บทที่ 252 สุดท้ายก็หนีอาบน้ำด้วยกันไม่พ้น
บทที่ 252 สุดท้ายก็หนีอาบน้ำด้วยกันไม่พ้น
ได้ยินดังนั้น โหลวจวินเหยาก็เลิกคิ้วจ้องนางสายตาประหลาดใจ “เจ้าแกล้งอะไรนาง?”
เท่าที่เขารู้ ชิงลั่วเยี่ยนเป็นสตรีนิสัยขี้ระแวง ไม่ว่าอะไรก็ระวังไปหมด กระทั่งคนที่รับใช้มานานยังไม่เชื่อใจเต็มที่ ไม่ต้องพูดถึงความเชื่อใจในตัวชิงอวี่ที่นางยังมีความเคลือบแคลงอยู่เลย
“ข้าใส่บางอย่างลงในธูปหอมที่นางจุดทุกวัน สร้างภาพมายาให้จินตนาการนางเตลิดไปไกล” ชิงอวี่เอ่ยพลางขยิบตา ใบหน้าเจ้าเล่ห์นัก
“ธูปหอม?”
“ใช่แล้ว หลายวันที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าสังเกตว่าชิงลั่วเยี่ยนมีพลังบำเพ็ญสูงส่งลึกล้ำ และมีโรคเรื้อรังมานาน นางเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องใช้ธูปหอมผสมตัวยาเพื่อทำให้หลับได้” ชิงอวี่อธิบาย
โหลวจวินเหยาได้ยินแล้วก็หลุดหัวเราะ “ทำบาปทำกรรมมามาก ไม่แปลกที่จะเป็นโรคนอนไม่หลับ”
ชิงอวี่พยักหน้าเห็นด้วย
“ดูท่าเรื่องที่ท่านเล่าจะจริง นางเห็นคนสองคนในความฝัน คนหนึ่งคือพี่สาวที่นางรู้สึกผิดและเสียใจที่สุด อีกคนคือท่านแม่ นางอ่อนไหวต่อสีแดงเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นสีโปรดของท่านแม่”
“ใช่แล้ว อีกทั้งนางยังอิจฉาอาหลานมาโดยตลอด” โหลวจวินเหยาพยักหน้าตอบ
ชิงอวี่ยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาส่องประกายประหลาด “นางไม่ปล่อยไว้เช่นนี้แน่ ต้องสืบเสาะหาต่อ ชางเจี้ยนเองเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากเขาหาคำอธิบายมาไม่ได้ นางย่อมต้องสงสัยชางเจี้ยน และเมื่อทั้งสองเริ่มแคลงใจต่อกัน ก็ถึงเวลาข้าเปิดตัว”
“เจ้าคิดกำจัดชางเจี้ยนที่ภักดีต่อนางที่สุดหรือ? แต่ชางเจี้ยนกล้ากระทั่งทรยศพระเจ้าเพื่อนาง เกรงว่าจะทำให้แตกหักกันนั้นคงยาก”
“แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งเดียวไม่อาจทำให้คนแคลงใจกันได้” ชิงอวี่ลูบคางตน เอ่ยต่อช้า ๆ “ข้อดีที่สุดของชางเจี้ยนคือการทำนายอนาคตจากดวงดาวได้ เป็นความสามารถที่ผู้อื่นไม่มี มีลางสังหรณ์แม่นยำกว่าใครในอารามศักดิ์สิทธิ์”
“ว่ากันว่าคนที่ฝึกตนเพื่อเป็นนักบวชนั้นเกิดมามีเนตรสวรรค์อีกคู่ แต่คนอื่นมองไม่เห็น แต่….. ถ้าชางเจี้ยนเสียเนตรนั้นไป ชิงลั่วเยี่ยนจะยังต้องการเขาอีกหรือ?” ชิงอวี่ยิ้มเย็นพลางเอ่ย
โหลวจวินเหยานัยน์ตาล้ำลึก เจ้าตัวเล็กยามโหดเหี้ยมก็หาใครเทียบได้ยากจริง ๆ
นักบวชที่ไร้เนตรสวรรค์ก็เหมือนคนพิการ ด้วยพวกเขามีพลังวิเศษจากเนตรคู่นี้ หากเนตรสวรรค์บาดเจ็บ ดวงตาปกติก็จะบาดเจ็บเช่นกัน กลายเป็นคนตาบอดไร้ประโยชน์ไป
โหลวจวินเหยาไม่กลัวว่าเด็กสาวอยู่ที่นี่จะตกที่นั่งลำบาก เพราะนางฉลาดและมีไหวพริบ ทั้งยังมีไพ่ตายซุกซ่อนไว้ไม่น้อย ไม่แน่นอกจากชิงลั่วเยี่ยนแล้ว ก็อาจไม่มีใครทำร้ายนางได้อีก อีกทั้งก่อนชิงลั่วเยี่ยนจะรู้ตัวตนนาง ก็คงไม่รีบร้อนทำอะไรผลีผลาม
