ไฟบนนาวาใหญ่ส่องแสงสว่างไสว เงาของผู้คนบนเรือเดินขวักไขว่ไปมา เสียงเครื่องดนตรีประเภทสายและปี่ดังอ้อยอิ่งไปทั่ว
เจียงซื่อพยายามเงี่ยหูฟังและจับใจถ้อยคำไร้แก่นสารของเหล่าบุรุษหนุ่มทั้งหลาย “เก็บพวกเด็กหนุ่มพวกนี้ไว้ก็พอ ส่วนหญิงงามเมืองทั้งหลายก็ลงเรือไปเถิด คนเยอะแยะ ไม่มีที่จะยืนอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของเจียงจั้นแฝงไปด้วยความงุนงง “เด็กหนุ่ม?”
บุรุษหนุ่มที่กล่าวก่อนหน้าเผยยิ้ม “ในเมื่อค่ำนี้พวกเราจะสังสรรค์กัน การมีสตรีร่วมวงด้วยคงไม่สนุก แต่หากพี่เจียงโปรดปรานหญิงงาม ข้าจะเก็บไว้ให้สักสองคนแล้วกัน”
อาหมานได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้นก็อดหันไปมองเจียงซื่อไม่ได้
ที่แท้บรรดาสหายชั่วของคุณชายรองก็เป็นคนเช่นนี้ จะมองอย่างไรก็สู้คุณชายอวี๋ไม่ได้เลย
เจียงซื่อขมวดคิ้วตั้งใจฟังว่าพี่ชายจะตอบสนองอย่างไร
ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าที่ผ่านมาท่านพ่อคงจะหละหลวมกับพี่รองของนางเกินไป เด็กแบบนี้ควรถูกตีให้สาสมเสียด้วยซ้ำ
“อย่าเลย อย่าเลย แค่เด็กหนุ่มก็พอแล้ว” เจียงจั้นรีบบอก
เล่นตลกหรืออย่างไร เขาดูเป็นชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาหรืออย่างไร สาเหตุที่เขามาก็เพราะบุญคุณที่หยางเซิ่งไฉช่วยเขาเอาไว้ เพื่อเป็นการไว้หน้าหยางเซิ่งไฉ เขาถึงได้ยอมมาทานอาหารเพื่อสมานฉันท์กับคนเลวอย่างชุยอี้ มิฉะนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางตามคนพวกนี้มาที่แม่น้ำจินสุ่ยเป็นแน่
โธ่ ในเมื่อมาแล้วก็คิดเสียว่าตั้งใจมาเองจะได้สบายใจ
ได้ยินดังนั้นมุมปากของเจียงซื่อพลันกระตุกวูบ
‘แค่เด็กหนุ่มก็พอแล้ว’ หมายความอย่างไรกัน ไอ้พี่รองคนโง่
ไม่ช้าเหล่าหญิงงามที่แต่งตัวสะสวยก็เดินเรียงรายลงเรือไป
เจียงซื่อเตรียมชุดเอาไว้สองชุด ชุดแรกเป็นชุดกระโปรงสำหรับแฝงตัวเข้าไปกับกลุ่มหญิงงามเมือง ส่วนท่อนบนเป็นชุดอย่างที่สุภาพบุรุษสวมใส่กัน
สองสามวันนี้ นางมาจะมาสังเกตการณ์ที่ริมฝั่งแม่น้ำจินสุ่ย ชุดที่นางสวมเป็นแบบเดียวกับที่คณิกาชายที่มาที่แม่น้ำจินสุ่ยนิยมใส่กัน ทว่ามิได้ดูสะดุดตา เพียงแต่เป็นแบบที่คนรินน้ำชาสวมใส่
เจียงซื่อปาดมือลงบนใบหน้าอย่างลวกๆ คิ้วคู่งามจางลง เข้าคู่ไปกับอาภรณ์บนร่างอย่างลงตัว
“เหล่าฉิน จับข้าที ดันข้าขึ้นไปบนนาวานั่น”
“คุณหนู แล้วบ่าวละเจ้าคะ” อาหมานรีบถาม
เจียงซื่อที่ยืนอยู่บนเรือหันมา “เจ้าอยู่กับเหล่าฉินที่นี่ คอยรอรับข้ากับคุณชายรอง”
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ อาหมานกลับไม่อาจวางใจสงบนิ่งได้ “คุณหนู ขึ้นไปบนเรือคนเดียวอันตรายเกินไปนะเจ้าคะ ให้บ่าวไปกับคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ หากเกิดเรื่องบ่าวจักได้ปกป้องคุณหนูได้…”
“ไร้สาระ” ใบหน้าของเจียงซื่อพลันเคร่งขรึม “มากคนยิ่งมากความ ข้าไม่เป็นไรหรอก เหล่าฉิน ลงมือเถอะ”
เหล่าฉินพยักหน้า พลางแล่นเรือเข้าไปใกล้ด้านหลังนาวาใหญ่ลำนั้น และพยุงเจียงซื่อขึ้นไปบนเรือ
