อ๋องฉีมองดูแผ่นหลังของนาง ยังคงโกรธอยู่มาก หรืออับอาย

เขาไม่กลับ จะต้องรอให้ท่านพี่ห้ากลับมา ให้พี่ห้าให้ความยุติธรรมกับเขา

ทังหยางสั่งคนเอาชามาเสิร์ฟ มองเห็นเขายังมีท่าทีโกรธโมโห จึงอดไม่ได้พูดขึ้นว่า “เสด็จอ๋องฉี คำพูดของพระชายาเมื่อกี้ เป็นคำพูดที่พูดเตือนสติได้จริงๆ ท่านลองใคร่ครวญดูเถอะ พระชายาหวังดีต่อท่านนะ”

“นางหวังดีต่อข้า? อย่าพูดเลย” อ๋องฉีเม้นปากพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้ายังไม่กลับมาหรือ?”

ทังหยางส่ายหัวเบาๆ แล้วก็เดินออกไป

อ๋องฉีมองดูน้ำชาที่ใสนั่น จึงยกขึ้นมาดื่ม หัวสมองสับสนวุ่นวาย จนไม่รู้รสชาติของชา

เป็นความรู้สึกน่าแปลกอย่างหนึ่งค่อยๆปกคลุมขึ้นมา

เขาไม่เชื่อ คำพูดของหยวนชิงหลิง เขาจะไม่เชื่อสักคำ

แต่ทำไมชุ่ยเอ๋อไม่กล้าสาบาน?

น่าจะเป็นเพราะไม่อยากสนใจหยวนชิงหลิง ผู้หญิงแบบนั้นดุร้ายมาก ป่าเถื่อน ไม่ยุ่งด้วยก็ถูกแล้ว

แต่ทำไมถึงยังรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องล่ะ?

ชุ่ยเอ๋อหลอกใช้หรือหลอกลวงเขาจริงๆหรือ?

แต่นางก็ดีต่อเขามากนะ อ่อนโยนเรียบร้อย เป็นแบบอย่างที่พระชายาคนหนึ่งควรจะมี

เขาคิดถึงทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาในหนึ่งปี ท่าทีกิริยาที่นางปฏิบัติต่อเขา ล้วนไม่มีที่ติ

สิ่งที่ภรรยาคนหนึ่งควรจะทำ นางล้วนทำได้หมด และดูแลเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน

เขายังจะไม่พอใจหรือ?

ไม่มีที่ไม่พอใจ แต่หากนางกระตือรือร้นกว่านี้อีกหน่อย ไม่ต้องใช้สายตาที่อ่อนโยน แต่ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่าง อย่างเช่นอารมณ์โกรธเวลาโมโห ยิ้มแย้มเวลามีความสุข เวลาที่หึง….

หึง? นางแทบไม่เคยหึงเลย แม้แต่ตอนที่เสด็จแม่บอกว่าเลือกพระชายารอง ฉันก็ทำเพียงรับฟังอย่างอ่อนโยนเรียบร้อย

ในใจอ๋องฉีกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที ทั้งโกลาหลและตื่นตระหนก

หยู่เหวินเห้ากลับมาแล้ว เข้าประตูมาก็ได้ยินทังหยางพูดว่าอ๋องฉียังอยู่ในจวน และยังถูกพระชายาตี

หยู่เหวินเห้าฟังแล้วก็แสดงท่าทีเห็นใจ แต่ในขณะเดียวกันก็สมน้ำหน้าด้วย

เจ้าเจ็ดคนนี้ ที่จริงควรที่จะถูกด่าและก็ถูกตีหนักๆสักครั้ง

พี่สองไม่สนใจงาน วันๆรู้จักแต่เพียงเที่ยวดื่ม แต่อย่างน้อยพี่สองก็ไม่กระทำตัวให้คนอื่นเกลียด

แต่เจ้าเจ็ด หลังจากมีพระชายา ก็เริ่มทำตัวเกินเหตุไปแล้วจริงๆ โดยเฉพาะวันนี้ที่ไปจวนอ๋องฉีเพื่อถามฉู่หมิงชุ่ย ท่าทีกีดขวางของเขาช่างน่าต่อยสั่งสอนจริงๆ

แต่ไม่ว่ายังไง ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองของผู้ร้าย เขาก็ควรที่จะเข้าไปถามไถ่ผู้ถูกกระทำเสียหน่อย

เข้าไปแล้วก็เห็นอ๋องฉีถือน้ำชาอยู่อย่างเหม่อลอย หน้าบวม ท่าทีน่าสงสาร

หยู่เหวินเห้าปรับเสียงพร้อมพูดขึ้นว่า “งานที่ทำการปกครองเยอะ จึงกลับมาดึก รอนานแล้วหรือยัง? เจอพี่สะใภ้ห้าของเจ้าหรือยัง?”

