บทที่ 282 ฉันรู้จักเถ้าแก่ดี

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 282 ฉันรู้จักเถ้าแก่ดี

บทที่ 282 ฉันรู้จักเถ้าแก่ดี

จากคนที่เคยเป็นจุดศูนย์กลางมาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่เมิ่งเว่ยฟางจะไม่รู้สึกใจโหวง

แต่เมิ่งเว่ยฟางไม่อาจพูดอะไรออกมา นักศึกษาในวันวานได้ตระหนักถึงความสำคัญของเงินตราแล้ว เขาเองก็เช่นกัน ดังนั้นตอนที่เข้ามาเป็นคนแรก หรือถูกหม่าอิงเฟยแอบเหยียด เขาต้องอดทนอดกลั้นเท่านั้น

เขาเข้าใจดีว่าตัวเองไม่ใช่หัวหน้าห้องอะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคนทำงานธรรมดาคนหนึ่ง ขณะที่หม่าอิงเฟยคือทายาทรุ่นที่สองผู้ร่ำรวย เป็นคนที่จะได้รับสืบทอดดูแลกิจการบริษัท หากมองทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรอยู่ในระดับเดียวกันทั้งสิ้น

หม่าอิงเฟยที่กำลังตัวลอยเพราะคำชมของบรรดาเพื่อนร่วมชั้น ตอนนี้เขาเผยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานประหนึ่งดอกเบญจมาศ

นับว่ามันคือหนึ่งในเหตุผลที่เขาเลือกจัดงานเลี้ยงรุ่นที่นี่ก็ว่าได้

ส่วนสาเหตุอื่นนั้น เป็นเพราะเจ้าเสวี่ยอี๋

“นี่ก็เกินเวลามานานแล้ว เสวี่ยอี๋ยังไม่มาอีกเหรอ? หรือระหว่างทางเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หม่าอิงเฟยเอ่ยขึ้นมา

“พวกเธอใกล้มาถึงกันแล้ว เห็นว่าจะมาที่นี่พร้อมเจ้าเซียวถิงนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

ขณะพูดคุย ประตูห้องส่วนตัวพลันเปิดออก ร่างคนทั้งสองก้าวเดินเข้ามา เป็นเจ้าเซียวถิงและเจ้าเสวี่ยอี๋

เจ้าเสวี่ยอี๋ยังคงสวยสดและงดงาม แม้เทียบกับตอนวัยรุ่นที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้แล้ว แต่เธอในปัจจุบันก็ยังคงเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่แล้ว เป็นประหนึ่งดอกท้อที่เบ่งบานอย่างงดงาม เพื่อรอคอยให้คนมาเชยชมเด็ดดม การมาถึงของเธอ ทำให้ห้องส่วนตัวราวกับสว่างไสวขึ้นมา

เมื่อเห็นเจ้าเสวี่ยอี๋มาถึง ดวงตาหม่าอิงเฟยก็ทอประกาย เขาลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปพูดคุย ส่วนคนอื่นต่างทำได้เพียงมองตามอย่างนึกริษยา ตอนพวกเขามาถึง หม่าอิงเฟยเอาแต่นั่งนิ่ง แต่เพียงแค่เจ้าเสวี่ยอี๋มาถึง หม่าอิงเฟยถึงกลับเป็นฝ่ายลุกพรวดไปต้อนรับด้วยตัวเอง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิง ย่อมต้องเกิดความริษยาต่อเจ้าเสวี่ยอี๋อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“เสวี่ยอี๋มาแล้วเหรอ? เหนื่อยไหม? มานั่งก่อนสิ” หม่าอิงเฟยกระตือรือร้นเข้าหาเจ้าเสวี่ยอี๋อย่างออกหน้า

“นี่ หม่าอิงเฟย ในสายตานายมีแต่เจ้าเสวี่ยอี๋หรือไง? ฉันเองก็ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน สายตานายมองไม่เห็นเลยหรือยังไง?” เจ้าเซียวถิงเอ่ยทักท้วงขึ้น

“ไม่ใช่ ฉันแค่กลัวว่าเสวี่ยอี๋จะเหนื่อยเกินไปก็เท่านั้น ไม่ได้จะเมินเธอสักหน่อย” หม่าอิงเฟยตอบเจ้าเซียวถิง

เจ้าเซียวถิงและเจ้าเสวี่ยอี๋มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่สมัยยังเรียน หม่าอิงเฟยที่เอาแต่คิดถึงเรื่องเจ้าเสวี่ยอี๋ และการจะได้ทราบข่าวคราวของหญิงสาว บ่อยครั้งก็ได้รู้จากเจ้าเซียวถิงอีกทีหนึ่ง

