ตอนที่ 221 ริมแม่น้ำจินสุ่ย

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

กาลเวลา​ผันผ่าน​ไป​ไวว่อง​ราว​อาชา​สีขาว​วิ่ง​ผ่าน​ซอก​แคบ​ ​ไม่ช้าไม่นาน​ก็​เริ่ม​เข้า​เดือน​เจ็ด

ความร้อน​ระอุ​ใน​เมืองหลวง​ยัง​มิได้​จางหาย​ไป​ไหน​ ​ผู้คน​ตาม​ท้องถนน​ที่​เดินผ่าน​ไป​ผ่าน​มาต​่า​งก​็​โบกสะบัด​อาภรณ์​บน​ร่าง​ที่​ชุ่ม​โชก​ไป​ด้วย​เหงื่อ​ ​หาก​พิจารณา​ตามวัน​เวลา​แล้ว​ ​ช่วงนี้​กำลัง​เข้าสู่​ช่วง​ฤดูใบไม้ร่วง

ท้องฟ้า​ช่วง​ฤดูใบไม้ร่วง​แล​โปร่ง​โล่ง​สบาย​ ​เมฆ​บางตา​กระจาย​อยู่เล็ก​น้อย​เผย​ให้​เห็น​ผืน​ฟ้า​ขนาดใหญ่​ ​ลำแสง​ของ​ดวงตะวัน​เจิดจ้า​เสีย​ยิ่งกว่า​ช่วง​กลาง​ฤดูร้อน​ ​เร้า​ให้​อารมณ์​ของ​ผู้คน​สดใส​อย่าง​มิ​อาจ​อธิบาย​ออกมา​เป็น​คำพูด​ได้

ทว่า​สภาพ​จิตใจ​ของ​เจียง​ซื่อ​นับวัน​ยิ่ง​หนักอึ้ง​ขึ้น​เรื่อยๆ​

การตาย​ของ​พี่​รอง​ใน​ชาติที่แล้ว​เป็น​เหมือน​ก้อนหิน​ขนาด​มหึมา​ที่​ถ่วง​อยู่​ใน​ใจ​ของ​นาง​ ​เมื่อ​วัน​เวลา​นั้น​ขยับ​เข้ามา​ใกล้​ขึ้น​ ​นาง​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​กำลังจะ​ขาด​อากาศ​หายใจ​อยู่​รอมร่อ

ตั้งแต่​สอง​สามีภรรยา​หย่ง​ชังปั​๋​วจาก​ไป​ ​นาง​ก็​มิก​ล้า​ผลีผลาม​ทำ​สิ่งใด​อีก​เลย​ ​บทเรียน​ที่​มิ​อาจ​ลืมเลือน​นี้​สอน​ให้​นาง​รู้​ว่า​ ​การเปลี่ยนแปลง​อย่าง​ไม่ทัน​ตั้งตัว​อาจ​นำมาซึ่ง​ความ​โชคร้าย​ที่​มิ​อาจ​คาดเดา

เจียง​ซื่อ​จึง​ไม่กล้า​เอาชีวิต​ของ​พี่ชาย​ไป​เสี่ยง​เป็นอันขาด​ ​ทว่า​หาก​ลอง​เทียบ​กัน​แล้ว​ ​การ​ฉุด​รั้ง​ไม่​ให้​พี่​รอง​ออก​ไป​เล่น​น้ำ​ใน​วันที่​เขา​กำลังจะ​เสียชีวิต​ใน​ชาติก่อน​ยัง​มิสู​้​นาง​ปล่อย​ให้​เหตุการณ์​ดำเนิน​ไป​อย่าง​ใน​ชาติ​แล้ว​ ​และ​นาง​ค่อย​เข้าไป​ช่วย​พี่​รอง​ใน​วินาที​ที่​วิกฤต