อ๋องฉีรอคอยเขากลับมาอยู่ตลอด เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้าเข้ามา ความอัดอั้นตันใจเพิ่มพูดขึ้นมา พร้อมพูดว่า “พี่ห้า เจ้ากลับมาแล้วหรือ”

“ทำไมหรือ? หา? หน้าของเจ้าเป็นอะไร?”หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอย่างห่วงใย

อ๋องฉีเกือบร้องไห้ออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้าตี”

ตีได้ดี

“ถูกตีรุนแรงถึงเพียงนี้เลยหรือ? ทำเกินไปแล้วจริงๆ” หยู่เหวินเห้าแสดงท่าทีเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เดี๋ยวข้าจะกลับไปจัดการนาง”

“ได้” อ๋องฉีวางถ้วยชาลง ยื่นมือลูบจับหน้าตัวเอง พูดขึ้นอย่างเจ็บปวดเบาๆว่า “เสด็จพี่ห้าจะต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เถึงที่สุด”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ใครจะมารังแกน้องชายข้าไม่ได้”หยู่เหวินเห้านั่งลง พร้อมพูดขึ้นด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ

อ๋องฉีมองดูเขา ทำไมเขาถึงไม่มีความเชื่อมั่นในความพูดของพี่ห้าขนาดนั้นล่ะ?

แต่ว่า ช่างเถอะ จัดการหรือไม่จัดการก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“พี่ห้า ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าจะต้องตอบข้าตามความจริง”อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างจริงจังขึ้นมา

“ถามมาสิ”หยู่เหวินเห้ามองดูเขา เฮ้อ นี่ลงมือไม่เบาเลยนะ

ในสายตาอ๋องฉีค่อนข้างตื่นเต้น พร้อมพูดขึ้นว่า “หาก…หากไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าหญิง สุดท้ายเจ้าจะอภิเษกกับชุ่ยเอ๋อไหม?”

หยู่เหวินเห้าอึ้ง หัวสมองหมูนี้ถูกตีแล้วรู้จักคิดขึ้นมาแล้วหรือ?

เขาครุ่นคิดสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “สุดท้าย ยังไงข้าก็จะไม่อภิเษกกับนาง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้า อยู่ที่นาง”

“ทำไม?”อ๋องฉีไม่เข้าใจ

“นางไม่มีทางอภิเษกกับข้า”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย

“ทำไม?”อ๋องฉียังคงไม่เข้าใจ เดิมพวกเขาเป็นคู่ที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก

หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “จะมีอะไรมากมายขนาดนั้น?”

ในใจอ๋องฉีเยือกเย็นไปกว่าครึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “นางไม่อยากอภิเษกกับเจ้า ใช่เพราะข้ามีโอกาสที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทมากกว่าเจ้าหรือไม่?”

ดวงตาหยู่เหวินเห้าสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้?”

“พี่สะใภ้ห้าที่ดุร้ายพูดแบบนี้”อ๋องฉีค่อนข้างเสียใจ และเสียใจเป็นอย่างมาก

“เจ้าเชื่อไหม?”หยู่เหวินเห้าถามกลับ

อ๋องฉีเงียบไปสักพัก แล้วพูดว่า “บ้าบอคอแตก”

“ในเมื่อคิดว่าเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก งั้นเจ้าหงุดหงิดอะไร?”

