“ติ๊ง เปิดหีบสำเร็จขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ได้รับการ์ดปลดล็อคขั้นพลังระดับต่ำ”

“การ์ดปลดล็อคขั้นพลัง (ระดับต่ำ) : สามารถปลดล็อคพลังห้าขั้นย่อย ใช้สำหรับตัวละครที่เรียกออกมา”

“ระยะเวลาจำกัด : ห้านาที!”

“ผลข้างเคียง : ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ปราณแท้จริงได้เป็นเวลาสามวัน”

เมื่อ ลู่เฟิง เห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น เขาต้องการของสิ่งนี้มากจริง ๆ

ด้วยการ์ดปลดล็อคขั้นพลัง ลู่เฟิง สามารถเพิ่มพลังห้าขั้นย่อยให้กับ โจจู๋ หรือ เหลียนป๋อ ได้อย่างสมบูรณ์

จุดแข็งในปัจจุบันของ โจจู๋คือ ระดับ 5 ขั้นปรมาจารย์ เมื่อถูกเพิ่มพลังห้าขั้นย่อย เขาย่อมกลายเป็นนักรบระดับ 1 ขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์

ความแข็งแกร่งของ เหลียนป๋อ เองก็เหมือนกัน ตอนนี้เขาเป็นยอดฝีมือระดับ 5 สูงสุด ขั้นปรมาจารย์ หากได้รับการเพิ่มพลังห้าขั้นย่อย เขาย่อมกลายเป็น นักรบระดับ 1 สูงสุดขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์

อย่าได้ประมาทพลังย่อยแต่ละขั้น

ในขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์นั้น แม้จะเป็น ยอดฝีมือระดับ 1 เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพก็แตกต่างกัน เช่น ระดับต้น กลาง สูง และ สูงสุด

เว้นแต้ จะเป็น นักรบที่มีพรสวรรค์ หรือสมบัติบางอย่าง จะทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้แบบก้าวกระโดดได้

ลู่เฟิง ได้เผยรอยยิ้มออกมา การครอบครองการ์ดปลดล็อคขั้นพลัง ทำให้เขาครอบครองยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 แล้ว แม้ว่าจะแค่ห้านาทีก็ตาม

สำหรับ ยอดฝีมือระดับนี้ เพียงแค่ ห้านาทีก็เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาได้มากมาย

แม้ว่า เขาจะไม่รู้ว่า นิกายดาบวิญญาณจะส่งยอดฝีมือระดับใดมา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะต้องมียอดฝีมือระดับ 1 ขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปแน่นอน

“นิกายดาบวิญญาณ,หวังว่าพวกเจ้าจะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาเพียงพอ ไม่งั้นข้าคงไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จได้”

ลู่เฟิง ยังคงไม่ลืมของรางวัลภารกิจนี้

ยอดแม่ทัพห้าอันดับแรกในประวัติศาสตร์ สุ่มเรียก หนึ่งครั้ง,ข้าราชการห้าอันดับแรกในประวัติศาสตร์ สุ่มเรียกหนึ่งครั้ง,อัญเชิญธรรมดาสิบครั้ง หีบสมบัติพิเศษสองใบ และ ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์

รางวัลนี้ค่อนข้างมากมายอย่างมาก

ถ้า ลู่เฟิง สามารถได้รับมันมา กองกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งในสาม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดแม่ทัพห้าอันดับแรกของประวัติศาสตร์ และ โอกาสอัญเชิญข้าราชการระดับสูงในประวัติศาสตร์ห้าอันดับแรก

อย่างไรก็ตาม ลู่เฟิง สังเกตุว่า ยอดคนห้าอันดับแรกในประวัติศาสตร์ ก็น่าจะจัดตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกเอาไว้

หากยอดคนห้าอันดับแรกในประวัติศาสตร์นี้ จัดอันดับตามพละกำลังและชื่อเสียงตามการบันทึกตามประวัติศาสตร์

เช่นนั้น เซียงหยู ก็ต้องกลายเป็นอันดับหนึ่งในห้าประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย

เซียงหยูที่เขาพูดถึงก็คือ จักรพรรดิแห่งฉู่

แม่ทัพ หลี่ซุนเสี่ยว ในตอนท้ายของราชวงศ์ถัง เขาเป็นแม่ทัพห้าอันดับแรกในประวัติศาสตร์และน่าจะเป็นอันดับสองอย่างไม่ต้องสงสัย

อันดับสามคือ หรานหมิน (ราชาสวรรค์)

อันดับสี่คือ หยางไจ้ซิง

และอันดับห้า แม่ทัพผู้เหินหาว ลิโป้ !