แน่นอนว่า เจ้าเซียวถิงไม่คิดปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอย ตราบใดที่หม่าอิงเฟยต้องการข้อมูลของเจ้าเสวี่ยอี๋จากตัวเธอ เธอก็สามารถใช้โอกาสดังกล่าวหาผลประโยชน์ เพราะไม่ได้มากเกินไป หม่าอิงเฟยจึงไม่ได้ปฏิเสธ

เจ้าเสวี่ยอี๋รับคำทักทายอันอบอุ่นของหม่าอิงเฟย ก่อนจะไปนั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย

“บรรยากาศที่นี่ดีจริง ๆ ต่อให้เป็นที่เซี่ยงไฮ้ ก็มีร้านไม่มากที่จะดีไปกว่าที่นี่ สายตาการเลือกร้านของนายไม่ธรรมดาเลย” เจ้าเสวี่ยอี๋บอกกับหม่าอิงเฟย ขณะสำรวจมองบรรยากาศภายในห้องส่วนตัว

เห็นเจ้าเสวี่ยอี๋เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยด้วยก่อน หม่าอิงเฟยจึงตื่นเต้นขึ้นมา สีหน้าในตอนนี้รับคำด้วยความภาคภูมิใจ

ในอดีตนั้นเจ้าเสวี่ยอี๋ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเขาก่อนเลยสักครั้ง แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยก่อน ทำให้หม่าอิงเฟยรู้สึกว่าคิดถูกที่เลือกจัดงานเลี้ยงรุ่นที่นี่

“เพื่อรับรองคนอย่างเสวี่ยอี๋ไม่ให้ฝุ่นไรตอม ก็ต้องเลือกร้านที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” หม่าอิงเฟยตอบกลับ “ที่นี่ไม่เพียงแต่บรรยากาศดี แต่รสชาติของอาหารยังดีที่สุดในเจียงโจว ทุกวันจะมีลูกค้าเต็มแน่น ห้องส่วนตัวของที่นี่จองยากพอสมควรเลย”

“เส้นสายกว้างขวางสมกับเป็นประธานหม่า!” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งยกแก้วขึ้นมาพลางเอ่ยคำชื่นชม “ฉันเคยได้ยินเรื่องของที่นี่มาก่อน แม้จะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่กลับเป็นที่รักของผู้มั่งคั่งในเจียงโจวแล้ว ห้องส่วนตัวของที่นี่ไม่ใช่ว่าจะจองได้ง่าย ๆ เรียกว่าจองแทบไม่ได้จะถูกต้องกว่า ตอนประธานหม่าบอกว่าจะมาจัดงานเลี้ยงรุ่นที่นี่ ยังนึกว่าจะได้พื้นที่ในโถงส่วนหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าเส้นสายของประธานหม่าจะยิ่งใหญ่ ถึงขนาดจองห้องส่วนตัวที่นี่ได้ เป็นเรื่องที่ทั้งน่าทึ่งและน่าชื่นชม”

“บอกตามตรงก็แล้วกัน ตอนโทรมาเมื่อวาน พนักงานที่รับสายตอบว่าไม่มีห้องส่วนตัวว่าง แต่ทันทีที่ฉันบอกชื่อของตัวเองออกไป พวกเขาก็เปลี่ยนคำพูดบอกว่ามีเหลือห้องหนึ่งพอดี ชื่อของหม่าอิงเฟยคนนี้ก็มีอภิสิทธิ์แบบนี้นี่แหละ ถ้าหากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะจองห้องส่วนตัวคงต้องล่วงหน้าสักสัปดาห์ บางทีอาจไม่ได้ด้วยซ้ำ” หม่าอิงเฟยยกหางตัวเองเชิดขึ้นฟ้า

“จริงด้วย! ต้องให้รู้กันบ้างว่าประธานหม่าของพวกเราเป็นใคร ในเจียงโจวนี้จะมีใครบ้างไม่เห็นแก่หน้า”

“ใช่แล้ว ชื่อเสียงของประธานหม่ากว้างไกล!”

กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นต่างส่งเสียงเป็นการตอบรับ

“ที่นี่โด่งดังและเป็นที่นิยมขนาดนี้ เถ้าแก่ของที่นี่คงไม่ใช่คนธรรมดา” เจ้าเสวี่ยอี๋เอ่ยคำขึ้น

“ฉันรู้จักกับเถ้าแก่ของที่นี่ รู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ ถ้าหากเสวี่ยอี๋อยากเจอ ฉันแนะนำให้รู้จักได้นะ” หม่าอิงเฟยตบหน้าอกตนเองพลางตอบ ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นทั้งหลายต่างเยินยอหม่าอิงเฟยกันไม่หยุดหย่อน เพราะอยู่ต่อหน้าเจ้าเสวี่ยอี๋ ชายหนุ่มจึงยิ่งต้องการโอ้อวดตนเองให้สูงขึ้น

“ประธานหม่า ไม่นึกเลยว่าตอนนี้นายจะทรงอำนาจขนาดนี้แล้ว” เจ้าเสวี่ยอี๋เผยดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

“เสวี่ยอี๋ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน เรียกประธานหม่าถือว่าห่างเหินเกินไปแล้ว เรียกแค่ชื่อก็พอ” หม่าอิงเฟยตอบกลับ

“จะดีเหรอ? ยังไงนายเองก็ไม่ใช่คนเดิมกับตอนสมัยเรียนแล้ว” เจ้าเสวี่ยอี๋เกิดลังเลขึ้นมา

“จะไม่ดีได้ยังไง? เรียกด้วยชื่อของฉันมีแต่จะดีด้วยซ้ำไป” หม่าอิงเฟยตอบกลับ

“เอางั้นก็ได้ ฉันเรียกด้วยชื่อเหมือนเดิมก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็คิดว่าประธานหม่าฟังดูห่างเหินเกินไป” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับ

“ดีแล้ว ดีแล้ว” หม่าอิงเฟยฉีกยิ้มตอบรับ

คำพูดของหม่าอิงเฟย ยิ่งทำให้คนอื่นในที่นี้เผยความอิจฉาริษยากันออกมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกหาประธานหม่าเสียงดังฟังชัดมานาน กลับไม่ได้เห็นหม่าอิงเฟยถ่อมตัวให้เปลี่ยนสรรพนามเรียกหา แต่พอเป็นเจ้าเสวี่ยอี๋ ก็กลายเป็นอีกเรื่อง

แน่นอนว่า หญิงงามย่อมได้รับสิทธิพิเศษ!

เพื่อนร่วมรุ่นชายบางส่วนเห็นว่าหม่าอิงเฟยยังลุ่มหลงเจ้าเสวี่ยอี๋ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

“เห็นทั้งสองคนตอนนี้แล้ว ทั้งประธานหม่ากับเจ้าเสวี่ยอี๋ ดูไปเหมือนคู่สร้างคู่สมดีจริง ๆ” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“จริงด้วย ทั้งสองคนที่ยังไม่ได้คบใคร ลองพิจารณากันเองก็ไม่น่าใช่เรื่องแย่ น่าจะได้เป็นความทรงจำที่ดีในรุ่นด้วยซ้ำ!” เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ไม่เอาน่า” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับด้วยสีหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย

หม่าอิงเฟยพบเห็นเจ้าเสวี่ยอี๋เผยสีหน้าเอียงอายแดงระเรื่อ ไม่ใช่ท่าทีบ่งบอกว่าโกรธที่ถูกล้อ ในใจเวลานี้จึงยิ่งยินดีเปี่ยมล้น

แสดงได้ดี!

ตอนนี้เขาหันไปเผยสายตาขอบคุณเพื่อนร่วมรุ่นคนนั้นที่เอ่ยปากถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

อีกฝ่ายเห็นสายตาของหม่าอิงเฟย ราวกับถูกจุดประกายอะไรขึ้น ตอนนี้เตรียมพูดช่วยส่งเสริมเรื่องราวอีกรอบ ทว่าประตูห้องส่วนตัวกลับเปิดออกอีกครั้ง ชายหนุ่มในชุดธรรมดาค่อนข้างไปทางทรุดโทรมอยู่บ้างเดินเข้ามา หลังเห็นทุกคน เขาจึงเผยยิ้มพลางเอ่ยคำ “มาถึงกันหมดแล้วนี่เอง ตอนเห็นบรรยากาศนอกร้าน ฉันนึกว่าผิดที่ด้วยซ้ำ งานเลี้ยงรุ่นของพวกเราจัดในสถานที่หรูขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”

เมื่อเห็นคนที่มาถึง เมิ่งเว่ยฟางที่อยู่เฉยมาตลอดก็พลันลุกขึ้นและเอ่ยคำ “ที่นี่ถูกแล้ว เสี่ยวกวง รีบเข้ามาก่อน”

คนที่เพิ่งมาถึงเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของอู๋ฝาน โหวเสี่ยวกวง