ในตอนที่กำลังคุยนั่นเอง ชิงอวี่ก็พลันรู้สึกจั๊กจี้ที่จมูก จามออกมาเสียงดัง
ร่างนางสั่นอยู่สองสามครั้งก่อนจะรู้สึกหนาวอยู่บ้าง
โหลวจวินเหยานัยน์ตาทะมึนลง เห็นว่าแม้ชุดนางจะแห้ง แต่เรือนผมสีดำยาวยังเปียกโชกอยู่ ยังมีหยดน้ำหยดออกมาที่ปลายเส้นผม
แม้จะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ยามค่ำก็ยังหนาวอยู่ โหลวจวินเหยามองนางถูจมูกตนไม่รู้เรื่องแล้วอดใช้สายตาพิศวงมองนางไม่ได้ เขาคว้าแขนนางแล้วพาเดินไปทางหนึ่ง
ตอนแรกชิงอวี่ก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเดินสักพักก็มาถึงที่ นางก็ต้องชะงักไปในทันที
ตรงหน้านางคือบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่มีไอน้ำลอยเอื่อยขึ้นเหนือผิวน้ำ
“นี่เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ในน้ำมีพลังวิญญาณมากมาย เจ้าลงบ่อไป ไล่ไอเย็นออกจากร่างเสีย” โหลวจวินเหยาพูดไปก็ดึงร่างนางไปแล้ว
ยามชิงอวี่ตั้งสติได้ นางก็รีบส่ายหน้าทันที “ไม่ต้อง ๆ ข้าไม่หนาวแล้ว”
“เนื้อตัวเจ้ายังเย็นเฉียบเช่นนี้ แล้วยังบอกว่าไม่หนาวหรือ?” โหลวจวินเหยาเลิกคิ้วมอง
“ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า…..”
“ว่าเจ้าเกิดมามีร่างกายเย็นเฉียบเช่นนี้อยู่แล้วน่ะหรือ? เช่นนั้นก็เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้พิสูจน์ว่าน้ำนี่จะช่วยทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงและอบอุ่นได้หรือไม่” พูดจบ โหลวจวินเหยาก็ไม่คิดฟังข้ออ้างอีก ยื่นแขนออกผลักชิงอวี่ลงบ่อไปทันใด
“ว้าย นี้ท่าน…..!”
ชิงอวี่ไม่ทันระวัง สำลักน้ำไปหลายอึก หน้าแตกตื่นเล็กน้อย แต่มารู้ทีหลังว่าน้ำไม่ได้ลึกมาก เท้านางแตะถึงพื้น ลึกถึงแค่คอเท่านั้น
ในใจนางรู้สึกความโกรธอ่อน ๆ ที่พุ่งขึ้นมา ตวัดสายตาจ้องเขาด้วยความโกรธ “ข้าบอกว่าข้าไม่อยากแช่น้ำไง! ท่านผลักข้าลงมาทำไม!?”
โหลวจวินเหยายืนอยู่ด้านบน ก้มมองนางด้วยสายตาพึงพอใจแล้วเอ่ยเสียงขำขัน “ในเมื่อไม่รู้จักดูแลตนเอง เช่นนั้นข้าก็ต้องดูแลให้ เพราะอย่างไร….. ตอนนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว ข้าก็ต้องรับผิดชอบคนของข้า”
“ท่านว่าใครเป็นของท่านกัน?” ชิงอวี่หัวเราะหึเสียงเหยียด หันหน้าหนีด้วยรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ราวกับไม่อยากมองหน้าชายหนุ่ม
“อ้อ? เจ้าคิดปฏิเสธหรือ?” พอเขาได้ยินแล้วสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป น้ำเสียงเจือแววชั่วร้ายขึ้นมาทันใด “ดูท่าข้าต้องลงมือเตือนความจำเจ้าสักหน่อยแล้ว”
เขาพูดจบ ชิงอวี่ก็รู้สึกได้ถึงอันตราย รีบหันหน้ากลับไปหมายจะวิ่งหนี
แต่เขากลับรวดเร็วนัก นางพลันได้ยินเสียงน้ำดังตูม พริบตาต่อมาก็ถูกกอดเอาไว้แล้ว แน่นเสียงจนหลังแนบแผ่นอกร้อน ก่อนน้ำเสียงชั่วร้ายเจือแววขันจะเอ่ยขึ้นเหนือศีรษะ “คิดจะหนีไปไหน?”
