บทที่ 88 นี่เป็นห้องรับรองของผม

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

เฉินฮวนฮวนไม่อยากจะสิ้นเปลือง และตัดใจทิ้งไม่ลง

ดังนั้น เธอจึงกินอาหารและสเต็กที่เฟิงหานชวนสั่งมาจนหมด ไวน์แดงก็ดื่มจนหมดเช่นกัน

เธอกินอิ่มมากจนพุงป่องขึ้นมา

เมื่อเธอลุกขึ้นยืน จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนศรีษะ และมึนเบลอจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

เห็นได้ชัดว่าไวน์แดงแอลกอฮอล์ไม่แรงมาก ไม่น่าจะทำให้เมาได้ ทำไมเหมือน…

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว ทว่าเธอยังมีสติดี

“อาสาม ฉันต้องไปแล้วค่ะ” ตอนนี้เธอง่วงนอนมาก เธอรู้สึกว่าในอีกวินาทีต่อมาตัวเองจะล้มลงไปกองกับพื้นเสียให้ได้

“ไปที่รถกับผมก่อน” เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน และเดินนำหน้าไป

เฉินฮวนฮวนเดินตามหลังเขาไปจนมาถึงรถของเขา สติของเฉินฮวนฮวนถึงได้กลับมาอีกครั้ง

“อาสาม คุณจะไปไหนเหรอคะ ถ้าคุณไม่กลับ ฉันจะไปเรียกแท็กซี่กลับ” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวไปมา เสียงของเธอฟังดูอ้อแอ้คล้ายคนเมาเล็กน้อย

เฟิงหานชวนมองใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา พวงแก้มทั้งสองข้างของเธอขึ้นสีแดงเลือดฝาดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

เพราะว่าเธอดื่มไวน์แดง ริมฝีปากของเธอจึงแดงจัดและฉ่ำวาวเช่นนี้

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเธอเช่นนี้ เขาก็รู้สึกลำคอแห้งเผือดจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมา

“ขึ้นรถ” เขาเอ่ยบอกด้วยเสียงทุ้มต่ำ และเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนให้เธอขึ้นรถ เพราะต้องการกลับบ้านตระกูลเฟิงด้วยกัน เธอจึงตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งบนเบาะอย่างเชื่อฟัง

เฟิงหานชวนมองพฤติกรรมของเธอ ดวงตาของเขาฉายแววลึกล้ำยิ่ขึ้น ก่อนจะปิดประตูลงจากรถ และเดินอ้อมหน้ารถเข้าไปนั่งบนที่นั่งคนขับ

เฉินฮวนฮวนนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเบาะ ภาพตรงหน้าค่อนข้างเลือนราง หัวสมองของเธอก็หนักอึ้งเป็นพิเศษ เธอหลับตาลงโดยอัตโนมัติ ทว่าเธอยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่

ทันใดนั้น เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นข้างๆ เธอ เมื่อหันไปมอง ใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ริมฝีปากของทั้งสองแทบจะชนกันอยู่แล้ว

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปชั่วขณะ สติที่เดิมทีหลุดหายไปก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง

“อา อาสาม!” เธอรีบแหงนหน้าขึ้นมองข้างบน

“คุณไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ผมเห็นคุณหลับไปแล้ว ก็เลย…” เฟิงหานชวนชะงักไป และไม่ได้พูดอะไรต่อ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และเอาแต่นั่งก้มหน้างุด “ขอบคุณค่ะอาสาม ฉันคาดเองก็ได้ค่ะ”

ดังนั้น เธอจึงเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัย เสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้น บ่งบอกว่าเธอคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว

เมื่อสักครู่ทำเอาเธอตกใจแทบตาย เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะเล่นตลกกับเธออีก หลายครั้งก่อนหน้านี้ เขาจูบเธออย่างดุเดือนทุกครั้งที่อยู่บนรถ

เมื่อคิดถึงภาพเหล่านั้น เฉินฮวนฮวนรีบสะบัดศีรษะไปมา ทว่าเธอกลับรู้สึกมึนศีรษะยิ่งกว่าเดิม

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเธอเช่นนี้ ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มลุ่มลึก หลังจากนั้นเขาหันกลับไปมองข้างหน้าแล้วสตาร์ทรถ

เฉินฮวนฮวนเพียงคิดว่าตัวเองกำลังจะกลับถึงบ้านตระกูลเฟิงแล้ว เธอจึงเอนหัวพิงกับเบาะพร้อมหลับตาลง

ในขณะที่เธอกำลังสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงเปิดประตูรถ ลมเย็นๆ พัดเข้ามากระทบผิวแก้มของเธอ

เธอขยี้ตาเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง แต่เป็นที่จอดรถชั้นใต้ดิน และเฟิงหานชวนก็ยืนอยู่ข้างประตูรถทางฝั่งที่นั่งคนขับ

“อาสาม ที่นี่คือ?” เฉินฮวนฮวนงุนงงเล็กน้อย

“บริษัทของผม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ผมมีประชุมด่วน คุณรอผมที่ห้องรับรองสักพัก เราค่อยกลับด้วยกัน”

“หะ?” เฉินฮวนฮวนมึนงงขึ้นมาทันที

ให้เธอรอเขาประชุมอยู่ที่บริษัท?

แบบนี้…ไม่ค่อยดีหรือเปล่า

เฉินฮวนฮวนลงรถ และรีบโบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธเฟิงหานชวน และกล่าวว่า “อาสาม ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ”

“คุณเป็นแบบนี้ จะเรียกรถยังไง” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเจออันตรายจะทำยังไง!”

“นี่…” เฉินฮวนฮวนยิงยิ่งรู้สึกงุนงงขึ้น

นี่เฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอใช่ไหม เขาเป็นห่วงที่เธอจะนั่งรถกลับคนเดียว?

“ไม่มีธุระอะไรต้องทำ คุณก็รอผมก่อน” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนบ่งบอกว่าเธอไม่อาจปฏิเสธได้

เฉินฮวนฮวนหมดหนทางจะโต้แย้ง เธอก็ไม่มีอะไรต้องทำจริงๆ เธอเพียงพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า “งั้นก็รบกวนอาสามแล้วค่ะ”

“อืม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าไป และหันมาพูดเชิงออกคำสั่ง “ตามมา”

เฉินฮวนฮวนเพียงเดินตามเขาไปเท่านั้น

ทว่าเธอไม่ทันระวัง เท้าสะดุดเข้ากับที่ล็อกล้อรถบนพื้น เสียงดัง “ตุ๊บ!” ร่างทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมา ก็เห็นว่าเฉินฮวนฮวนล้มหงายหลังลงไปกับพื้นเสียแล้ว เขาถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ก่อนจะรีบเดินไปดึงเธอลุกขึ้น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บจากการล้มเล็กน้อย ทว่าไม่กล้าพูดออกไป เธอกัดเม้มริมฝีปาก หน้าตาน่าสงสารทำให้คนเห็นรู้สึกสงสาร

“เจ็บไหม” เฟิงหานชวนก้มลงช่วยปัดฝุ่นออกจากเธอ

“ไม่ ไม่เจ็บค่ะ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และเอ่ยปฏิเสธ

“เสียงดังเมื่อกี้ นอกจากคุณก็เป็นเหล็กแล้วล่ะ” เฟิงหานชวนมองเธอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก้มลงช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนลอยขึ้นกลางอากาศทันที เธอตกใจเอื้อมมือไปคล้องคอเฟิงหานชวนโดยอัตโนมัติ

ทว่าเธอรู้ตัวว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เธอปล่อยมือแล้วดึงแขนเสื้อของเฟิงหานชวน และรีบกล่าวว่า “อาสาม คุณปล่อยฉันลงเถอะ แบบนี้ดูไม่ค่อยดี ถ้าคนอื่นมาเห็น…”

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการช่วยเหลือเธอ ทว่าเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม

“ไม่มีใครเห็นหรอก” เฟิงหานชวนเกลียดท่าทีบ่ายเบี่ยงพยายามรักษาระยะห่างกับเขาของเฉินฮวนฮวน เขากล่าวอย่างราบเรียบ และอุ้มเธอเดินเข้าไปในลิฟต์

เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออกทันที

ปัญหาไม่ใช่ว่ามีคนเห็นหรือไม่เห็น ปัญหาคือสถานะของทั้งสอง!

เมื่อเข้ามาในลิฟต์ เฉินฮวนฮวนพยายามดีดดิ้น เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “อาสาม คุณอุ้มฉันแบบนี้ไม่เหมาะสม ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ”

“เฉินฮวนฮวน คุณคิดมากเกินไปแล้ว” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเธออย่างไม่สบอารมณ์นัก

“หะ?” เฉินฮวนฮวนเบิกตาค้างพูดอะไรไม่ออก

เฟิงหานชวนพูดถูก เธอคิดมากไปแล้ว ฉะนั้น…ความจริงแล้ว เขาแค่ดูแลเธอที่หกล้มในฐานะผู้ใหญ่เท่านั้นเอง

เฉินฮวนฮวนหันหน้าหนี และมองไปที่เฟิงหานชวนอีกครั้งอย่างขัดเขิน ตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่รู้สึกประหม่า

ไม่สิ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกประหม่าตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้

จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไรหรือพยายามดีดดิ้นอีกตลอดทาง จนกระทั่งเฟิงหานชวนอุ้มเธอเข้ามาในห้องทำงานขนาดใหญ่

ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีดำขาวเทา หน้าต่างกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามา เผยให้เห็นถึงรสนิยมที่เรียบหรูมีระดับของเจ้าของห้อง

เฉินฮวนฮวนไม่ต้องถามก็คาดเดาได้ว่า นี่เป็นห้องทำงานของเฟิงหานชวน

จากนั้น เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอเดินเข้าไปด้านใน จนกระทั่งเดินมาถึงกำแพงห้อง เขากระแทกเข้ากับกำแพงแล้วประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนประหลาดใจที่พบว่า ประตูลับบานนี้มีห้องนอนกว้างขวางอยู่ข้างใน

“นี่เป็นห้องรับรองของผม คุณพักผ่อนที่นี่สักพักก็แล้วกัน” เฟิงหานชวนวางหญิงสาวในอ้อมแขนลงบนเตียงหนังสุดหรู

“อาสาม ฉันนอนได้ไหมคะ” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนรักความสะอาดมาก ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนอนมากจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะนอนบนเตียงนี้ได้ไหม

“ได้” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงเบา และเดินออกไปจากห้องรับรอง