นาง​ไม่​สามารถ​ตามติด​พี่​รอง​เป็นเงาตามตัว​ ​เพราะ​ใคร​จะ​รู้​ว่า​หาก​ห้าม​มิ​ให้​ออก​ไป​เล่น​น้ำ​คราวนี้​แล้ว​จะ​ไม่มี​คราวหน้า​ ​ซึ่ง​นี่​ยัง​ไม่​นับ​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​ในกรณีที่​ห้าม​ไม่ได้​ด้วย​ ​ฉะนั้น​ใน​มุม​ของ​เจียง​ซื่อ​ ​อย่างน้อย​นาง​ก็​รู้​ทั้ง​เวลา​และ​สถานที่​ที่​เจียง​จั้น​เสียชีวิต​ ​ข้อมูล​เหล่านี้​ดีกว่า​การ​ไม่รู้​อะไร​เลย​เป็น​ไหน​ๆ​ ​ครั้น​จะ​บอกว่า​ใจ​ไม่​กลัว​ก็​คง​เป็นไปไม่ได้​ ​เพราะ​ความกังวล​เป็นหนึ่ง​ใน​ธรรมชาติ​ของ​ชีวิต​มนุษย์

“​คุณหนู​ ​หมู่นี้​ดู​ซูบ​ลง​ไปมาก​ ​หรือ​เป็น​เพราะ​อากาศ​ร้อน​จึง​ไม่​อยาก​อาหารเจ​้า​คะ​”​ ​อา​เฉี่ยว​ยก​จาน​ขนม​มา​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ตัวเล็ก​ ​พลาง​เอ่ย​โน้มน้าว​ ​“​ผลไม้​อบ​แห้ง​นี้​บ่าว​ตั้งใจ​ทำ​สุดฝีมือ​ ​คุณหนู​ลอง​ชิม​ดู​สิ​เจ้า​คะ​”

อา​เฉี่ยว​เป็น​บ่าว​รับใช้​ที่​เฉลียวฉลาด​และ​เปี่ยม​ไป​ด้วย​พรสวรรค์​ ​นาง​มีฝีมือ​ใน​การ​ทำ​ขนม​เป็นเลิศ​ ​ผลไม้​อบ​แห้ง​ใน​จาน​คลุก​ด้วย​แป้ง​สีเขียว​อ่อน​เป็น​ชั้น​บาง​ๆ​ ​ด้านนอก​ชิ้น​ผลไม้​นำ​ไป​คลุก​กับ​มะพร้าว​ขูด​ฝอย​ ​หาก​ได้รับ​ประทาน​ใน​วันที่​อากาศ​ร้อนระอุ​เช่นนี้​จะ​ช่วย​เพิ่ม​ความอยาก​อาหาร​ได้ดี

เจียง​ซื่อ​ส่าย​ศีรษะ​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​กับ​อาหมาน​เอา​ไป​กิน​เถอะ​ ​ริน​น้ำผึ้ง​ให้​ข้า​สัก​จอก​ก็​พอ​”

อา​เฉี่ยว​ยังคง​ไม่​ลดละ​หวัง​จะ​โน้มน้าว​ต่อ​ ​แต่​ครั้น​เห็นท่า​ที​เคร่งขรึม​ของ​เจียง​ซื่อ​ก็​ทำได้​เพียง​ล้มเลิก​ความคิด​นั้น​ ​และ​หันไป​ริน​น้ำผึ้ง​แทน

เจียง​ซื่อ​ลุกขึ้น​ยืน​และ​เดิน​วน​อยู่​ใน​ห้อง​ที่​ขนาด​ไม่​กว้าง​นัก

วันนี้​เป็น​วันที่​พี่​รอง​และ​หยาง​เซิ​่ง​ไฉ​ซึ่ง​เป็น​หลาน​ของ​เสนาบดี​กรม​พิธีการ​ออก​ไปล่​อง​เรือ​ที่​ประดับประดา​อย่าง​หรูหรา​ใน​แม่น้ำ​ด้วยกัน​ ​แม้ว่า​เจียง​ซื่อ​จะ​คิดทบทวน​รายละเอียด​ซ้ำ​และ​ซ้ำ​เล่า​ ​และ​ดูเหมือนว่า​เรื่องราว​ก็​ไม่น่า​จะ​ผิด​ไป​จาก​ชาติที่แล้ว​ ​แต่​หาก​ไม่ได้​ยิน​ข่าว​ใดๆ​ ​จาก​เจียง​จั้น​ ​นาง​ก็​มิ​อาจ​วางใจ​ได้

