บทที่ 213 สภาพย่ำแย่

บทที่ 213 สภาพย่ำแย่

“คุณตาไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราแค่ผ่านมาเฉย ๆ เห็นคุณเป็นลมอยู่ที่พื้นเลยเข้ามาดูน่ะ!” พอเห็นดวงตาระแวดระวังของชายชรา ซูโส่วเวินรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว!

แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่สร้างความอันตรายให้เขา แล้วยังมองด้วยสายตาเช่นเดิม

ซูเสี่ยวเถียนเข้าใจทันทีว่าเขากังวลอะไร

เธอยิ้ม “คุณตา พวกเราเป็นคนดีจริง ๆ ไม่ใช่คนที่ท่านคิดหรอกนะ!”

“พวกคุณ พวกคุณไม่ใช่…”

เขาเอ่ยตะกุกตะกัก ก่อนใช้จ้องเขม็งมองซูเสี่ยวเถียนราวกับว่าจะเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาผ่านสายตา

สุดท้ายแววตาระแวดระวังก็อ่อนลง ทว่าไม่ได้ผ่อนคลายลงทั้งหมด

เพราะพวกนี้คือคนหนุ่มสาว แต่ไม่ได้สวมปลอกแขนแดง

มันไม่น่าใช่คนพวกนั้น!

ถึงกระนั้นชายชราไม่ได้โล่งใจอย่างสมบูรณ์ แล้วขยับริมฝีปากเงียบ ๆ

“ฉันไม่มีอะไรแล้วจริง ๆ หลายปีมานี้ โดน…”

โดนพวกนั้นมันเอาไปแล้ว ถึงตอนนี้พวกคุณจะอยากได้ก็ไม่มีให้แล้ว

เขาไม่กล้าพูดต่อ แต่ก็ยังพยายามอธิบายสุดความสามารถ

“คุณตา พวกเราแค่ช่วยไม่ได้หวังให้คุณตอบแทน” ซูซื่อเลี่ยงไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น จึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

ชายชราขยับริมฝีปาก ทว่าไม่ได้พูดอะไร

“คุณตา หนูเห็นขาคุณเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ยังเดินได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถาม

ขาเขาเหมือนจะโดนกระแทกอย่างแรง ไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดแต่ต้องมีความผิดปกติแน่

ชายชรามองเสี่ยวเถียนแล้วกลืนคำพูดของตนลงไป ในที่สุดก็ถามอย่างลังเล “สาวน้อย เธอมีความสามารถด้านการรักษาหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง “หนูมีนิดหน่อยค่ะ!”

อันที่จริงก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้ชำนาญมากขนาดนั้น

นั่นคือสิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนคิดอยู่ในใจ เธอไม่รู้หรอกว่าไอ้นิดหน่อยของเธอมันเยอะสำหรับคนอื่น

“สาวน้อย ฉันขอให้เธอช่วยฉันได้ไหม?”

เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่าย คิดว่าเจ้าตัวต้องให้เธอช่วยดูเรื่องขาแน่ ๆ

“แต่หนูอาจทำอะไรมากไม่ได้นะ เพราะอาการของคุณสาหัสมาก!” เธอว่าก่อนจะมองไปที่ขา

ชายชราส่ายหน้า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ขาฉัน ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูภรรยาฉันหน่อย เธอ เธอ…”

ขณะที่พูดก็นึกถึงเรื่องเจ็บปวด ก่อนเขาจะสะอื้นออกมา

พอได้ยินที่อีกฝ่ายว่า เสี่ยวเถียนก็เงียบไป

“ไม่ได้!” ซูโส่วเวินคัดค้านทันที

พวกเราไม่รู้จักชายชราคนนี้ และไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วย หลังจากที่ฟังจากสิ่งที่เขาพูดมา เขาน่าจะโดนคนจับตามองอยู่

คนแบบนี้ ระดับชนชั้นนี่ละที่มันมีปัญหา

ถ้าอยู่ในชุมชนก็ช่วยอะไรไม่ได้

แต่นี่อยู่ในอำเภอ ไม่แน่ชัดเรื่องสถานการณ์ด้วย ถ้าตกลงช่วยปุบปับแล้วเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร?

ซูโส่วเวินเป็นนักบัญชีในหงซินมาสองปี และก็รู้ด้วยว่าสถานการณ์ภายนอกเลวร้ายยิ่งกว่าภายในหงซินเสียอีก

หัวหน้าซูพูดถูก เวลาแบบนี้การเลี่ยงเป็นภัยต่อตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“เสี่ยวเถียน รอกลับบ้านแล้วปรึกษาอาเขยดีกว่าไหม?”

พอเห็นน้องเล็กเหมือนจะไม่เห็นด้วย ก็เกลี้ยกล่อมเสียงต่ำ

เสี่ยวเถียนมีนิสัยเหมือนคุณปู่ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ!

ตอนโส่วเวินพูด ประกายแสงสว่างในดวงตาชายชราหรี่ลงทันที

“พี่ใหญ่ พวกเราไปดูกันเถอะ คนตั้งเยอะ จะกลัวอะไร?” เสี่ยวเถียนทนให้ชายชราผิดหวังไม่ได้

เขาเป็นพี่ชายที่รักน้องสาวโดยไม่มีข้อแม้ รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ยังพยักหน้าแม้ลำบากใจ

“งั้นพวกเราก็ไปแดู ถ้าสถานการณ์ไม่ดีให้กลับทันที” เขาเน้นย้ำเป็นประโยคสุดท้าย

“พี่ใหญ่ดีที่สุด หนูรู้ว่าพี่รักหนู!” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มประจบ

ชายชราพยายามยืนขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ไม่สามารถใช้ขาข้างเดียวได้จึงล้มลงกับพื้น

“ขอโทษนะ ฉัน…” ชายชราพูดอย่างสำนึกผิด

“คุณตา คุณได้รับบาดเจ็บอยู่ ให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนย่อตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามห้ามไม่อีกฝ่ายขยับตัว และเป็นการป้องกันไม่ให้อาการสาหัสกว่าเดิม

เสี่ยวเถียนสัมผัสกระดูก เธอแน่ใจว่าเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บถึงกระดูก แต่ถึงไม่หักก็ไม่ได้ไกลจากกันนัก

อาการแบบนี้เธอไม่แน่ใจว่าจะทำได้

“คุณตา คุณต้องไปโรงพยาบาลนะคะ” ซูเสี่ยวเถียนเสนอ

แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า “ไปไม่ได้ ฉันไปไม่ได้!”

เขายืนยันอย่างหัวเด็ดตีนขาดว่าอย่างไรก็จะไม่ไปโรงพยาบาล และเสี่ยวเถียนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลย

กลับกันแล้ว ซูซื่อเลี่ยงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงลังเลเช่นนี้

“คุณนี่ยังไง น้องผมอุตส่าห์จะไปส่งโรงพยบาลให้ก็เพื่อคุณ ทำไมไม่รู้จักความดีคนอื่นเลย?”

ซูเสี่ยวเถียนกำลังจะหยุดแต่ไม่ทัน

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปโรงพยาบาล แต่เพราะไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่างหาก” ชายชราลดสายตา ขณะพูดเขาแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

เขาไม่กล้าเปิดเผยสถานะของตัวเองเพราะกลัวว่าคนพวกนี้จะไม่กล้าช่วยเขา แต่ดูเหมือนมันคงไม่มีทางเลย

“ถ้าไม่ไป เกรงว่าอนาคตคงเดินไม่ได้นะ” ซูเสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว

คนเราพอแก่ตัวลง อาการบาดเจ็บต่าง ๆ จะรักษายากมากโดยเฉพาะเรื่องของกระดูก ถ้าไม่ไปโรงพยาบาลอาจจะกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต

อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยปาก แต่เสี่ยวเถียนเห็นน้ำตาของเขาไหลลงมาแล้วหยดลงมาบนมือหยาบกร้าน

ซูเสี่ยวเถียนถอนหายใจเบา ๆ

แล้วถ้าเป็นคนแก่แบบนี้ ต่อให้ไปโรงพยาบาลได้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ช่างมันแล้วกัน!