จิตใจอ๋องฉีเลื่อนลอย เขาไม่รู้

คำพูดพี่สะใภ้ห้าที่ดุร้าย เชื่อไม่ได้อยู่แล้ว

ปากของนางเต็มไปด้วยคำโกหกหลอกลวง

“เรื่องตกน้ำ พี่ห้าเชื่อพี่สะใภ้ห้าที่ดุร้ายไหม?”อ๋องฉีถามอีกครั้ง

หยู่เหวินเห้าค่อนข้างไปไม่ถูก คำถามวิเคราะห์ปัญหาธรรมชาติของมนุษย์ที่เฉียบแหลมและลึกซึ้งถูกถามขึ้นมากมายในทันใด ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

“พี่ห้า น้องหวังว่าพี่จะพูดความจริง” อ๋องฉีสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไรตอนนี้ข้ารับได้ทุกอย่างแล้ว”

หยู่เหวินเห้ามองดูเขา ค่อยๆพยักหัว พร้อมพูดว่า “เชื่อ”

“ทำไม?”ในใจอ๋องฉีเจ็บปวดเหมือนถูกอะไรทิ่มแทง ทั้งเจ็บทั้งปวด

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบาๆ มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องในวันนั้น เจ้ายังจำได้ไหม?”

อ๋องฉีพยักหัว พร้อมพูดว่า “จำได้ ตอนนั้นตอนที่พวกเราไปถึง ชุ่ยเอ๋อสลบไปแล้ว นางยังถูกปิ่นปักผมของพี่สะใภ้ห้าที่ดุร้ายแทงบาดเจ็บ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพี่สะใภ้ห้าที่ดุร้ายนี้มีความตั้งใจที่จะทำร้ายคน”

“ทำไมถึงมีความตั้งใจคิดทำร้ายคน? ผลักนางตกน้ำแล้ว ยังจะดึงปิ่นปักผมมาเพื่อระบายความแค้นอีกหรือ?”

อ๋องฉีอึ้ง แล้วพูดว่า “พี่ห้าหมายความว่ายังไง?”

“เป็นการตอบโต้ เป็นการช่วยเหลือตัวเอง” เขามองดูอ๋องฉี ถึงแม้ในใจจะค่อนข้างเห็นใจ แต่ก็ยังพูดอีกว่า “ตอนนั้นนางถูกพระชายาฉีกดลงน้ำ นางมีเพียงวิธีนี้ ถึงจะสามารถช่วยเหลือตนเอง”

สีหน้าอ๋องฉีตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้”

“ตอนนั้นก่อนที่เจ้ากับข้าจะมาถึง ใครเป็นคนมาถึงก่อน?”

หัวสมองอ๋องฉีสับสนวุ่นวาย จะจำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?

“มหาดเล็ก? หรือเสด็จพี่?”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “หญิงคนใช้ของพระชายาฉี นางมองดูอยู่ไม่ไกล และก็เป็นนางที่ร้องขอความช่วยเหลือ”

“เจ้ารู้เรื่องได้อย่างไร?” อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนั้นเจ้ากับข้า แทบจะไปถึงพร้อมกัน พี่สะใภ้ห้าพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้นหรือ? งั้นข้าก็เชื่อชุ่ยเอ๋อ”

หยู่เหวินเห้ามองดูเขาอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะข้าไปถาม ข้าไปสืบ เอาข้อมูลจากทุกฝ่ายมาสรุปความจริง หากเจ้าไม่เชื่อ ลองหาวิธี ไปสืบถามหญิงคนใช้ข้างกายพระชายาฉี”

อ๋องฉีดูค่อนข้างขวัญหนีดีฝ่อ และพูดขึ้นว่า “แต่ข้าไม่เข้าใจ หากที่เจ้าพูดเป็นความจริง แล้วทำไมนางถึงต้องทำเช่นนี้? นางเป็นคนที่ดีคนหนึ่งขนาดนั้น นางทำเช่นนี้ลงไปเพื่อต้องการอะไร? พี่ห้า พี่เข้าใจนางใช่ไหม? พี่รู้ว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น ด้วยอุปนิสัยของนางเราควรที่จะเชื่อนาง ไม่ใช่หรือ?”

หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมา ตบบ่าของเขา พร้อมพูดว่า “ข้าเชื่อเพียงความจริงเท่านั้น”

อ๋องฉีพ่นลมหายใจระบายออกมา

“มหาดเล็ก ส่งอ๋องฉีกลับจวน”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น

อ๋องฉีถูกประคองออกไปจากประตูใหญ่ของจวนอ๋องฉู่อย่างขวัญหนีดีฝ่อ หยู่เหวินเห้ามองดูเขา อย่างสงสารจับใจ น้องชายคนนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยต้องท้อแท้หรือโดนตี ครั้งนี้ถือเป็นการทำให้ตกใจอยู่ไม่น้อย เขาจะต้องกลับไปเอาใจพระชายาอ๋องฉู่เสียหน่อยแล้ว