“​คุณหนู​ ​คุณหนู​…​”​ ​อาหมา​นวิ​่​งก​ระ​หืด​กระ​หอบ​เข้ามา

พอดี​กับ​อา​เฉี่ยว​ที่​นำ​น้ำผึ้ง​มา​ให้​นาย​หญิง​ ​เจียง​ซื่อ​รับ​ถ้วย​นั้น​มา​พลาง​ส่งต่อ​ให้​อาหมาน

อาหมา​นก​ระ​ดก​หมด​ใน​คราว​เดียว​ ​หลัง​ยัด​ถ้วย​เปล่า​ใส่​มือ​อา​เฉี่ยว​แล้วก็​รีบ​รายงาน​ว่า​ ​“​อาจี​๋​ส่งข่าว​มา​เจ้าค่ะ​ ​บอกว่า​มี​คน​นัด​คุณชาย​รอง​ไปเที่ยว​ที่​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​เจ้าค่ะ​”

เจียง​ซื่อ​เม้มปาก​แน่น​ ​พลาง​เตะ​เก้าอี้​ตัวเล็ก​ด้วย​ความโกรธเคือง

นาง​รู้จัก​พี่​รอง​ดี​ว่า​เป็น​พวก​ไม่รู้​จัก​จำ​ ​ยัง​ไป​คบหา​กับ​คน​อย่าง​หยาง​เซิ​่ง​ไฉ​เสีย​ได้

หลังจาก​โทสะ​จางหาย​ไป​แล้ว​นาง​กลับ​รู้สึก​โล่งใจ​ ​เนื่องจาก​เรื่องราว​กำลัง​ดำเนิน​ไป​ดั่ง​ใน​ชาติที่แล้ว​ไม่มี​ผิดเพี้ยน​ ​ฉะนั้น​นาง​จึง​มั่นใจ​ได้​ว่า​จะ​สามารถ​ช่วย​พี่​รอง​ออกมา​ได้​สำเร็จ

“​คุณชาย​รอง​จะ​ไป​เมื่อใด​”

“​เห็น​ว่า​ตกลง​ว่า​จะ​พบกัน​ช่วง​พลบค่ำ​เจ้าค่ะ​”

เจียง​ซื่อ​เม้ม​ริมฝีปาก​ ​ครั้น​หมาย​จะ​ไป​กล่าวเตือน​เจียง​จั้น​ก็​กลัว​เหตุการณ์​จะ​พลิกผัน​ ​นาง​จึง​ทำได้​เพียง​ระงับ​ความ​หุนหันพลันแล่น​นั้น​ไว้​ ​แล้ว​สั่ง​ให้​อาหมาน​ไป​เรียก​เหล่า​ฉิน​มา

สถานที่​ที่​นัดพบ​กับ​เหล่า​ฉิน​คือ​ศาลา​ใน​ลาน​ซึ่ง​อยู่​ระหว่างทาง​เชื่อม​เรือน​หน้า​และ​เรือน​หลัง