เธอคิดในหัวอย่างรวดเร็วเรื่องวิธีการรักษาแบบง่าย ๆ เพื่อช่วยรักษาขาของเขา

เพราะเขาเดินไม่ได้ โส่วเวินจึงเดินกลับบ้านโดยมีคนเจ็บอยู่บนหลัง

จากคำแนะนำ ทุกคนเดินเข้าไปตามตรอกเล็ก ๆ

เห็นได้เลยว่าสภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่ไม่ดี ที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือ สภาพของชายชรายิ่งแย่กว่าเดิมอีก

นี่แทบเรียกว่าบ้านไม่ได้เลย มันอยู่ข้างห้องน้ำสาธารณะ และเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝามือซึ่งใช้ไม้กระดานหัก ๆ สร้าง แทบจะอยู่ไม่ได้ และมีอากาศรั่วไหลจากทั่วทุกด้าน

เสี่ยวเถียนคิดไว้อยู่แล้วว่าชีวิตชายชราคงไม่ดี แต่ไม่คิดว่าจะแย่ขนาดนี้

พวกเขาต่างตกใจกับที่เห็นตรงหน้า

คนเราจะอยู่ในที่แบบนี้ได้หรือ? ถ้าลงพัดแรง ๆ หลังคาก็ปลิวได้เลยนะ?

“คุณตา คุณอาศัยอยู่ที่นี่หรือครับ?” ซูซื่อเลี่ยงถามด้วยความประหลาดใจ

เขาเคยคิดว่าชีวิตของคนในเมืองจะดี แต่วันนี้ตระหนักได้ว่ามันไม่จริงเสมอไป

ชีวิตคนในเมืองเลวร้ายยิ่งกว่าคนในคอกวัวเสียอีก เช่น คู่สามีภรรยาที่อยู่เบื้องหน้าเขา

ร่องรอยของความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา

เสี่ยวเถียนกล่าว “คุณตา พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ!”

ชายชราเพิ่งเข้าใจจุดประสงค์หลักที่เด็กสาวมาในวันนี้ได้

เขารีบกล่าว “บ้านฉันโทรมมาก อย่ารังเกียจเลยนะ”

ว่าจบ เขาก็จำได้ว่าบ้านเขาไม่มีที่ว่างพอให้คนจำนวนมากขนาดนี้

เขาหน้าแดงขึ้นมา ไม่รู้จะพูดอะไร

“พี่ใหญ่รออยู่ข้างนอกก่อนค่ะ เดี๋ยวหนูเข้าไปดู!” เสี่ยวเถียนเห็นอยู่แล้วว่าบ้านอีกฝ่ายไม่มีทางรองรับคนขนาดนี้ได้

“พวกนายอยู่ข้างนอก เดี๋ยวพี่เข้าไปกับน้องเล็กเอง!”

ถึงชายชราจะน่าสงสาร แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขามีความคิดอื่นอีกหรือเปล่า

ไม่ควรคิดร้ายใคร แต่พึงระวังคนคิดร้ายเรา

เสี่ยวเถียนรู้ว่าพี่ชายของตนหมายถึงอะไร เพราะเขากลัวว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะตกอยู่ในอันตราย

“พี่ใหญ่พาเขาเข้าไปกันเถอะค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูดด้วยเสียงต่ำ

ซูโส่วเวินแบกชายชราขึ้นหลัง ก้มหัวลงและเข้าไปในกระท่อมไม้

สภาพข้างในบ้านย่ำแย่กว่าข้างนอกเสียอีก