ชิงอวี่ไม่กล้าขยับอีก ได้แต่ยืนกอดอกเอ่ยเสียงเบา “ข้าไม่ได้หนีสักหน่อย”
“ดี” โหลวจวินเหยาว่าพลางรัดวงแขนให้แน่นขึ้นอีกนิด “ทบทวนเรื่องเมื่อครู่สักหน่อยดีกว่า เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นของข้า แม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่ใช่งั้นหรือ?”
ชิงอวี่ได้ยินแล้วก็หลอกตาใส่ พึมพำเสียงเบาขึ้นว่า “ผมมันร่วงอยู่ตลอด ข้าจะไปคอยนั่งเฝ้าไม่ให้มันร่วงได้อย่างไร”
“อะไรนะ?”
“เปล่า…..”
จะโทษที่นางเป็นเช่นนี้ย่อมไม่ได้ ด้วยพวกนางอยู่ในสถานที่ห่างไกลผู้คน เงียบสงบไร้เงาคน บุรุษสตรีอยู่กันตามลำพัง เสื้อผ้าก็หุ้มไม่กี่ชั้น ทั้งยังกอดกันกลมเช่นนี้ นับเป็นสถานการณ์อันตรายยิ่งนัก
นางใช้พลังวิญญาณทำให้ชุดแห้งโดยเร็วเพราะไม่อยากให้เขาใช้เป็นข้ออ้างให้นางต้องมาอาบน้ำ แต่เมื่อครู่นางกลับจามออกมา เขาจึงลากนางมาอาบน้ำด้วยกันเสียนี่!
“ท่านให้ข้าลงมาแช่น้ำร้อนเพื่อไล่ไอเย็นในร่างไม่ใช่หรือ? แล้วท่านจะลงมาด้วยทำไมกัน…..” ชิงอวี่เอ่ยประท้วงพลางขยับตัวดุกดิก ชายหนุ่มตัวร้อนนัก ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวอยู่เล็กน้อย
อยู่ภายในบ่อน้ำร้อน ทั้งยังกอดเด็กสาวที่เสื้อเปียกชุ่มไปหมดเช่นนี้ ยามนางดิ้นดุกดิก โหลวจวินเหยาพลันรู้สึกราวกับเพลิงในร่างโหมลุกขึ้นมา แต่กลับไร้ที่ให้ปลดปล่อย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ได้แต่กัดฟันทนไป เขาบีบมือนางแน่น เอ่ยเสียงแหบพร่าเล็กน้อยออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าตากฝนมาเช่นกัน ข้าเองก็อาจจะจับไข้ได้”
สำหรับคนที่ไม่เคยเป็นไข้มานานกว่าสองร้อยปี หากเขามาจับไข้เพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็คงเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจนัก
“เช่นนั้นก็ปล่อยข้าแล้วไปแช่ตรงโน้น ท่านกอดข้าไว้เช่นนี้ข้าจะแช่น้ำดี ๆ ได้อย่างไร?” ชิงอวี่ว่าพลางกัดริมฝีปากเล็กน้อย ยื่นมือไปแกะมือใหญ่ที่เกาะกุมที่เอวตนเองออก
“ไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าใต้น้ำมีอันตรายใดซ่อนอยู่บ้าง หากข้าห่างกายเจ้าแล้วเกิดเรื่องจะไม่ทันกาลเอา” โหลวจวินเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นตาไม่กะพริบ
ในบ่อน้ำร้อนนั้นไร้อันตรายอะไร อีกทั้งฝีมือและความเร็วเขาสูงส่งเช่นนั้น เป็นคำที่ฟังไม่ขึ้นแม้แต่น้อย
มีหรือที่ชิงอวี่จะไม่รู้ว่าเขาเอ่ยวาจาไร้สาระ นางเดาะลิ้นเอ่ยโต้ “หากมีอันตรายใดข้าก็ปกป้องตนเองได้ อย่าคิดว่าข้าอ่อนแอเปราะบางเช่นนั้น”
ว่าแล้วนางก็เรียกพลังวิญญาณในมือแล้วซัดใส่มือโหลวจวินเหยาให้หลุดจากร่าง หมายจะว่ายไปอีกฝั่งของบ่อ บ่อนี้ใหญ่นัก น่าจะกว้างกว่าสิบเมตรเห็นจะได้
ยามเห็นนางออกห่างไปเรื่อย ๆ เช่นนั้น โหลวจวินเหยาก็หรี่ตาลง มุมปากยกสูง สีหน้าเย้ายวนชวนมองพลันปรากฏ พร้อมกับเสียงนุ่ม ๆ ที่เอ่ยขึ้นว่า “จิ้งจอกน้อย เจ้าเคยเห็นใครแช่บ่อน้ำร้อน….. ทั้งที่ยังสวมเสื้ออยู่บ้าง?”
