บทที่ 200 ไม่อาจวางใจ
ฮูหยินเจี่ยงไม่สามารถเข้าใจได้จึงส่ายหน้าและพูดว่า “มันก็แค่การละเล่น คงไม่ได้จริงจังหรอกกระมัง ก่อนหน้านั้นเถิงเอ๋อก็เคยถามข้า เห็น ๆ อยู่ว่าในครอบครัวไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง เหตุใดถึงต้องทำกิจการกับท่านอาซูด้วย แล้วข้าจะตอบอย่างไรล่ะ? ก็เลยพูดว่าหาเงินเพิ่มถึงจะทำให้เขามีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น … บางทีอาจเพราะจดจำประโยคนี้ได้กระมัง ข้าไม่แน่ใจ”
เหยาซูยิ้ม “ดูสิ แม่แบบท่านรู้จักถามลูกด้วยว่าอนาคตอยากจะทำสิ่งใด!”
ฮูหยินเจี่ยงพยักหน้า และครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนจะพูดว่า “ในอดีตข้ารู้แค่ว่าต้องอดทนให้ผ่านไปแต่ละวัน กลัวว่าพลาดแล้วจะดูแลได้ไม่ดีพอ เถิงเอ๋อก็… เอาจริง ๆ นะ ไฉนเลยจะเคยคิดถึงอนาคตของเขา!”
ในขณะที่พูดนั้นรอบดวงตาก็พลันแดงก่ำขึ้นมา
เหยาซูรู้จักนิสัยของนางดี ภายนอกดูแกร่งแต่อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้กลับสร้างความตกใจให้นางไม่น้อย
“ไอหยา พี่เจี่ยง ท่านทำอะไรเนี่ย? หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้เชียว ตอนนี้เถิงเอ๋อมีชีวิตที่ดีแล้ว กินเยอะขึ้น แข็งแรงมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”
เจี่ยงฉีสูดน้ำมูกข่มความรู้สึกเสียใจทางแววตานั้นไว้ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ไม่เชิง ถ้าเถิงเอ๋อเป็นเช่นนี้ตลอดก็คงจะดีมาก”
ครั้นสังเกตเห็นน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกังวลของนาง เหยาซูก็รู้ทันทีว่าตัวเองนั้นเผลอไปเหยียบกับระเบิดเข้าเสียแล้ว ก่อนจะพูดปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เถิงเอ๋อเป็นเด็กดี สวรรค์ไม่มีทางให้เขาจากไปในวัยเพียงเท่านี้ ท่านทำใจให้สบายเถอะ”
เจี่ยงฉีไม่ใช่คนที่โศกเศร้าเสียใจเช่นนั้น
เมื่อครั้งยังเป็นภรรยานายอำเภอ แม้ว่าจะถูกคนที่รักสุดหัวใจทำร้าย นางก็มักจะโต้กลับด้วยอากัปกิริยาที่เย่อหยิ่งที่สุดเสมอ
มีแค่เถิงเอ๋อเท่านั้น ที่เป็นจุดอ่อนอันเปราะบางที่สุดในก้นบึ้งของหัวใจ
หญิงสาวจัดการความรู้สึกครู่หนึ่ง “อาซู เจ้าก็รู้เมื่อสองสามวันก่อนข้าเพิ่งทำเรื่องบางอย่างไป”
เหยาซูคาดเดาได้คร่าว ๆ แต่กลับไม่เคยเอ่ยต่อหน้าของนางมาก่อน ครั้นได้ยินก็ทำได้แค่ฟังอีกฝ่ายพูดต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ฮูหยินเจี่ยงกำหมัดแน่น น้ำเสียงแหบแห้ง “หลังจากที่หย่าร้างกับเขาไปแม้บอกว่าจะไม่ไปมาหาสู่กันชั่วชีวิต และไม่เกี่ยวข้องกันอีก แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเถิงเอ๋อ ตระกูลเจี่ยงก็ยังปกป้องเขาไม่มากก็น้อย แต่เรื่องราวที่เขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนล้วนเห็นกับตา…”
เหยาซูพยักหน้ารู้ว่าสิ่งที่นางกำลังพูดนั้นคือการยักยอกเงินเข้ากระเป๋าของนายอำเภอเอง รวมทั้งพฤติกรรมมักมากในกาม
เพียงแต่ในยุคสมัยนี้ดั่งสำนวนที่ว่า ออกเรือนกับไก่ก็ต้องอยู่ตามไก่ เจี่ยงฉีออกเรือนกับคนเช่นนี้ ตระกูลเจี่ยงทำสิ่งใดได้บ้าง? ตราบใดที่นายอำเภอเหยาไม่ทำเรื่องที่มันเกินขีดจำกัดก็คงทำได้แค่ปกป้องเขา
แต่ตอนนี้ทั้งสองคนหย่ากันแล้ว ความจริงคือไม่มีความสัมพันธ์กันอีก
กระทั่งได้ยินฮูหยินเจี่ยงพูดต่อว่า “เมื่อสองสามวันก่อนข้าเตรียมเรื่องที่เขาทำผิดเมื่อครั้งอดีตไว้มากมาย เขียนลงบนกระดาษจำนวนสิบหน้าเต็ม แล้วก็พยานที่พอจะหาได้ล้วนเตรียมพร้อมไว้ ตั้งใจว่าจะส่งทั้งหมดไปยังเมืองหลวง”
หัวใจของเหยาซูเต้นเร็วรัว “ทำเช่นนี้ … ตระกูลเจี่ยงจะไม่เป็นอะไรหรือ?”
นางกลับไม่เป็นห่วงนายอำเภอเหยาที่ไร้ความสามารถคนนั้น แค่คิดว่าหลายปีที่ผ่านมาตระกูลเจี่ยงปกป้องนายอำเภอเหยาทั้งในที่แจ้งและที่ลับเสมอ หากเบื้องบนลงโทษจริงตระกูลเจี่ยงก็คงจะต้องรับโทษไปด้วย
เจี่ยงฉีส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อและท่านแม่แล้ว ความหมายของท่านพ่อคือ เขามีแค่ข้าที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เถิงเอ๋อก็เป็นหลานชายเพียงคนเดียว… แซ่เหยาผู้นั้นไม่ได้แสนดีกับลูกหลานของเรา ท่านพ่อสร้างปัญหาไว้ให้เขาไม่น้อย นี่จึงเป็นสาเหตุว่าเหตุใดถึงไม่ดึงเขาให้ตกต่ำ เพราะคิดถึงอนาคตของเถิงเอ๋อด้วย”
ครั้นเหยาซูได้ยินก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ที่ท่านลุงพูดก็มีเหตุผล ถ้าเถิงเอ๋อจะต้องเข้าสอบขุนนางในอนาคต แต่พ่อผู้ให้กำเนิดกลับมีมลทิน เช่นนั้นสำหรับเขาแล้วคงไม่ใช่เรี่องดีแน่”
เจี่ยงฉีกัดฟันกรอดจากนั้นก็หลับตาลง “ใช่ หากไม่ใช่เพื่อเถิงเอ๋อ …ของเหล่านั้น คงทำให้เขารับโทษอย่างสาสมกับความผิดที่เขากระทำมาหลายปีไปแล้ว”
เมื่อครั้งอดีตนางรู้แค่เรื่องผิดทำนองคลองธรรมของนายอำเภอเหยาเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้ตรวจสอบเขาจริง ๆ ก็เพิ่งพบกับเรื่องสกปรกโสมมที่แม้แต่นางก็ไม่เคยคาดคิดมากมาย ผู้ที่ริเริ่มเป็นคนแรกล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ตนเคยมอบความจริงใจทั้งสิ้น
เหยาซูดึงมือของฮูหยินเจี่ยงไว้และพูดเสียงเบาว่า “หากเขาทำผิดจริง ก็ต้องโดนบทลงโทษด้วยวิธีการอื่น เพื่อตระกูลเจี่ยงและเถิงเอ๋อจึงไม่สามารถลงมือเช่นนี้ได้”
ในใจของเจี่ยงฉีไม่สบอารมณ์ แต่กลับรู้ว่าสิ่งที่ท่านพ่อกล่าวไว้และที่เหยาซูพูดล้วนแต่มีเหตุผลทั้งสิ้น
“ตอนนี้เขายังมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอ แล้วจะลงโทษเขาง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
มือของเหยาซูวางอยู่บนฝ่ามือของนาง เหมือนจะส่งกำลังใจให้ “นี่คือคนที่มีข้อบกพร่องอย่างชัดเจนคนหนึ่ง แล้วจะเอาอะไรไปรับมือกับคนเช่นนี้?”