สำหรับแม่ทัพห้าอันดับแรก ลู่เฟิง คิดว่า มีเพียง เซียงหยู เท่านั้น ที่น่าสนใจมากที่สุดในห้าคนนี้

และสำหรับแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์มากที่สุด ก็ย่อม ต้องเป็น ไป๋ฉี,ฮั่นสิน,ยู่เฟย,ลี่จิง,หลี่มู่,เหว่ยชิง,ฮัวชูปิง

นอกจากนี้ยังมี เสวี่ยหลี่ และ เสี่ยวต้า

ในแง่ของขุมกำลังนั้นแรงกว่าห้าอันดับแรกอย่างแน่นอน

ตอนนี้ ลู่เฟิง มี ลิโป้ อยู่ภายใต้คำสั่งของเขา หากได้รับแม่ทัพห้าอันดับแรกไม่ว่าจะเป็นใครในสี่คนนั้นย่อมสามารถช่วยเหลือ ลู่เฟิง ได้อย่างแท้จริง

สำหรับ ข้าราชการห้าอันดับแรกนั้นมีค่อนข้างเยอะ

เจียงซาง,เจียงจื่อหยา,กวนจง,ซางหยาง,จางเหลียง,ซุนฮก,จูกัดเหลียง,ฟางซวนหลิง,ตู่ฮุย,กั๋วซียี่,หลิวจี้,จางจูเจิ้ง และ คนอื่น ๆ

มันพูดยากที่ว่าเหล่าข้าราชการเหล่านี้แท้จริงแล้วใครติดอันดับเท่าไหร่

พวกเขาทั้งหมดต่างมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา

ในปัจจุบัน ลู่เฟิง มีซุนฮก หนึ่งในข้าราชการที่มีชื่อเสียงในอดีตหากเขาเรียก ข้าราชการคนอื่น ๆ ที่มีความสามารถไม่ต่ำไปกว่าซุนฮก ธรรมชาติ ลู่เฟิง ย่อมไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาใด ๆ เขาสามารถให้คนของเขาคอยจัดการช่วยเหลืองานต่าง ๆ ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง รางวัลภารกิจคราวนี้ยังมีโอกาสอัญเชิญธรรมดา สิบครั้ง แม้จะเป็นโอกาสอัญเชิญธรรมดา แต่ก็มีค่าอยู่มากมาย ลองนึกถึงตอนที่เขาอัญเชิญสิบครั้งล่าสุด แปดครั้งไร้ประโยชน์ สองครั้ง ถัดมาเป็น จางซุนหวูจี๋ และ อีกคนคือ กั๋วเจีย

มันช่างน่าตื่นเต้นเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน

ทั้งยังมีหีบสมบัตพิเศษสองกล่อง และ ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ ผลตอบแทนเหล่านี้ล้ำค่ามากเกินไป

แต่…

“ฉันหวังว่าจะแก้ไขปัญหายอดฝีมือที่นิกายดาบวิญญาณส่งมา และ ทำให้ภารกิจนี้เสร็จสมบูรณ์”

“ถ้าเกิดลงมือคราวนี้ไม่ได้รับอะไรเลยจะเป็นเรื่องที่ซวยมาก”

ลู่เฟิง ถอนหายใจออกมา”นิกายดาบวิญญาณอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ!”

นอกเมืองหลวง หวู่บ๋อเหวิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้รับข่าวจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เนื่องเพราะเขาไม่รู้ว่า หวู่ฮง ถูกควบคุมตัวไว้ที่ไหน

แต่ไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้รับข่าวว่า หวู่ฮง ได้ถูกคุมขังไว้ในราชวัง

แต่ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับสถานที่เฉพาะ

“ตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าสารเลวน้อย ลู่เฟิง มันข่มขู่ข้าด้วย ตัวประมุขน้อย ข้าคงไม่อาจลงมือผลีผลามได้”

หวู่บ๋อเหวิน ได้ขมวดคิ้วแน่น

ประมุขน้อยหวู่ฮง ไม่เพียงแต่ เป็นบุตรชายสุดที่รักของประมุขนิกายคนปัจจุบัน ทั้งยังเป็น หลานรักของเหล่าพี่น้องอาวุโสภายในนิกาย หาก หวู่ฮง ประสบอุบัติเหตุ มันยากที่เขาจะหนีปัดความรับผิดชอบได้

“เจ้าเด็กลู่เฟิง ถ้าเกิดแกกล้าทำอะไรประมุขน้อยล่ะก็ ข้าจะฆ่ารัฐมนตรีทั้งหมดของเจ้าในวันแต่งงานของเจ้า!”

หวู่บ๋อเหวิน ได้ตะคอกอย่างเย็นชา

แต่ถ้าเขารู้ว่า ตอนนี้ ลู่เฟิง มียอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ที่เทียบเท่าขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในมือ ไม่รู้ว่าเขาจะมั่นใจขนาดนี้หรือไม่

ปฏิทินของแผ่นดินใหญ่คิวชู ได้เหมือนกับชีวิตก่อนหน้านี้ของ ลู่เฟิง ในประเทศจีน

วันที่สิบสามเป็นวันเพ็ญเดือนแรก!

เป็นวันมงคลที่ดีที่ฮูหยินเลือก

ลู่เฟิง ไม่รู้ว่า วันนี้เป็นวันดีหรือไม่ แต่ เขาก็หาได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาเชื่อว่า เจ้ากรมพิธีการอย่าง ฮูหยิน ไม่กล้าทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน

ดังนั้น วันที่สิบสามของเดือนแรก

คือวันที่ จักรพรรดิลู่เฟิง แห่งอาณาจักรหนานหยาน จัดพิธีมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ทำให้ทั่วทั้งอาณาจักรจัดการเฉลิมฉลอง

ในวันนี้ ลู่เฟิง สวมใส่ชุดคลุมมังกรแดงประดับด้วยทองคำระยิบระยับ นี่เป็นชุดพิธีการที่ ฮูหยิน ได้จัดเตรียมให้กับเขา

เขารู้สึกง่วงมากจริง ๆ

แต่เขายังคงต้องฟัง เรื่องมารยาทบางอย่างเกี่ยวกับพิธีการตามขนบธรรมเนียมของราชวงศ์

ลู่เฟิง ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงเงี่ยหูฟัง ไปเรื่อย ๆ

“ได้เวลาแล้ว”

ในที่สุด ลู่เฟิง ก็ได้ยินเสียงแหลมคมดังมาจากด้านนอก

เขาได้กล่าวพูดทันที”อาจารย์ฮู ได้เวลาแล้วกระมัง”

“พะยะค่ะ!”ฮูหยิน ได้ก้มศีรษะลงและตอบกลับ

แต่เขายังมีความกังวลอยู่ในใจ ดูจากรูปลักษณ์ของฝ่าบาทแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ฟังเรื่องพิธีการอะไรเลยแม้แต่น้อย

ลู่เฟิง ได้นำกลุ่มคนมาถึงหน้าห้องโถงเจิ้งหลง

ตามกฏของอาณาจักรหนานหยาน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ห้องโถงเจิ้งหลงในพิธีแต่งงาน แต่ ลู่เฟิง ได้บังคับวางมารยาททั้งหมดไว้ในห้องโถงเจิ้งหลง

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ขึ้นครองบัลลังก์ มันจึงนับเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดของเขา

สำหรับ ฮูหยิน แม้ว่าเขาจะมีกฏ แต่ ลู่เฟิง ในฐานะจักรพรรดิ เขาคือกฏตายตัว

ลู่เฟิง ได้รออยู่ที่นี่สักพัก ไม่นานเสียงโห่ร้องของขันทีหลายคน ก็ดังขึ้น เขาเห็นมู่หลานซึ่งสวมมงกุฏสไบอันหรูหราและชุดพิธีสีแดงเดินเข้ามาภายใต้การนำของบ่าวรับใช้