หยู่เหวินเห้าร้องฮัมเพลง กลับมายังตำหนักเซี่ยวเยว่

หยวนชิงหลิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายใต้แสงไฟ เห็นเขาเดินยิ้มเข้ามาอย่างมีความสุข จึงเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “น้องชายของเจ้าไปแล้วหรือ?”

“ไปแล้ว” หยู่เหวินเห้าเดินเข้ามามองดูหนังสือในมือของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “จดหมายเหตุเจ็ดก๊ก? เจ้าดูพวกนี้ทำไม?”

หยวนชิงหลิงวางตำราไว้ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากดูว่านอกจากเป่ยถังแล้ว ยังมีประเทศอะไรอีก”

นางลุกขึ้นมา ช่วยหยู่เหวินเห้าถอดเสื้อคลุมตัวนอนออก พร้อมถามว่า “น้องชายของเจ้า…..สบายดีไหม?”

“นั่นต้องดูว่า หากเป็นอาการบาดเจ็บ ก็ไม่หนักหนา แต่ด้านจิตใจ คาดว่าอาการหนักอยู่ไม่น้อย”หยู่เหวินเห้ายอมให้นางถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก โยนไปด้านข้าง แล้วดึงนางลงมานั่ง

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ข้ารั้งมือไว้ไม่ไหว เลยตีเขาไปหนึ่งยก”

“ตีได้ดี เขาควรที่จะถูกคนตีแรงๆสักครั้ง อย่าคิดมาก”หยู่เหวินเห้าพูดปลอบ

“ไม่ได้คิดมาก ข้าไม่เสียใจ เพียงแค่รู้สึกว่าเขาจะคิดยังไงกันแน่? เหมือนคนสมองพิการ พูดถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจ”

หยวนชิงหลิงพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองดูเขา

หยู่เหวินเห้าถูกนางจ้องมองจนขนลุก จึงถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ?”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เกือบลืมไปแล้ว เดิมเจ้ากับอ๋องฉีไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย”

หยู่เหวินเห้าพูดอธิบายว่า “ข้าไม่เหมือนกับเขา?”

“ไม่เหมือนกันยังไง?เจ้าก็เคยคลั่งไคล้นาง”หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างเน้นย้ำ ในใจรู้สึกแปลก

หยู่เหวินเห้าจับใบหน้าของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “พูดได้เพียงว่าข้าเคยถูกปิดหูปิดตาไว้ แต่เมื่อมองดูอย่างชัดเจนแล้ว ข้ายิ่งรู้แก่ใจดี ตอนเป็นวัยรุ่น ใครไม่เคยกระทำเรื่องโง่ๆบ้าง?”

“เจ้าเห็นชัดเจนตั้งแต่เมื่อไหร่?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ตอนที่ตกน้ำในจวนอ๋องหวยครั้งนั้นหรือ?”

หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้นแล้ว”

“เรื่องตอนไหน?”

“ไม่ใช่เรื่องตอนไหน แต่เป็นความรู้สึก ก่อนที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าก็รู้สึกได้แล้ว ตอนที่นางอภิเษกกับเจ้าเจ็ด ความยินดีนั้นไม่ใช่การแสร้ง นางอยากอภิเษกจริงๆ”

หยวนชิงหลิงมองดูเขาอยู่อย่างแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนที่พวกเขาอภิเษก เจ้าป่วยไม่ไปไม่ใช่หรือ? แล้วเห็นได้อย่างไร?”

ไม่รู้ว่าความทรงจำน่าเชื่อถือได้หรือไม่ ยังไงก็จำได้ว่าวันที่อ๋องฉีอภิเษก เขาแกล้งป่วยไม่ได้ไป

หยู่เหวินเห้าหัวเราะอย่างเก้อเขิน พร้อมพูดว่า“พวกเขาแต่งงานกันได้เพียงสองวัน ก็เข้าวังไปถวายพระพร พอดีข้าก็ไปถวายพระพรฮองเฮา ที่จริงตอนที่พวกเขาคุยกันอยู่ข้างใน ข้าก็รออยู่ด้านนอกแล้ว หลังจากที่ข้าเข้าไป ก็เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของนางที่ปิดไว้ไม่มิดพอดี ตอนนั้น มือของนางถูกเจ้าเจ็ดจับไว้ นางก็ไปกับเจ้าเจ็ดอย่างอ่อนโยน”

“สำรวจได้ละเอียดจริงๆ”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเหน็บแนม

หยู่เหวินเห้าจับปลายคางของนางเงยขึ้นมา หรี่ตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “โย้? ทำไมช่วงนี้หึงแรงจังเลย? พูดจาดูประชดประชัน”

หยวนชิงหลิงอึ้ง “จริงหรือ?”

