บทที่ 212 ระบบร้านค้ายังไม่เปิด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 212 ระบบร้านค้ายังไม่เปิด

บทที่ 212 ระบบร้านค้ายังไม่เปิด

ได้ยินว่าอาใหญ่ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน แล้วจะแสดงความเห็นเรื่องเขียนเรียงความได้อย่างไร?

พอได้รับคำชมจากหลานชาย เธอก็เขิน ๆ ที่จริงเธอแค่ได้ยินแล้วสนใจ เลยพูดด้วยสองประโยคแค่นั้นแต่ไม่คิดว่าจะได้รับคำชม

“อาแค่พูดไปงั้น อย่าชมกันเลย ไม่งั้นอาเขินตายแน่” ซูหม่านซิ่วรีบโบกมือ

“อาใหญ่ อาเคยคิดอยากเขียนอะไรไหมคะ” จู่ ๆ ซูเสี่ยวเถียนก็รู้สึกว่าอาใหญ่อาจมีความสามารถในด้านนี้นะ?

เพราะหลังจากแต่งงานใหม่ก็เพิ่งเริ่มอ่านเริ่มเขียน การที่เสนอความคิดเห็นได้มากขนาดนี้จะต้องมีพรสวรรค์แน่ ๆ

หม่านซิ่วส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อาจะไปมีทักษะพวกนี้ได้ยังไง แค่พูดไปเฉย ๆ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดด้วยซ้ำ”

เสี่ยวเถียนยิ้ม “คุณอา ที่จริงการเขียนไม่ยากเลยนะ หนูเคยได้ยินอาเล่านิทานให้น้องชายฟัง อาเล่าได้ดีมาก ถ้าเขียนลงไปก็จะเป็นบทความได้นะ”

เรื่องที่หม่านซิ่วเล่า เธอเคยได้ยินที่ไหนล่ะ พราะงั้นเลยสงสัยว่าหม่านซิ่วคงแต่งเรื่องขึ้นมาปลอบเด็ก ๆ ก็เท่านั้น

“หลานพูดจริงหรือ?” ผู้เป็นอาถามด้วยความประหลาดใจ

เรื่องพวกนี้แค่พูดไปงั้น ๆ จะเขียนออกมาได้จริง ๆ หรือ?

“จริงสิคะ คุณอาเขียนออกมาก่อนแล้วแก้ไขอีกหน่อยก็ดีแล้วค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนให้กำลังใจ

เธอยังไม่แน่ใจว่าซูหม่านซิ่วจะเขียนได้หรือเปล่า แต่ไม่ผิดสักหน่อยถ้าจะให้กำลังใจกัน

ตอนที่เสี่ยวเถียนกำลังให้กำลังใจหม่านซิ่ว เสียงแอนนาจากระบบก็ดังขึ้น [ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการเปิดใช้งานภารกิจลับ : ค้นพบพรสวรรค์ ให้รางวัลร้านค้าห้าแต้ม]

ซูเสี่ยวเถียนผงะ รางวัลร้านค้า? นี่มันสถานการณ์อะไรเนี่ย?

รางวัลก่อนหน้านี้คือตั๋วกับเงิน ทำไมถึงมีแต้มร้านค้าแทนล่ะ?

หมายความว่าหลังจากนี้ร้านค้าจะเข้าไปซื้อขายแลกสินค้าได้แล้วหรือ?

แต่ห้าแต้มน้อยไปไหม?

ฟังแล้วดูน้อยมากเลยนะ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุยกับระบบ เสี่ยวเถียนทำได้เพียงระงับความสงสัยและความไม่พอใจเอาไว้

เหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าเด็ก ๆ ทำได้ดีในการสอบ

เนื้อที่กินในตอนเย็นเป็นของที่พวกเธอเอากลับมา มีเนื้อหมูห้าจิน เนื้อแกะสองจิน และไก่หนึ่งตัว

“พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สาม ทำไมพวกพี่ร่ำรวยกันขนาดนี้?”

ซูหม่านซิ่วถามด้วยความประหลาดใจ ซื้อเนื้อได้เยอะในคราวเดียวเลยหรือเนี่ย? หาได้ยาก

จริง ๆ!

เหลียงซิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ไหนเล่า ไม่ใช่เพราะคิดถึงเด็ก ๆ ตั้งใจสอบหรือไง เลยวานคนเขาไปซื้อมาให้”

อาหารเย็นเยอะมาก ทำเอาเสี่ยวเหมยและเสี่ยวเฉ่าไม่สบายใจเหลือเกิน

รอบนี้ที่มาก็เอาอาหารและผักที่ปลูกเองมาด้วย

อาหารแต่ละมื้อมีแต่เนื้อ จะไม่ให้พวกเธอละอายใจได้อย่างไร?

ตอนที่สองสาวกินข้าว ทั้งสองไม่ได้ยื่นตะเกียบไปที่หมูผัดน้ำแดง แต่เลือกกินแค่ผัดมันฝรั่งฝอยและผัดผักกาดเท่านั้น

เหลียงซิ่วมองออกว่าเด็กทั้งสองคิดอะไร จึงใช้ช้อนตักเนื้อเต็ม ๆ ใส่ชามคนทั้งคู่

“พวกเธอกินดี ๆ สักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องสอบนะ สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินของดี ๆ นะ”

“พวกเราได้กินดีมากเลยค่ะ บะหมี่แป้งสาลีอร่อยมาก!” ซูเสี่ยวเหมยรีบพูด

“มีเนื้อตั้งเยอะ คงไม่คิดจะให้พวกเรากินใช่ไหม?” ฉีเหลียงอิงว่า “แม่ได้ยินมาว่า วันนี้ต้องสอบวิชาแยกอะไรด้วยใช่ไหม?”

“ใช่ครับแม่รอง มีวิชาศิลปะ วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ต้องสอบเป็นประวัติศาสตร์ ส่วนวิทยาศาสตร์ก็มีฟิสิกส์กับเคมีครับ” โส่วเวินอธิบายให้ฟังระหว่างกินข้าว

ฉีเหลียงอิงจะไปรู้เรื่องฟิสิกส์เคมี วรรณคดี ประวัติศาสตร์อะไรนั่นได้อย่างไร แค่ถามไปอย่างนั้นก็เท่านั้น

“พี่เสี่ยวเหมย พี่ต้องสอบสายศิลป์หรือเปล่าคะ” ซูเสี่ยวเถียนถาม

“เสี่ยวเฉ่ากับพี่ต้องสอบน่ะ”

ส่วนพี่ชายทั้งสามมีพี่ใหญ่และพี่สามที่สอบวิทยาศาสตร์ แต่พี่รองสอบสายศิลป์

เขาไม่ชอบวิทยาศาสตร์เอามาก ๆ หลายปีมานี้ก็เรียนแต่พู่กันและการวาดภาพ

จากคำแนะนำของฉือเก๋อและอวี่รุ่ยหยวน ซูซื่อเลี่ยงจะต้องมุ่งไปทางนี้ในอนาคต เพราะงั้นจึงรับคำแนะนำมาและเลือกสายศิลป์

หลังอาหารเย็น หม่านซิ่วกลัวเด็ก ๆ จะไม่ย่อยเลยให้ไปเดินเล่นในลานบ้านสักพัก

มีเจ้าหัวไชเท้าเฉินซิ่วหย่วนอยู่ด้วย ทุกคนมีความสุขมาก รวมถึงการสอบวันนี้เนื้อหาง่ายกว่าที่คาดไว้มาก ความเครียดจึงไม่มากนัก

ตอนที่กลับห้องไปนอน เสี่ยวเถียนนอนไม่หลับ

วันนี้เธอไม่มีเวลาศึกษาว่าภารกิจที่แอนนาพูดคืออะไร

พอพูดถึงระบบ เสี่ยวเถียนอยากจะบ่นนัก เธอไม่เคยเห็นระบบแบบนี้มาก่อนเลย มันจะสุ่มเกินไปไหม?

ไม่เคยมีความสม่ำเสมอในการมอบงานเลย บางงานก็มีระยะเวลานานมาก ๆ นานจนลืม

อย่างเช่นก่อนหน้านี้ ระบบได้มอบภารกิจงานเรื่องคอยกระตุ้นให้พวกพี่ ๆ ได้เกรดดี ผ่านไปหลายปี ภารกิจก็ยังอยู่ในแถบภารกิจ

พอนึกถึงงานนี้ เสี่ยวเถียนก็คิดว่าจะต้องทำให้เสร็จ

ภารกิจหนึ่งต้องใช้เวลาหลายปี ไม่รู้เลยว่าจะให้รางวัลอะไรกับเธอ

ซูเสี่ยวเถียนมองดูระบบอย่างระมัดระวังหลายครั้ง แต่ไม่พบเลยว่าระบบร้านค้ามันอยู่ตรงไหน

“แอนนา ระบบร้านค้าอยู่ไหน?”