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วของเจียงซื่อที่กระโดดข้ามราวกั้นและเดินเข้าไปข้างใน แววตาของเหล่าฉินก็ฉายแววไหววาบ ที่ผ่านมาเหล่าฉินมองคุณหนูเป็นเพียงหญิงสาวบอบบางร่างเล็กคนหนึ่ง ครั้นได้เห็นท่าทางการเคลื่อนไหวที่แสนยืดหยุ่นเมื่อครู่จึงเกิดความรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่แน่นอนว่าเหล่าฉินมิได้สนใจสิ่งเหล่านี้ นับตั้งแต่เจียงซื่อขึ้นนาวาไป เหล่าฉินก็ไม่อาจห่างจากนาวาลำใหญ่ได้เลย เพราะหากคุณหนูตกอยู่ในอันตราย เขาจะได้เช่วยเหลือได้ทันการณ์
“เหล่าฉิน” ปากของอาหมานร้องเรียก แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่เงาของเจียงซื่อที่หายวับไป
เหล่าฉินไม่ได้ตอบรับ ใบหน้าสงบนิ่งหันไปมองอาหมาน
“เจ้าคิดว่าคุณหนูจะตีคุณชายรองจนสลบแล้วค่อยแบกร่างคุณชายรองลงเรือมาหรือไม่”
เจียงซื่อไม่อาจบอกจุดประสงค์ของการมาที่นาวาให้อาหมานทราบได้
“ไม่รู้สิ” เหล่าฉินตอบสั้น
อาหมานมองไปที่นาวาใหญ่พลางถอนหายใจ “เป็นคุณหนูนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
เจียงซื่อแฝงตัวเข้าไปและเดินเข้าไปยังโถงกลางอย่างคุ้นเคย
นางเคยขึ้นเรือลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว จึงเข้าใจแผนผังเรือเช่นนี้เป็นอย่างดี
ภายในโถงสว่างไสวราวกับเป็นช่วงกลางวัน เจียงจั้นและคนอื่นๆ นั่งประจำตำแหน่งอยู่ที่โต๊ะ
เด็กหนุ่มหลายคนที่รูปลักษณ์ไม่โดดเด่นถือผลหมากรากไม้และสุราเข้ามา นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มรูปงามในอาภรณ์ผ้าแพรไหมสีสันสดใสนั่งประกบข้างเจียงจั้นและคนอื่นๆ พลางพูดคุยฉอเลาะอย่างสนุกสนาน
เจียงจั้นขมวดคิ้ว “พวกเรามาดื่มกัน ไฉนถึงได้เอาคนพวกนี้มานั่งกระซิบกระซาบข้างหู ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!”
ดูเหมือนว่าคุณชายรองจะไม่แยแสเด็กหนุ่มเหล่านี้เลยสักนิด พ่อคนซื่อเอ้ย
ในคืนนี้หยางเซิ่งไฉอยู่ในชุดคลุมบางสีม่วงขับเน้นให้ใบหน้าชายหนุ่มเฉิดฉายเป็นพิเศษ ริมฝีปากแดงตัดกับฟันเรียงรายสีขาวสว่าง ดูงดงามเกินบรรยาย
เจียงซื่อแฝงเข้าไปอยู่ในกลุ่มเด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่รินน้ำชา สายตาของนางจับจ้องไปที่เขาพลางปริภาษสัตว์เดรัจฉานในคราบอาภรณ์งามอยู่ในใจ
แม้หยางเซิ่งไฉจะถูกเจียงซื่อก่นด่าอยู่ในใจ ทว่าชายหนุ่มยังคงอารมณ์ดีอย่างยิ่งยวด เขาใจกว้างกับเจียงจั้นเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินเจียงจั้นบ่นดังนั้นจึงรีบสั่งให้เด็กหนุ่มรูปงามสองสามคนนั้นออกไปทันที
เจียงจั้นรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น รอยยิ้มจางๆ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูงดงามจนไม่อาจหาใครเทียบ
แววตาหยางเซิ่งไฉเป็นประกาย พลางเอื้อมมือไปตบบ่าเจียงจั้น “พี่เจียง ข้าต้องขอบใจมากที่วันนี้ให้เกียรติข้า มา พวกเรามาดื่มกันสักจอก”
เจียงซื่อจ้องไปที่มือราวหนวดหมึกของหยางเซิ่งไฉที่คุกคามพี่ชายของนางไม่เลิก โกรธแค้นจนแทบอยากล้วงมีดออกมาสับคนตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ
หยางเซิ่งไฉรู้สึกเย็นวาบที่แขนอย่างไม่มีสาเหตุ ชายหนุ่มเผลอส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว
อื้ม คงคิดไปเองกระมัง
คุณชายรองเจียงผู้แสนซื่อตรงไม่ทันได้สังเกต ยกจอกสุราขึ้นมาชนกับหยางเซิ่งไฉอย่างรื่นเริง
ทั้งคู่กระดกจนหมดแก้ว หยางเซิ่งไฉหัวเราะร่า “ข้าล่ะชอบคนสนุกสนานอย่างพี่เจียงเสียจริง ไม่เหมือนคนบางพวกที่เอาแต่อ้างนู่นอ้างนี่ ไม่ได้เรื่อง!”