“อืม”หยู่เหวินเห้าพยักหัวอย่างแรง สายตามองไปที่ลำคอของนาง

อากาศช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงนี้ ร้อนจริงๆ

หยวนชิงหลิงอารมณ์เสีย

นางไม่อยากกลายเป็นคนขี้หึง

“ข้านึกว่าจะไม่ประชดอีกแล้ว……”

ริมฝีปากถูกประคบลงมา เงาร่างตรงหน้าบดทับไว้ คนถูกอุ้มขึ้นมาบนอากาศ แล้ววางลงบนเตียง

“อย่า ไม่ได้ปิดประตู”หยวนชิงหลิงต่อต้านอย่างอ่อนแรงไปทั้งตัว

“ใครกล้าเข้ามา?” มือของหยู่เหวินเห้าล้วงเข้าไปในคอเสื้อ ค่อยๆเปิดออก….

ลมหมุนพัดเข้ามาพร้อมคนคนหนึ่ง ตามด้วยเสียงสวีอีที่ตกตะลึง พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้ว……โอ้ พระเจ้า ทำไมถึงไม่ปิดประตูละ?”

สวีอีรีบวิ่งออกไป พร้อมทั้งปิดประตู

ช่วงนี้ท่านอ๋องหน้าไม่อายจริงๆ

หยวนชิงหลิงผลักเขาออก พร้อมพูดว่า “สวีอีบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ใช่ จะเกิดเรื่องกับสวีอีแน่”

สวีอีเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาทำลายความสุขของเขา คนแบบนี้เก็บไว้ไม่ได้ จะต้องไล่ออกไปให้ไวที่สุด

เขาลุกขึ้นมา ช่วยหยวนชิงหลิงสวมเสื้อผ้า พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงโกรธเคืองว่า “ยังไม่ไสหัวเข้ามา?”

ประตูถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง สวีอีเอามือข้างหนึ่งปิดตาไว้ นิ้วมือแง้มเปิดออกเล็กน้อย มองดูว่าใส่เสื้อผ้ากันหมดแล้ว ค่อยปล่อยลงอย่างโล่งอก

แต่แล้วก็ต้องตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะดูเหมือนท่านอ๋องจะโกรธอย่างมาก

“เรื่องอะไร?”หยู่เหวินเห้ามองดูเขาอย่างโกรธเคือง

สวีอีรายงานอย่างเรียบร้อยว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับอ๋องฉีแล้ว”

หยวนชิงหลิงอึ้ง รีบถามขึ้นว่า “เขาเพิ่งไปไม่ใช่หรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ถูกลอบทำร้าย”สวีอีพูด

“ถูกลอบทำร้าย?” หยู่เหวินเห้าเบิกตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “สถานการณ์เป็นยังไง?”

“อาการบาดเจ็บไม่ค่อยสาหัส ได้รีบส่งกลับไปยังจวนอ๋องฉีแล้ว”สวีอีพูดขึ้น

“คนร้ายจับตัวได้หรือยัง?” หยู่เหวินเห้าหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม พร้อมสั่งว่า “เตรียมม้า”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ข้าไปกับเจ้า”

“ไม่ ดึกมากแล้ว เจ้าอย่าเหนื่อย สวีอีบอกว่าอาการไม่เป็นไรมาก ข้าไปดูเดี๋ยวก็กลับ”หยู่เหวินเห้าจูบบนหน้าผากของนาง แล้วก็รีบออกไป

อ๋องฉีเพิ่งออกไปจากจวนอ๋องไม่นานก็ถูกลอบทำร้ายแล้ว

คนร้ายมีเพียงคนเดียว ตอนนั้นอ๋องฉีมาพร้อมกับมหาดเล็กคนหนึ่งกับคนขับรถม้า ดีที่มหาดเล็กมีความสามารถในการต่อสู้ จนคนร้ายหลบหนีไป แต่อ๋องฉีได้รับบาดเจ็บ รถม้าก็เสียหาย

คนขับรถม้ากลับมายังจวนอ๋องฉู่เพื่อขอยืมรถม้า ทังหยางกับสวีอีค่อยรู้ว่าอ๋องฉีถูกลอบทำร้าย จึงรีบไปดูสถานการณ์ ทังหยางห้ามเลือดให้กับอ๋องฉีก่อน จากนั้นก็ส่งกลับจวนอ๋อง สวีอีกลับมารายงาน

หยู่เหวินเห้าควบม้าขี่ไปยังจวนอ๋องฉี

ได้รู้ว่าอาการบาดเจ็บของอ๋องฉี ไม่ได้เป็นอะไรมาก ในใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า คนร้ายเลือกลงมือใกล้ๆจวนอ๋องฉู่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการตั้งใจใส่ร้ายเขา

ภายในสามเดือน อ๋องสามคนพระชายาหนึ่งคนถูกลอบทำร้ายอย่างติดต่อกัน ตอนนั้นตอนที่เขาถูกลอบทำร้าย เสด็จพ่อเคยสงสัยว่าเขาทำร้ายตนเอง

ครั้งนี้……

หรือว่าอ๋องจี้? หยู่เหวินเห้ากลับรู้สึกว่าไม่เหมือน ตอนนี้อ๋องจี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือกับเจ้าเจ็ดเลย เขาไม่มีทางเป็นศัตรูกับตระกูลฉู่ที่เป็นเสาหลักของตนเร็วขนาดนี้แน่

งั้น จะเป็นใคร?

ควบขี่ม้ามาถึงจวนอ๋องฉี คนในจวนต่างมาต้อนรับ

ตอนที่ทังหยางส่งอ๋องฉีกลับมา ก็ได้หาหมอระหว่างทางพากลับมาด้วย

“อาการเป็นอย่างไรบ้าง?” เห็นทังหยางอยู่ในลาน หยู่เหวินเห้าเดินมาถามขึ้น

ทังหยางยกมือประสาน พร้อมพูดว่า “ท่านอ๋อง อาการบาดเจ็บของอ๋องฉี น่าจะไม่ค่อยหนัก บาดเจ็บตรงท้องกับแขน แผลไม่ลึก”

“จับตัวคนร้ายไม่ได้หรือ?”

ทังหยางส่ายหัว มองดูหยู่เหวินเห้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเขาเป็นกังวลเรื่องอะไร จึงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร”

เขาผลักประตูเข้าไป หมอกำลังช่วยอ๋องฉีทำแผล ฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่ด้านข้าง ท่าทีเป็นกังวลและตื่นเต้น ดวงตาแดงก่ำ

มองเห็นหยู่เหวินเห้าเข้ามา สายตาฉู่หมิงชุ่ยจ้องมองดูใบหน้าของเขา เหมือนเสียใจ และเหมือนกำลังต่อว่า ซับซ้อนอย่างมาก

หยู่เหวินเห้าพยักหัวให้กับนางเล็กน้อย แล้วก็เดินไป

อ๋องฉีเห็นหยู่เหวินเห้า แล้วก็พูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ท่านพี่ห้า ข้าเกือบตายไปแล้ว”

“อย่าพูดบ้าๆ”เขาเดินมาดูบาดแผล บาดแผลไม่ลึกจริงๆ แสดงว่าอีกฝ่ายลงมือเบามาก

อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่รู้ว่าใครคิดอยากที่จะเอาชีวิตข้า เรื่องนี้ข้าจะต้องไปฟ้อง…..”

เขาหยุดพูดในทันใด คิดถึงคำพูดพี่สะใภ้ห้าที่ดุร้าย บอกว่าอะไรนิดอะไรหน่อยเขาก็จะฟ้อง รู้สึกผิดหวังขึ้นมา แล้วก็กลืนคำพูดกลับลงไป

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เรื่องนี้จะต้องรายงานเสด็จพ่อ เจ้าวางใจ กรมการพระนครจะจับตัวคนร้ายมาให้ได้เร็วที่สุด”

“พี่ห้าจะต้องจับตัวเจ้าตัวร้ายนี้มา แล้วก็ลงโทษให้หนัก ช่วยแก้แค้นแทนข้า”ใบหน้าหล่อเหลาของอ๋องฉีม้วนกลายเป็นเหมือนผักดอง และแน่นอนใบหน้าหล่อเหลานี้ก็ค่อนข้างบวมนิดหน่อย

ฉู่หมิงชุ่ยเดินมา มองดูหยู่เหวินเห้าพร้อมพูดว่า “ท่านอ๋อง พอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”