บทที่ 196.3 วันสอบ (3)
กระนั้นแล้ว คนงานในร้านก็ไม่อยากเสียเงินก้อนนี้ไป จึงรีบรั้งกู้เจียวไว้ แล้วยิ้มให้ “แม่นางอย่าเพิ่งไป เดี๋ยวจะลงชื่อเขาไว้บนรายชื่อให้! แล้วท่านจะลงเท่าไหร่ละ ขั้นต่ำต้อง…”
“ฮุ่ยหยวน จ้วงหยวน” กู้เจียวเอ่ย
คนงานในร้านถึงกับงง “ท่าน ท่านจะลงชื่อเขาทั้งสองหมวดเลยรึ”
“อืม” กู้เจียวพยักหน้าอย่างจริงจัง
คนงานในร้านมองกู้เจียวตาค้างราวกับกำลังมองคนโง่อยู่ “เอ่อ ได้ขอรับ!”
เอาเงินมาเททิ้งแท้ๆ เลย นี่นางเป็นใครมาจากไหนกันนะ
คนงานในร้าน “ฮุ่ยหยวนหนึ่งตำลึง จ้วงหยวนห้าตำลึง ท่านจะลงเท่าไหร่”
กู้เจียว “ลงหมดนั่นแหละ”
กู้เจียวลงฮุ่ยหยวนห้า ลงจ้วงหยวนหนึ่ง ทั้งหมดเป็นสิบตำลึง เป็นชื่อเซียวลิ่วหลังทั้งหมด
และแล้ว ชื่อของเซียวลิ่วหลังก็ได้ไปอยู่ในรายชื่อสักที
ผู้ดูแลหลิวที่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับส่ายหัว
เงินสิบตำลึงของเขา หายไปในพริบตาเดียว
ไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน คิดหรือว่าท่านชายจะเอาชนะคนเก่งคนอื่นๆ และคว้าอันดับหนึ่งมาได้น่ะ
ฮุ่ยหยวนงั้นรึ จ้วงหยวนงั้นรึ
กล้าที่จะคิด!
ผู้ดูแลหลิวเดินเข้าไปกระซิบกับกู้เจียว “ฮูหยินน้อย พวกเราไปได้หรือยัง”
กู้เจียวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปเห็นรายการที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งถูกปิดด้วยผ้าม่านโปร่งแสง จึงถามไปว่า “รายการนั้นคืออะไร”
“คือว่า…” ผู้ดูแลหลิวคิ้วผูกจนเป็นปม
คนงานในร้านไม่รอช้า รีบเข้ามาให้คำตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม “เป็นรายชื่อปิ่นงามขอรับ! จะลงเงินก็ได้นะขอรับ!”
“ปิ่นงามหมายความว่าอะไรรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม
คนงานในร้านอธิบาย “เป็นรายชื่อของสตรีซึ่งจะยังไม่ถูกเปิดเผยขอรับ ผู้ที่สอบผ่านฮุ่ยซื่อจะได้เข้าร่วมการสอบในวังที่จัดขึ้นในเดือนสี่ ผู้ที่มีผลการสอบดีเยี่ยมจะถูกเลือกโดยองค์ฮ่องเต้ และได้เลื่อนขั้นเป็นจิ้นซื่ออันดับหนึ่ง หรือที่พวกเรารู้จักกันในนามจ้วงหยวน ปั้งเหยี่ยน และทั่นฮวา โดยบุรุษทั้งสามจะทำการมอบดอกไม้ให้แก่สตรี ผู้คนเลยพนันกันว่าสตรีผู้ใดจะได้รับดอกไม้จากเขา”
“ได้แค่ดอกเดียวหรือ” กู้เจียวขยิบตาพลางถาม
มุมปากของคนงานในร้านเริ่มกระตุก พลางนึกในใจ หมายความว่าไงจะได้อันเดียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกไม้นั่นหายากแค่ไหน
ดอกไม้นี้เป็นอภินันทนาการจากฮ่องเต้เชียวนะ พวกเขายังอยากจะเก็บไว้เองด้วยซ้ำ!