ชิงอวี่สะดุ้ง ยังไม่ทันได้เข้าใจความนัยของประโยคที่เขาเอ่ย ไหล่งามก็เผยสู่สายตาในพริบตาถัดมา ชุดที่เปียกชุ่มสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลอยอยู่เหนือผิวน้ำราวกับกลีบดอกไม้ดอกเล็ก
นางยืนหันหลังให้เขา แผ่นหลังงามดั่งหยกแช่น้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเรียกเปลวเพลิงให้ลุกขึ้นในนัยน์ตาโหลวจวินเหยาได้แล้ว
ชิงอวี่เบิกตากว้างในทันที ไม่คิดว่าเขาจะชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้ กล้าใช้พลังวิญญาณทำลายชุดนางเพื่อฉวยโอกาสกับนาง!
“โหลวจวินเหยา! ท่านนี่มันไร้ยางอายได้มากกว่านี้อีกหรือไม่!?”
เขาเป็นเจ้าแคว้นมารนะ! เขามีพลังบำเพ็ญสูงส่งเช่นนี้เพื่อเอาไว้ใช้ทำลายเสื้อผ้าหญิงสาวงั้นหรือ?
แค่นี้ก็นับเป็นเรื่องชั่วร้ายเกินจะเอ่ยแล้ว!
นางเอามือปิดหน้าอกไว้แล้วหันข้าไป ใช้หางตาตวัดมองมาแทน “ท่าน…..”
“เจ้าอย่าโกรธเลย จะแช่บ่อน้ำร้อนก็ต้องถอดชุดอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ผลเท่าไหร่ หากเจ้ารู้สึกเสียเปรียบ เช่นนั้นข้าให้เจ้ามองกลับด้วยความยินดี”
น้ำเสียงเขาทั้งใสซื่อและจริงใจยิ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มดึงชุดออก เผยให้เห็นอกแกร่งที่มีกล้ามเนื้อเห็นชัด
ที่น่าแปลกคือผิวเขาเนียนมาก แต่กลับไม่ได้ดูคล้ายสตรีสักนิด ยิ่งเพิ่มความน่าหลงใหลยิ่งขึ้นอีก กล้ามเนื้อแน่นให้ความรู้สึกปลอดภัยยามได้มอง
ชิงอวี่เหลือบมองมันแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบหันหน้าหนี นางกัดริมฝีปากร้องเสียงดังขึ้น “มะ….. ไม่ต้องถอดแล้ว!”
“หือ?” โหลวจวินเหยากะพริบตา “แต่เจ้าว่าไม่ยุติธรรมไม่ใช่หรือ? ฉะนั้นข้าก็ต้องถอดให้เจ้ามองบ้างไม่ใช่หรือไร?”
“ไม่ต้อง!” ชิงอวี่รู้สึกในร่างร้อนรุ่มขึ้นครั้งแรกในชีวิต นางงอนิ้ว คิดจะดึงชุดจากมิติส่วนตัวมาเปลี่ยน ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาทั้งที่ยังไร้อาภรณ์ใดปกคลุมร่างเช่นนี้ มันน่าอายเกินไป
แต่พริบตาต่อมาร่างชายหนุ่มก็เข้ามาแนบร่างเปลือยเปล่านาง มือที่ใต้น้ำก็เริ่มซุกซนขึ้นมา
“ท่าน…..”
“เจ้าเป็นเด็กดีเสีย ข้าเพียงอยากกอดเท่านั้น”
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่มือเรียวกลับค่อย ๆ เคลื่อนจากเอวขึ้นมาเรื่อย ๆ