เจียง​ซื่อ​รอ​อยู่​ไม่นาน​ ​เหล่า​ฉิน​ก็​เดินตาม​อาหมาน​เข้ามา

ทันทีที่​เห็น​หน้า​เจียง​ซื่อ​ ​เหล่า​ฉิน​ก็​รีบ​ประสานมือ​โค้ง​คำนับ​ ​เขา​มิได้​ปริปาก​พูด​สิ่งใด​ ​เพียงแต่​รอ​รับคำ​สั่ง​จาก​นาย​หญิง​ ​ท่าที​ของ​เหล่า​ฉิน​ทำให้​เจียง​ซื่อ​รู้สึก​โล่งใจ​เกิน​ประมาณ​ ​ใน​บางครั้ง​นาง​ต้องการ​คน​มีไหวพริบ​อย่าง​อา​เฟย​ ​แต่​ใน​ยาม​จำเป็น​ ​นาง​ก็​ต้องการ​คนที​่​สามารถ​ทำตาม​คำสั่ง​ของ​นาง​อย่าง​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​อย่าง​เหล่า​ฉิน​ ​ในเมื่อ​เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​ความ​เป็นความ​ตาย​ของ​พี่ชาย​ ​นาง​จึง​ปล่อย​ให้​เกิด​ข้อผิดพลาด​ไม่ได้​ ​“​เหล่า​ฉิน​ ​เจ้า​รู้จัก​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​หรือไม่​”

เหล่า​ฉิน​ส่าย​หัว​ ​เขา​ไม่ใช่​คนใน​เมืองหลวง​ ​การ​ตั้งรกราก​อยู่​ที่นี่​เพียง​เพราะ​มี​ความคิด​บางอย่าง​ที่​ติดค้าง​ใน​ใจ​เท่านั้น​ ​เขา​ไม่เคย​ได้ยิน​แม้แต่​ชื่อ​ของ​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​เสียด​้วย​ซ้ำ

“​เช่นนั้น​เจ้า​ลอง​ไปหา​ดู​ ​ข้า​อยาก​ให้​เจ้า​ทำความเข้าใจ​เกี่ยวกับ​เส้นทาง​ของ​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​ให้​ได้มาก​ที่สุด​ ​และ​เช่า​เรือ​มารอ​ข้า​ที่นั่น​”​ ​เจียง​ซื่อ​บอก​กับ​เหล่า​ฉิน

เหล่า​ฉิน​พยักหน้า​รับ​โดย​มิได้​แสดงท่าที​ประหลาดใจ​แต่อย่างใด​ ​“​คุณหนู​วางใจ​ได้​ขอรับ​”

เจียง​ซื่อ​อธิบาย​รายละเอียด​เพิ่มเติม​ให้​เหล่า​ฉิน​ฟัง​และ​กำชับ​ว่า​ ​“​เหล่า​ฉิน​ ​เรื่อง​ที่จะ​เกิดขึ้น​คืนนี้​สำคัญ​กับ​ข้ามาก​ ​ข้า​ฝาก​เจ้า​ด้วย​”

เหล่า​ฉิน​ประสานมือ​คารวะ​ ​“​ข้า​น้อย​จะ​จัดการ​เรื่อง​ที่​คุณหนู​สั่ง​อย่างสุดความสามารถ​ขอรับ​”

เมื่อ​แยก​กับ​เหล่า​ฉิน​แล้ว​ ​เจียง​ซื่อ​ก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ไห่​ถัง​และ​เริ่ม​ลงมือ​เก็บ​ข้าวของ

อา​เฉี่ยว​เริ่ม​มี​ลางสังหรณ์​บางอย่าง​จึง​ลอง​ถาม​ออก​ไป​ว่า​ ​“​คุณหนู​ ​นี่​คุณหนู​กำลังจะ​ไป​ไหน​อีกแล้ว​เจ้า​คะ​”

หื​้ม​ ​ไฉน​ถึง​พูดว่า​ ​‘​อีกแล้ว​’​ ​ล่ะ

“​จริง​สิ​ ​คืนนี้​ข้า​กับ​อาหมาน​จะ​กลับ​ช้า​หน่อย​ ​อา​เฉี่ยว​ ​เรื่อง​ใน​จวน​ข้า​ฝาก​เจ้า​จัดการ​ด้วย​ ​อย่า​ให้​ผู้ใด​สังเกต​ได้​ว่า​ข้า​และ​อาหมาน​ไม่อยู่​ที่​เรือน​”

อา​เฉี่ยว​สัมผัส​ได้​ถึง​รส​ขม​ฝาด​ใน​ปาก​ ​“​คุณหนู​…​”

นี่​มัน​ครั้ง​ที่สาม​แล้ว​นะ​เจ้า​คะ​!

ทว่า​สุดท้าย​แล้ว​อา​เฉี่ยว​ก็​มิได้​เอ่ย​ห้ามปราม​แต่อย่างใด​ ​รอส​่ง​เจียง​ซื่อ​และ​อาหมาน​เรียบร้อย​ก็​กลับมา​นั่ง​สวด​อมิตา​ภพุท​ธนับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน​เพียงลำพัง

หาก​ยัง​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ ​นาง​คง​ต้อง​ไหว้พระ​กินเจ​ไป​ชั่วชีวิต

ใน​ช่วง​กลางวัน​ ​บริเวณ​ริมแม่น้ำ​จิน​สุ่ย​เงียบเชียบ​ไร้​ผู้คน​ ​ส่วน​ช่วง​เย็น​จะ​เป็นช่วง​ที่​ครึกครื้น​ที่สุด​ ​จันทรา​ลอย​สูง​เหนือ​ยอด​หลิว​ ​แสงเทียน​ส่อง​ประกาย​สว่างไสว​ ​นาวา​ใหญ่​จำนวนมาก​ลอย​ล่อง​ไป​ตาม​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​ ​เสียงดนตรี​แผ่วเบา​ปะปน​มากับ​เสียงหัวเราะ​ของ​ผู้คน​ ​อีกทั้ง​สายลม​ยัง​พัดพา​กลิ่น​เครื่อง​หอม​ที่​ถูก​ใช้​ประทิน​ผิว​ให้​โชย​เข้า​จมูก​ผู้คน​ที่​เดินผ่าน​ไปมา

สถานที่​แห่ง​นี้​ไม่เพียงแต่​เป็นบ้าน​เกิด​อัน​อบอุ่น​ของ​เหล่า​นักปราชญ์​ ​เพราะ​ยัง​เป็น​ที่​ผลาญ​เงิน​ของ​เหล่า​ผู้มีอำนาจ​ทั้งหลาย​ด้วย

ค่ำคืน​ที่​ไม่มีวัน​สิ้นสุดลง​บริเวณ​ริมฝั่ง​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​เป็น​คำอธิบาย​ฉาก​ความงดงาม​ตระการตา​ได้​เป็น​อย่างดี​

เจียง​ซื่อ​และ​อาหมา​นพ​ยายาม​แต่งตัว​ให้​ไม่​เป็น​ที่​สะดุดตา​เท่าที่​จะ​เป็นไปได้​ ​ทั้งคู่​เฝ้ามอง​โคม​แดง​ขนาดใหญ่​บน​นาวา​ที่​จอด​อยู่​ริมฝั่ง​ค่อยๆ​ ​สว่าง​ขึ้น​ๆ​ ​จากนั้น​เรือ​แต่ละ​ลำ​ก็​ค่อยๆ​ ​เคลื่อนตัว​ไป​ใน​แม่น้ำ

“​คุณหนู​”​ ​เสียงต่ำ​ดัง​ขึ้น​ ​เหล่า​ฉิน​หัน​หัว​เรือ​เข้ามา​ริมฝั่ง

ใน​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​ ​นอกจาก​นาวา​ใหญ่​ที่​แกะสลัก​ลาย​พญา​หงส์​และ​มังกร​อย่าง​วิจิตร​แล้ว​ ​ยัง​มี​เรือ​ขนาดเล็ก​อีก​หลาย​ลำ​ ​มี​เรือ​ค้าขาย​ขนาดเล็ก​ที่​จำหน่าย​สินค้า​จำพวก​ผลไม้​สด​และ​อาหาร​ทาน​เล่น​ที่​สัญจร​ไปมา​ระหว่าง​นาวา​ใหญ่​เหล่านั้น​ ​นอกจากนี้​ยัง​มี​เหล่า​หญิง​งามเมือง​ที่​ไม่มี​คุณสมบัติ​จะ​ขึ้นไป​อยู่​บน​นาวา​ใหญ่​ก็​อาศัย​เรือ​ขนาดเล็ก​สำหรับ​ต้อนรับ​แขกเหรื่อ

ฉะนั้น​คนที​่​มา​เที่ยวเล่น​ที่​แม่น้ำ​จิน​สุ่ย​จึง​มิได้​มี​แค่​คนมั่งมี​เท่านั้น

เหล่า​ฉิน​พาย​เรือ​อย่าง​ชำนาญ​โดย​แฝงตัว​อยู่​กับ​เรือ​ลำ​อื่นๆ

เมื่อ​เจียง​ซื่อ​และ​อาหมา​นขึ​้น​เรือ​ไป​แล้ว​ ​อาหมา​นก​็​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความรู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​ ​“​เหล่า​ฉิน​ ​ดู​ไม่​ออก​เลย​ว่า​เจ้า​จะ​พาย​เรือ​เป็น​กับ​เขา​ด้วย​”

“อื​้ม​”​ ​เหล่า​ฉิน​ตอบ​สั้น​ๆ

เนื่องจาก​ที่​ที่​เขา​และ​สตรีที​่​รัก​เติบโต​ขึ้น​มามี​แม่น้ำ​อยู่​สาย​หนึ่ง​ ​ใน​ตอนที่​ยัง​เยาว์วัย​เขา​มักจะ​ไป​เล่น​น้ำ​และ​พาย​เรือกับ​เด็ก​คนอื่นๆ​ ​ฉะนั้น​สำหรับ​เขา​ที่​พอ​มีทั​กษะ​อยู่​บ้าง​จึง​มิใช่​เรื่อง​ยาก​แต่อย่างใด

“​คุณหนู​ ​พวกเรา​ต้อง​ทำ​อย่างไร​ต่อ​เจ้า​คะ​”​ ​อาหมาน​ถาม​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น

สายตา​ของ​เจียง​ซื่อ​ยังคง​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า

บริเวณ​นั้น​มีนา​วา​ใหญ่​ลำ​หนึ่ง​จอดเทียบ​อยู่​ ​ครั้น​พินิจ​ดูแล​้​วน​่า​จะ​เป็น​ลำ​ที่​ตกแต่ง​อลังการ​ที่สุด

ในขณะนั้น​ ​เหล่า​บุรุษ​หลาย​คน​เดินเล่น​พูดคุย​โดย​มุ่งหน้า​ไป​ที่นา​วาลำ​นั้น​ ​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ที่นาง​รู้สึก​คุ้นเคย​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​พี่​รอง​ของ​นาง​ ​เจียง​จั้น

แววตา​ของ​อาหมา​นพ​ลัน​เบิก​กว้าง​ ​เอื้อมมือ​ไป​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​เจียง​ซื่อ​ ​“​คุณหนู​ ​คุณชาย​รอง​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

แต่​ถึง​ตอนนี้​ ​สภาพ​จิตใจ​ของ​เจียง​ซื่อ​กลับ​สงบ​ลง​แล้ว​ ​จึง​หันไป​สั่งการ​ด้วย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​ว่า​ ​“​เหล่า​ฉิน​ ​ออกเรือ​ได้​ ​ขับ​ตาม​นาวา​ใหญ่​ลำ​นั้น​ไป​”

เหล่า​ฉิน​มิได้​ตอบ​เพียงแต่​จ้วง​ไม้​พาย​ลง​ไป​บน​พื้นน้ำ​ ​ไม่นาน​เรือ​ลำ​น้อย​ก็​ลอย​ไป​ตาม​กระแสน้ำ​ ​และ​เข้าใกล้​นาวา​ลำ​นั้น​มากขึ้น​เรื่อยๆ