ว่าไปแล้ว เคยเกิดเหตุการณ์ที่เหล่าสตรีต่างพากันขโมยและแย่งชิงดอกไม้นั้นมาได้ และก็มีคนแย่งไปได้จริงๆ แต่เหตุการณ์นั้นนับว่าสร้างความอับอายให้วังไม่น้อย จึงมีคำสั่งห้ามแย่งชิงดอกไม้
มีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่จะได้มา วิธีที่หนึ่งคืออีกฝ่ายเต็มใจส่ง อีกวิธีหนึ่งคือการท้าทายอีกฝ่าย และอีกฝ่ายสามารถท้าทายหรือปฏิเสธได้
คนงานในร้านเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “แม่นางลองคิดดูนะ คนที่สอบเข้าไปได้อันดับหนึ่งจะต้องเก่งกาจและมีความรู้มากแค่ไหน ใครจะกล้าแข่งกับพวกเขาเล่า ต่อให้เป็นเรื่องที่ไม่ถนัด อย่างไรเสียพวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกได้อยู่ดี! ดังนั้น การที่จะมอบดอกไม้นั่น จะต้องเป็นความสมัครใจของพวกเขาจริงๆ หรือไม่ก็ไปท้ากับสตรีเก่งๆ อย่างไท่จื่อเฟย”
พอเอ่ยถึงไท่จื่อเฟย คนงานในร้านก็อดพูดต่อไม่ได้ “แม่นาง อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เคยมีคนได้ดอกไม้นี้ไปถึงสองดอกเชียวละ”
กู้เจียวเอ่ยเสียงเบา “เจ้าหมายถึงไท่จื่อเฟยรึ”
คนงานในร้านโพล่งด้วยความชื่นชม “ใช่แล้ว! นางเคยรับคำท้าพวกบัณฑิตถึงสองคน ที่น่าตกใจคือนางสามารถเอาชนะทุกคนได้! แม้แต่ฮ่องเต้ยังออกปากเองว่านางน่ะแกร่งเสียยิ่งกว่าชายอีก”
กู้เจียวไม่ได้มีความเห็นอะไรกับเรื่องของไท่จื่อเฟย นางก็แค่อยากรู้ว่ามีชื่อของใครบ้างบนนั้น
คนงานในร้านจึงพากู้เจียวไปดู
มีชื่อสตรีที่มีชื่อเสียงมากมายในรายชื่อนั้น แน่นอนว่า ไม่ใช่ชื่อจริงของพวกเขา ตัวอย่างเช่น บุตรสาวของจวนหลัวกั๋วกง พวกเขาเขียนว่า คุณหนูสามหลัว
ส่วนคนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรายการ คือคุณหนูกู้ และ คุณหนูรองจวง
ไม่บอกก็รู้ว่านั่นเป็นชื่อของกู้จิ่นอวี้ กับ จวงเย่ว์ซี
จวงเย่ว์ซีเป็นน้องสาวแท้ๆ ของอันจวิ้นอ๋อง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอันจวิ้นอ๋องจะได้เป็นจ้วงหยวน ดังนั้นการที่เขาจะมอบดอกไม้ให้น้องสาวตัวเองจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
และเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่มอบให้จวงเมิ่งเตี๋ย นั่นเป็นเพราะจวงเย่ว์ซีเป็นเด็กใฝ่เรียน ส่วนจวงเมิ่งซีเป็นเด็กเงอะงะ แน่นอนว่าทุกคนจะต้องเทคะแนนไปที่จวงเย่ว์ซี
แต่กระนั้น ชื่อของจวงเมิ่งเตี๋ยก็อยู่บนรายชื่ออยู่ดี ซึ่งถูกเขียนไว้ว่า คุณหนูห้าจวง ซึ่ง จวงเมิ่งซีเป็นคนมาขอซื้อชื่อของตัวเองไว้บนรายชื่อเพื่อกอบกู้หน้าตาของตนเอง
ถัดลงมาจากกู้จิ่นอวี้และจวงเย่ว์ซี ก็จะมีคุณหนูสามตระกูลหลัว คุณหนูสี่ตระกูลโจว แม่ชีเมี่ยวอิน
เอ๋…แม้แต่แม่ชีเองก็ติดโผกับเขาด้วยรึ
กู้เจียวเห็นชื่อตระกูลที่คุ้นเคยอยู่หลายชื่อในรายการ ดูเหมือนจะมาจากสำนักศึกษาสตรีทั้งสิ้น
“แม่นางสนใจจะลงเงินไหมขอรับ ลงตามที่ทุกคนลง ยังไงก็ไม่พลาดขอรับ” คนงานในร้านเอ่ยพลางชี้ไปที่ชื่อของกู้จิ่นอวี้และจวงเย่ว์ซี
กู้เจียวไม่ได้มีท่าทีสนใจแต่อย่างใด
ขณะที่กำลังตัดสินใจเดินออกไปนั่นเอง จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นจากชั้นสอง “ตามคนมา ข้าจะลงพนัน!”
เป็นเสียงของจวงเมิ่งเตี๋ย
กู้เจียวมองไปทางเจ้าของเสียง
จากจุดที่กู้เจียวยืนอยู่ เห็นว่าจวงเมิ่งเตี๋ยกำลังพยุงแขนจวงเย่ว์ซี ทั้งสองค่อยๆ เดินลงบันได พวกนางสวมผ้าคลุมหน้า ก็เลยมองไม่เห็นกู้เจียวที่ยืนอยู่ข้างล่าง
ผู้จัดการร้านเข้ามารับเรื่องด้วยตัวเอง ก่อนจะยื่นมือทำความเคารพ “แม่นางทั้งสอง ต้องการจะลงให้ใครรึ”
จวงเมิ่งเตี๋ยหัวเราะคิกคัก ก่อนเอ่ย “ลงให้คุณหนูตระกูลกู้!”
ผู้จัดการร้านถามต่ออย่างสุภาพ “ท่านจะลงเท่าไหร่หรือขอรับ เดี๋ยวข้าจะเขียนให้!”
จากนั้นจวงเมิ่งเตี๋ยก็เริ่มทำเสียงประชติ “เดี๋ยวก่อนนะ คนที่ข้าจะลง…มิใช่คุณหนูกู้ที่อยู่บนรายชื่อนะ”
“เอ๋” ผู้ดูแลทำหน้างง
จวงเมิ่งเตี๋ยหันไปมองห้องรับรองฝั่งตรงข้าม พลางเอ่ย “ข้าหมายถึงคุณหนูใหญ่กู้แห่งจวนติ้งอันโหวต่างหาก! พวกเจ้าคงยังไม่รู้สินะว่าชื่อคุณหนูกู้ที่อยู่ในรายการไม่ใช่ลูกสาวของท่านโหว่ แต่เป็นแค่เด็กสาวชนบทที่พวกเขาอุ้มผิดต่างหาก!! หอชิงเฟิงเปิดกระดานขนาดใหญ่เช่นนั้น นี่พวกเจ้าไม่ได้หาข้อเท็จจริงกันเลยใช่ไหม! ข้าละละอายใจในตัวพวกเจ้าจริงๆ”
แม้ปากกำลังดูถูกหอชิงเฟิง แต่ใครฟังก็รู้ว่าคนที่นางกำลังดูถูกอยู่คือกู้จิ่นอวี้
วันนี้กู้จิ่นอวี้เองก็มาดูลาดเลาและความนิยมของตัวเองที่นี่เช่นกัน แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าจะได้มาเจอหมาบ้าอย่างจวงเมิ่งเตี๋ยที่นี่ด้วย!
หอชิงเฟิงเป็นสถานที่รวมผู้คนมากหน้าหลายตาอยู่แล้ว หากคนที่หอชิงเฟิงรู้ ก็เท่ากับว่าคนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องแล้วเช่นกัน!
กู้จิ่นอวี้หน้าเขียว
จวงเมิ่งซีโยนถุงเงินไว้ก่อนจะเดินออกจากหอชิงเฟิงอย่างอารมณ์ดี
ใช่แล้ว นางลงเงินพนันไว้
ให้คนที่ก็รู้ว่าใคร
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ชื่อของกู้เจียวก็ปรากฏบนรายชื่อปิ่นงามที่อันดับสุดท้าย