เสียงของแอนนาไม่เปลี่ยนแปลงเลย [ระบบร้านค้ายังไม่เปิดค่ะ!]

อ๋อ อีกหนึ่งการอัปเดต

หากไม่ใช่เพราะระบบแอนนาสัมผัสไม่ได้หรือมองไม่เห็น เธอก็อยากจะทุบนัก

แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้ไง!

พวกเด็ก ๆ ยิ่งอายุน้อยนิ่งสอบน้อย

การสอบนี้ใช้เวลานานมาก ใช้เวลาสามวันถึงจะสอบเสร็จ

สามวันมานี้ อาใหญ่อย่างซูหม่านซิ่วพยายามเต็มที่กับการเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ

บะหมี่กับข้าวสวย ซาเลาเปากับเกี๊ยวสลับกัน

โชคดีที่เหลียงซิ่วและฉีเหลียงอิงคอยช่วยไม่น้อย เลยไม่ต้องกลัวว่าอาหารของอาจะหมด

สอบเสร็จ มีหลายคนที่นัดกันออกไปเดินเล่นก่อนกลับบ้าน

ซูเสี่ยวเถียนมาที่นี่บ่อยครั้งและไม่คิดว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ แต่คนอื่นไม่ได้มาบ่อยโดนเฉพาะเสี่ยวเหมย

เสี่ยวเถียนเห็นพวกเธอสนใจมาก เลยตามไปด้วย

เพราะมาจากชนบทกันหมด พอเห็นว่าที่ไหนมีของสดก็จะเดินไปดู ใช้เวลาไม่น้อย

พอเหนื่อยก็เตรียมจะกลับบ้าน ทว่าเสี่ยวเถียนเห็นคนนอนอยู่ข้างถนน

เธอตัดสินใจไปดู

แต่พี่ใหญ่รั้งเอาไว้

“เสี่ยวเถียน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา อย่าไปเลย”

พี่รองช่วยเสริม “ใช่ เรื่องเยอะไม่ดีเท่าเรื่องน้อยนะ รีบกลับกันเถอะ!”

ทว่าเสี่ยวเถียนกลับปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก หนูว่าเขาเหมือนจะป่วยนะ รีบไปดูกันเถอะ!”

ซูโส่วเวินต้านไว้ไม่ได้ จึงทำได้แค่ทำตามเท่านั้น

คนที่นอนอยู่บนพื้นเป็นชายชราอายุประมาณหกสิบเจ็ดสิบ อายุไล่เลี่ยกับคุณปู่ซู

หลังจากที่ซูเสี่ยวเถียนสังเกตอย่างระมัดระวัง เธอก็ยองลงกับพื้นและแตะข้อมืออีกฝ่าย

หลังจากตรวจสอบชีพจรอย่างรวดเร็ว เธอหยิบเข็มออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วปักลงไปบนร่างกายเขาหลายเล่ม

ชายชราที่เกือบจะหมดลมหายใจตื่นขึ้นทันที

พวกพี่ ๆ รู้ว่าน้องเล็กเก่งเรื่องยา แต่ไม่เห็นรู้เลยว่าจะเก่งเรื่องฝังเข็มด้วย!

ซูโส่วเวินมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง พอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตอนนี้เทคนิคการฝังเข็มถูกห้ามใช้ ถ้ามีคนรู้เข้าอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้

ซูโส่วเวินรู้สึกว่าความกล้าหาญของซูเสี่ยวเถียนนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน

พรุ่งนี้เช้ากลับบ้านเลย รอไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ให้สาวน้อยคนนี้อยู่อำเภอแล้วก่อเรื่องอีก

ตอนนั้นโส่วเวินลืมไปเลยว่า ในไม้ช้าพวกเขาจะอยู่ที่อำเภอไปอีกนาน

ชายชราตื่นขึ้นมาอย่างสบาย ๆ พอเห็นกลุ่มคนหนุ่มสาวล้อมรอบก็ตกใจกลัว

ซูเสี่ยวเถียนมองชายชราอย่างสงสัย พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมถึงกลัวแบบนั้น?