ตามมารยาทในพิธีการ พวก นางสนม ที่แต่งเข้าวังนั้น จะไม่สามารถทำตัวเรียบง่ายหรือธรรมดาได้

ในตอนนี้ มู่หลาน ได้มีการแต่งหน้าเบา ๆ บนใบหน้าที่ประณีตสวยงามของเธอ

ชุดสีแดงยาวนั้นสลักปักลายฟีนิกซ์เอาไว้ควบคู่ไปกับชุดของลู่เฟิงดูแล้วเข้ากันอย่างมาก

“ได้เวลาแล้ว”

ในเวลานี้ ฮูหยิน ได้แจ้งเตือน ลู่เฟิง ให้ทั้งสองคำนับฟ้าดินตามธรรมเนียมประเพณี

ลู่เฟิง ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย เขาก้าวไปข้างหน้า ฮวามู่หลาน และยื่นมือออกไปพูดเสียงดัง”ตัวข้านั้นหลงรักฮวามู่หลาน ธิดาบุญธรรมของแม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ”

“วันนี้นางจะกลายเป็นไทเฮาของข้าเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักร”

“ข้าหวังว่าทุกคนจะให้การเคารพนางเหมือนกับที่เคารพข้า”

“ถวายบังคมจักรพรรดิ,ถวายบังคมไทเฮา”

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนานหมื่นปี ๆ”

“ลุกขึ้นได้!”

ลู่เฟิง ได้โบกมือขึ้น”นำมงกุฏฟีนิกซ์มา!”

“ขอรับ!”

เสี่ยวไห่ฉี ได้เดินไปหยิบมงกุฏฟีนิกซ์เข้ามาอย่างรวดเร็ว

การประดับมงกุฏฟินิกซ์นั้น ถูกเชื่อมด้วยลวดลายที่เด่นตระการตา มีไข่มุกอัญมณีน้ำหนักเบาบนมงกุฏตัวเลขนี้บ่งบอกถึงสถานะ อัญมณีนั้นน้อยที่สุด 95 ชิ้น และ สูงที่สุด128 ชิ้น จำนวนไข่มุกสูงสุดนั้นคือ 5,449 เม็ด และต่ำสุด คือ 3,426 เม็ด

จำนวนอัญมณีและไข่มุกแสดงถึงสถานะของราชินี

โดยทั่วไปแล้ว ราชินีที่ได้รับความเคารพมั่นเปี่ยมคุณธรรมจะได้รับการฝังอัญมณีชั้นยอดทั้งหมด 128 ชิ้น และ ไข่มุก 5,449 เม็ด

แน่นอนว่า ฮวามู่หลาน คือ ราชินี ในดวงใจของเขาเพียงหนึ่งเดียว มงกุฏฟีนิกซ์ของเธอจึงเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่ามากที่่สุด

เขาได้สั่งให้ ฝังอัญมณี 128 ชิ้น และ ไข่มุก 5,449 เม็ด บนมงกุฏฟีนิกซ์โดยตรง

ลู่เฟิง ได้รับมงกุฏฟีนิกซ์ มา และต้องการสวมให้กับ ฮวามู่หลานด้วยตัวเอง

“มู่หลาน ให้ข้าสวมมงกุฏฟีนิกซ์ให้เจ้าเถอะ!”ลู่เฟิง มองไปที่ ฮวามู่หลาน อย่างรักใคร่

“เพคะ”ฮวามู่หลาน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ลู่เฟิง ขอให้เธอเป็นราชนีและอีกฝ่ายก็แสดงความรักออกมาอย่างชัดเจน

ลู่เฟิง ได้ถือมงกุฏและกำลังจะสวมใส่ลงบนศีรษะของฮวามู่หลาน

“เเป๊ะ ๆ “

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังออกมา”ฮ่าฮ่า,ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาทันเวลางานมงคลสินะ”

ลู่เฟิง มองไปที่ ฮวามู่หลาน และกล่าวกระซิบ”มู่หลาน ไว้ข้าจะสวมมงกุฏฟีนิกซ์ให้เจ้าอีกครั้งภายหลัง”

ฮวามู่หลาน จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความกังวล เธอได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง”หม่อมฉัน เข้าใจแล้วเพคะ”

ลู่เฟิง ได้ส่งมอบมงกุฏฟีนิกซ์คืน เสี่ยวไห่ฉี

จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองยังทิศทางของเสียงมีคนห้าคนเดินเข้ามา

ด้านหน้าของกลุ่มคนนี้นำมาด้วยชายชราผมขาวโพลนเขาแข็งแกร่งมากจนผู้คนไม่กล้าสบตาเขา

บรรดารัฐมนตรีของอาณาจักรที่ไม่แข็งแกร่งต่างก็ก้มหน้าลงในเวลานี้

แรงกดดันนี้ยับยั้งไม่ให้พวกเขาเงยหน้าขึ้น

ลู่เฟิง มองไปที่คนเหล่านี้และพึมพัออกมา”คนจากนิกายดาบวิญญาณ ในที่สุดก็มาถึง ข้ารอพวกเจ้าอยู่พอดีเลย!”

คนเหล่านี้ตรงหน้าทั้งหมดสวมใส่ชุดคลุมของนิกายดาบวิญญาณ

ลู่เฟิง ได้ใช้เทคนิคสำรวจพลังความแข็งแกร่งของพวกเขา คนที่นำคนเหล่านี้มามีนักรบขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 นี่ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

ไม่คิดเลยว่านิกายดาบวิญญาณจะส่งยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์มา

แต่ในไม่ช้า ความรู้สึกประหลาดใจก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น ด้วยศัตรูที่มีระดับพลังขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์น่าจะเพียงพอทำให้ภารกิจของเขาสำเร็จได้

สำหรับคนอื่น ๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองมาคือยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ระดับ 7 ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องกังวล

“ให้ข้าแนะนำตัว ข้าคืออาวุโสลำดับที่สองของนิกายดาบวิญญาณ ข้ามาที่นี่ เพื่อช่วยประมุขน้อยนิกายดาบวิญญาณ และ สังหารรัฐมนตรีทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยาน โทษฐานที่กล้าหยามเกียรตินิกายดาบวิญญาณของข้า!”

สิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นธรรมชาติของการแสดงความโกรธ

ออร่าพลังที่แข็งแกร่งทำให้รัฐมนตรีหลายคนกลัวจนหน้าซีด

“ฆ่ารัฐมนตรีทั้งหมดของอาณาจักรหนานหยานของข้า?”

ลู่เฟิง มองไปที่ หวู่บ๋อเหวิน และกล่าวพูดเบา ๆ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?”

ในขณะเดียวกัน เขาก็ปล่อยอำนาจพลังบารมีของจักรพรรดิออกมา

บารมีจักรพรรดิของเขาไม่น้อยไปกว่าแรงกดดันที่น่าประทับใจของ หวู่บ๋อเหวิน ที่อยู่ในขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์

ดูเหมือนว่า พลังอำนาจบารมีจักรพรรดิของลู่เฟิงจะเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ

มันเป็นเรื่องปกติ ลู่เฟิง ได้ครอบครองพลังอำนาจของจักรพรรดิ พลังอำนาจที่จักรพรรดิได้ควบแน่นผ่านทุกยุคสมัย มันเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์คนนึงจะเทียบได้

ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของ ลู่เฟิง ต่ำเกินไป เขาคงจะปราบปราม หวู่บ๋อเหวิน ได้ด้วยพลังอำนาจจักรพรรดิของเขา

ด้วยอำนาจบารมีจักรพรรดิของลู่เฟิง แรงกดดันที่มีอยู่ในห้องได้หายไปทันที

พวกเขามองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยสายตาที่ตกใจ แม้แต่ หวู่บ๋อเหวิน ก็เช่นเดียวกัน

อำนาจพลังของ ลู่เฟิงแข็งแกร่งมาก

พวกเขารู้สึกชื่นชมลู่เฟิงอย่างมาก

ไม่เเปลกใจที่ ฝ่าบาท ไม่เกรงกลัวคนเหล่านี้ สามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ ในอนาคตของฝ่าบาทย่อมต้องราบรื่นอย่างแน่นอน

เพราะงี้ในใจของรัฐมนตรีหลายคนจึงเต็มไปด้วยความชื่นชม

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังหวาดกลัวศัตรูเบื้องหน้าของพวกเขาอยู่ดี

หวู่บ๋อเหวิน มองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยสายตาซับซ้อน

เขาเป็นนักรบขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 ออร่าพลังของเขาสามารถฆ่ายอดฝีมือภายในอาณาจักรหนานหยานได้ด้วยพลังออร่าเพียงอย่างเดียว

แต่ เด็กคนนี้ ที่มีพลังเพียงระดับ 8 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ แม้จะนับว่ามีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่น่าจะต้านทานแรงกดดันของตนเองได้

การที่แรงกดดันของเขาถูกล้มล้างหายไปมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

ใบหน้าของ หวู่บ๋อเหวิน ได้เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกอีกฝ่ายมากเกินไป

แต่เมื่อ เขาสำรวจภายในห้องก็พบว่าที่นี่มีเพียงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มียอดฝีมือขั้นราชาศักดิ์สิทธิ์

ด้วยสิ่งนี้จะมีใครสู้เขาได้ เขายังต้องกังวลอะไรอีก?

เขามองไปที่ ลู่เฟิง และยิ้มเบา ๆ “ลู่เฟิง ในฐานะอาวุโสลำดับสองของนิกายดาบวิญญาณ ข้าขอประกาศว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว!”

“ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยาน ข้าเองก็ขอประกาศว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว!”ลู่เฟิง ได้พูดในสิ่งเดียวกัน

“ฮ่าฮ่า!”

เมื่อ หวู่บ๋อเหวิน ได้ยินดังนั้นเขาราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต”อาศัยเพียงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ของเจ้าที่มีอยู่ คิดจะสังหารข้าหรือไม่? หรือจะบอกว่าแท้จริงแล้วเจ้ายังมียอดฝีมืออื่นหลบซ่อนตัวอยู่อีก?”

“จะใช่หรือไม่นะ”

ลู่เฟิง ยิ้มเยาะออกมา”แม่ทัพเหลียนป๋อรับคำสั่ง!”

ในเวลาเดียวกันเขาก็กล่าวในใจ”ระบบเปิดใช้การ์ดปลดล็อคขั้นพลังกับเหลียนป๋อ!”