็จก็เดินทางไปสอบที่โรงเรียน

ตอนที่ออกไป ทุกคนรู้สึกกดดันมาก ยกเว้นซูเสี่ยวเถียน

เพราะเดิมทีพวกเขามาจากชนบท และไม่ได้เรียนหนังสือ พวกเขากลัวว่าถ้าสอบได้ไม่ดีจะโดนหัวเราะเยาะ และก็กลัวว่าจะไม่ได้ไปเรียนด้วย

กลับกัน เสี่ยวเถียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ ก้าวย่างท่วงท่าเหมือนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร

“น้องเล็ก ไม่กังวลเลยหรือ?” เสี่ยวปาถามอย่างสงสัย

“มีอะไรต้องกังวลคะ? พวกพี่ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเราเรียนได้มากเท่าคนที่เข้าเรียนเลยนะ!”

บรรยากาศในช่วงสองปีที่ผ่านมา จินตนาการถึงระดับความรู้เด็กในโรงเรียนได้เลย

คนอื่นไม่รู้ แต่พี่ชายของเราเธอมั่นใจมาก

ระดับสูงมาก!

ตอนนี้ไม่มีผู้ใหญ่พามาสอบเป็นเพื่อนหรอก

พอเด็ก ๆ ไป พวกเขาก็ไม่กังวลเรื่องสอบอะไรแล้ว และต่างแยกย้ายกันไปทำงาน

เหลือเพียงซูหม่านซิ่วและเฉินซิ่วหย่วนอยู่ที่บ้าน

“แม่ พี่สาว พี่ชาย!” เฉินซิ่วหย่วนคงเหงาเกินไปที่อยู่คนเดียวเลยมาก่อกวนผู้เป็นแม่

เด็ก ๆ ทุกคนกำลังจะสอบ ซูหม่านซิ่วรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องตั้งใจอย่างหนักแน่

“ลูกรัก พวกพี่ ๆ กำลังตั้งใจเรียนกันอยู่จ้ะ พวกเราไปซื้อเนื้อให้พวกเขากินดีไหม?” ซูหม่านซิ่วพูดพร้อมกับจับมือเล็ก ๆ ของลูกชาย

สหายตัวน้อยมีความสุขมาก พลางปรบมือเปราะแปะ “ดีเลย ๆ ซื้อเนื้อ กินเนื้อ!”

เด็กชายรู้สึกตื่นเต้นมาก!

สองแม่ลูกจับมือกันเดินไปที่สหกรณ์เพื่อซื้อเนื้อเป็นพิเศษ

ตอนไปถึงเนื้อที่ตลาดเช้าขายเกือบหมดแล้ว เธอซื้อมาแค่สองจินเท่านั้น มันดูไม่สวยเลย เล็กมาก อีกทั้งยังไม่มีมัน ยังดีที่มีกระดูกชิ้นใหญ่เหลืออยู่บ้าง เธอจึงซื้อมาหนึ่งชิ้น

ฉีเหลียงอิงและเหลียงซิ่วต้องไปทำงานตอนเที่ยงเลยกลับมาไม่ได้ หม่านซิ่วจึงเตรียมอาหารเพียงคนเดียว

เธอนึกถึงสมัยที่ยังเป็นเด็ก ๆ ตอนที่ไม่สามารถเลือกกินได้ แล้วก็ทำหมูผัดถั่วงอก มะเขือเทศผัดไข่ ซุปกระดูกหมูเคี่ยวใส่ผัดกาดกับเต้าหู้ ทำขึ้นมาหม้อใหญ่

สุดท้ายก็มีข้าวขาวหม้อใหญ่อีกหม้อ

พอถึงตอนเที่ยง เด็ก ๆ ก็กลับมาถึงบ้าน

ซูหม่านซิ่วถามว่าการสอบเป็นอย่างไรบ้าง เด็ก ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าสุดจะพรรณนา

เธอเห็นแล้วก็ตกใจ กลัวว่าพวกเขาจะสอบไม่ได้

เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนมาตั้งหลายปี จึงเลี่ยงสงสัยไม่ได้อยู่แล้ว

ไม่ว่าเด็ก ๆ ในเมืองจะมีชีวิตชีวามากแค่ไหน แต่เวลาเรียนหนังสือก็เก่งกว่าลูกหลานบ้านเราไม่น้อย

“ทำได้ไม่ดีหรือ? ไม่ต้องเครียดไปนะ แล้วตอนบ่ายยังต้องสอบอีกไหม? ถึงตอนนั้นค่อยทำให้ดีก็พอ!” ซูหม่านซิ่วรีบร้อนปลอบหลาน ๆ

“อาครับ ทำไมผมรู้สึกว่าเนื้อหาข้อสอบมันผิดปกติ!” ซูโส่วเวินเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น

“ปัญหาอะไรหรือ?”เธอกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ

“มันง่ายเกินไป ผมว่าน่าจะทำได้เต็ม!”

เช้านี้สอบวิชาคณิตศาสตร์ ซูโส่วเวินคิดว่ามันง่ายเกินไป

ผู้เป็นอารู้อยู่แล้วว่าหลานคนโตเป็นคนแน่วแน่ที่สุด ไม่มีทางทำไปโดยไร้จุดหมายหรอก

แต่ข้อสอบง่ายมาก เขาพูดออกมาได้อย่างไรเนี่ย?

“พวกน้องว่าไง?” โส่วเวินถามคนที่สอบด้วยเหมือนกัน

แต่ละคนคุยจ้อกแจ้กตรวจคำตอบ ส่วนใหญ่ก็ตอบเหมือนกัน

พี่ชายทั้งสามเกือบตอบเหมือนกันทั้งหมด มีแค่เสี่ยวเหมยและเสี่ยวเฉ่าที่ตอบต่างไปเล็กน้อย

คำถามพวกนี้เสี่ยวเถียนก็ทำได้ เลยมองไปข้าง ๆ ก่อนจะรู้ว่าเหมือนพวกพี่ชายทำถูกหมด ส่วนพี่สาวทั้งสองน่าจะผิดสองสองสามข้อ แต่โดยรวมแล้วนับว่าทำได้ดีมาก

มีส่วนน้อยที่ตอบได้ถูก และครั้งนี้ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ตอบได้ถูกเท่านั้น

หม่านซิ่วเรียนหนังสือมาตลอดสองปีกับสามี ส่วนใหญ่เรียนเรื่องวรรณกรรมและคณิตศาสตร์อะไรพวกนนั้นเหมือนจะไม่เข้าใจทั้งหมด เลยไม่รู้ว่าเด็ก ๆ พูดถูกหรือเปล่า

แต่พอเห็นคำตอบเด็ก ๆ เหมือนกันก็วางใจลงเยอะ

กินข้าวเสร็จ หม่านซิ่วก็เตือนให้เด็ก ๆ ไปพักหน่อย

หลังจากกลับมาจากสอบรอบบ่าย เด็ก ๆ ก็บอกอีกว่าข้อสอบไม่ยาก

ช่วงท้ายถกกันเยอะหน่อยเพราะวิชาภาษา มีการเขียนเรียงความ แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าจะได้เต็มหรือเปล่า

พวกเขาคุยเรื่องเขียนเรียงความสั้น ๆ หม่านซิ่วได้ยินก็รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยเสนอความเห็นของตัวเองออกไป

เด็ก ๆ คิดไม่ถึงว่าอาใหญ่จะให้คำแนะนำและความเห็นในการเขียนเรียงความได้ มันยอดเยี่ยมมาก

“คุณอาเยี่ยมมาก!” เสี่ยวชีเบิกตากว้าง พูดอย่างไม่เชื่อ