นอกจากเจียงจั้นแล้ว หนึ่งในบุรุษนั้นคือหยางเซิ่งไฉ ปู่ของเขาเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนพี่สาวเป็นพระชายาในไทจื่อ บุรุษอีกคนคือชุยอี้ ผู้มีบิดาเป็นแม่ทัพ ส่วนมารดาคือองค์หญิงใหญ่หรงหยาง บุรุษคนที่สามเป็นบุตรของซื่อหลางในกรมพิธีการ และคนสุดท้ายคือบุตรชายขององค์หญิงตานสยา
ทั้งสี่มาอยู่รวมกัน ณ ที่แห่งนี้ถือเป็นการรวมตัวของเหล่าคุณชายแวดวงชั้นสูงของเมืองหลวง หยางเซิ่งไฉจึงกล่าววาจาเช่นนั้นออกมาด้วยความอาจหาญ
เจียงจั้นยิ้ม “ข้าก็ชอบคนสนุกเช่นกัน”
แม้ว่าในตอนแรกเขาจะรู้สึกว่าหยางเซิ่งไฉมีลักษณะคล้ายสตรีเพศอยู่บ้าง แต่ครั้นได้คลุกคลีกันแล้วกลับรู้สึกว่ามิได้ย่ำแย่ เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าชุยอี้เป็นไหนๆ
ยิ่งเจียงจั้นยิ้ม หยางเซิ่งไฉก็ยิ่งกระตือรือร้นขึ้นไปอีก
ชุยอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลอบยกจอกสุราขึ้นมาในตอนที่หยางเซิ่งไฉไม่ทันสังเกต “พี่เจียง เป็นเพราะแต่ก่อนข้าน้อยมิรู้ความ ขอท่านอย่าถือโทษ หลังจากดื่มสุราจอกนี้แล้ว เรามาเป็นสหายกันเถิด”
เจียงจั้นไม่เคยยึดถือว่าเงินทองเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใคร่อยากคบหากับพวกลูกท่านหลานเธอ ครั้นได้ฟังถ้อยคำเหล่านี้ ภายในใจจึงยังเกลียดชังชุยอี้ แต่เมื่อหันไปมองหน้าของหยางเซิ่งไฉก็ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เขายกจอกขึ้นมาชนและกระดกจนหมดแก้ว
บุรุษอีกสองคนตบโต๊ะพลางส่งเสียง “พี่เจียงนี่ช่างเป็นคนสนุกสนานเสียจริง ใครๆ ได้เห็นเป็นต้องถูกชะตา มาๆ พวกเรามาดื่มอีกจอก”
เจียงซื่อเฝ้ามองเจียงจั้นที่ยกสุราขึ้นมาดื่มจอกแล้วจอกเล่า ขบฟันด้วยความโกรธเคืองจนปวดกราม
พี่รองแสนโง่เง่าของนาง ควรจะหาพี่สะใภ้จอมโหดสักคนมาคอยปราบเสียตั้งนานแล้ว หากยังกล้ามามั่วสุมอยู่กับสหายชั่วพวกนี้อยู่อีกคงโดนตีปางตาย
แก้มทั้งสองข้างของเจียงจั้นขึ้นสีแดงระเรื่อ แววตาเริ่มเหม่อลอย ชายหนุ่มเมาได้ที่ หยางเซิ่งไฉโอบไหล่เจียงจั้นด้วยความเสน่หา “พี่เจียง มัวแต่ดื่มอย่างเดียวน่าเบื่อจะตาย พวกเราไปหาอย่างอื่นเล่นกันดีกว่า”
แววตาใสของเจียงจั้นเบิกกว้างเล็กน้อย พลางถามด้วยความไร้เดียงสาและขี้สงสัย “เล่นอะไรหรือ”
หยางเซิ่งไฉยืดตัวเข้าไปประชิดตัวเจียงจั้น และเป่าลมเบาๆ ข้างใบหูของเขา “เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
เจียงจั้นตะลึงค้างไป หยางเซิ่งไฉอ้าปากและงับเบาๆ เข้าที่ติ่งหูของเจียงจั้น
ชุยอี้และบรรดาเด็กหนุ่มในโถงนั้นต่างหัวเราะคิกคักกับภาพตรงหน้า