นายอำเภอเหยามักมากในกามนารี ไม่ว่าจะเป็นสตรีแบบใดขอแค่ถูกชะตาและไม่มีอำนาจอะไร เขาก็ล้วนอยากแตะต้องทั้งสิ้น
ครั้นนึกถึงวันที่นายอำเภอมองเข้ามาในดวงตาของตน เหยาซูก็รู้สึกมวนท้องไปพักใหญ่
หญิงสาวไม่ใช่คนที่จิตใจคับแคบเช่นนั้น เดิมทีคิดอยากให้หลินเหราขู่ขวัญเขา ให้นายอำเภอไม่กล้าสร้างปัญหาให้ตนเองอีกก็เท่านั้น
แต่ความสนิทสนิมที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นกับเจี่ยงฉีในตอนนี้ เหยาซูเองก็รู้สึกรักและเอ็นดูเถิงเอ๋อที่แสนรู้ความคนนี้เสมือนดั่งลูกของตัวเองเช่นกัน ครั้นนึกถึงเรื่องที่นายอำเภอเหยากระทำต่อสองแม่ลูกอย่างพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรยกโทษให้
ฮูหยินเจี่ยงกัดริมฝีปากล่าง นางใจเจตนารมณ์ของเหยาซู เพียงแต่นางไม่เคยสะสางบัญชีกับผู้อื่นมาก่อน จึงกระวนกระวายใจไม่น้อย
หญิงสาวมองไปทางเถิงเอ๋อที่ไร้เดียงสาไร้ความกังวลแวบหนึ่ง กระทั่งนึกถึงความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากนั้นก็เอ่ยถามเสียงเบาว่า “อาซู ข้าจะทำได้จริง ๆ หรือ?”
เหยาซูมองไปตามสายตาของเจี่ยงฉีและเห็นเด็กผู้ชายที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานกับอาซือ
เถิงเอ๋อมีหน้าตาคล้ายกับผู้เป็นแม่มาก องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าก็ดูมีเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้น แม้ว่าจะถูกพันธนาการด้วยอาการเจ็บป่วยมากมาย แต่กลับยังคงกลิ่นอายที่แฝงไปด้วยความไร้เดียงสาไว้
เหยาซูไม่รู้หรอกว่าเจี่ยงฉีและเถิงเอ๋อผ่านชีวิตตลอดหลายปีมานี้ได้อย่างไร และไม่เข้าใจความชิงชังในใจของเจี่ยงฉี แต่นางรู้ว่าฮูหยินรักเถิงเอ๋อผู้นี้อย่างเต็มเปี่ยม แค่เพื่อเถิงเอ๋อ นางจึงต้องข่มแรงปรารถนาในการแก้แค้นอันแรงกล้านั้นไว้
แต่ในใจยังคงเกิดความขัดแย้งกันไปมา ยากที่จะปล่อยวาง
เหยาซูรู้สึกอดปวดใจไม่ได้ จากนั้นก็บีบมือของเจี่ยงฉีเบา ๆ และพูดปลอบใจ “เอาล่ะ อย่ากังวลไปเลย ข้าจะช่วยท่านเอง”
เจี่ยงฉียิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้วางใจ ช่วย? ช่วยอย่างไร?
แต่นางก็ยิ้มพลางพยักหน้าตอบรับ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอื่น…
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เข้าใจคนที่อยากจัดการฝ่ายพ่อเต็มที่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าจะกระทบอนาคตลูกเลยค่ะ มันติดขัดคาราคาซังไปหมด ขอให้ภายภาคหน้าได้เจอทางออกที่เหมาะสมนะคะ
ไหหม่า(海馬)