ตอนที่ 257 นาฬิกาทราย

ตอนที่ 257 นาฬิกาทราย

สิ่งเดียวที่ไม่สะดวกคือ พื้นที่ของฟางจือใส่เครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะนำอาหารที่ปรุงสุกแล้วไป อย่างเช่นข้าวกล่องที่ต้องแช่เย็น

พ่อครัวฉินรู้ว่าพวกเขากำลังจะเดินทางไกล ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะทำอาหารเพิ่ม และแช่แข็งไว้ให้พวกเขาเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทาง

ซูเถาจึงจำเป็นต้องปฏิเสธด้วยความปวดใจ

ที่รถของเธอมีตู้เย็น แต่มันก็เล็กเกินไปที่จะใส่อะไรลงไป

ถ้ามีรถบ้านเหมือนก่อนวันสิ้นโลกก็คงจะดี

พื้นที่ภายในกว้างขวางและครบครัน สามารถวางตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ได้โดยไม่มีปัญหา

แต่เวลาผ่านไป 20 ปีแล้วนับตั้งแต่วันสิ้นโลก และการผลิตรถบ้านระดับไฮเอนด์ประเภทนี้ได้เลิกผลิตไปนานแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะหามันมาครอบครอง

ด้วยความคิดที่จะลองดู ซูเถาขอให้จวงหว่านลองโพสต์ข้อความต้องการซื้อรถบนเว็บไซต์ทางการของเถาหยาง และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนจำนวนมากที่เข้ามาดู แต่ไม่มีใครตอบกลับ

ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำใจและระงับเรื่องการซื้อรถไว้ชั่วคราว

แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือถึงแม้ว่าเธอจะหาซื้อรถบ้านไม่ได้ แต่ติงเหออวี้ซึ่งพึ่งพาอาศัยได้ ได้ช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องการจัดเก็บอาหาร

หลังจากไม่ได้เจอกันพักใหญ่ ติงเหออวี้ก็เปลี่ยนไป หน้าตาของพวกเขาซีดเซียวและเบ้าตาลึกโบ๋

ซูเถามองเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างเขาก็ดูไม่ดีเช่นกัน

ติงเหออวี้แนะนำคนข้าง ๆ พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ

“เถ้าแก่ซู นี่คือชิวอินภรรยาของผม ขอโทษด้วยที่ต้องมาที่นี่อย่างกะทันหัน อย่าถือสากันเลยนะ แต่ผมต้องการรบกวนคุณบางอย่าง ผมรบกวนเถาหยางช่วยหาที่พักให้เธอสักระยะได้ไหม”

ซูเถาไม่ตอบโดยตรง แต่ถามว่า “ช่วงนี้สถานการณ์ที่อู๋ไถไม่ค่อยดีเหรอคะ?”

ติงเหออวี้ตาแดงขึ้นเรื่อย ๆ

“พวกอสรพิษบุกรุกเขตแดนอู๋ไถหลายครั้ง มันข้ามกำแพงมาฆ่ามนุษย์ทุกคืน พวกเราต้องออกไปจับพวกมันทั้งวันทั้งคืน แต่เราไม่สามารถแตะต้องได้แม้กระทั่งเงาของมัน ทำได้แค่เพิ่มแนวป้องกัน เพราะเกรงว่าวันหนึ่งสัตว์ร้ายตัวนี้จะปีนขึ้นไปทางหน้าต่างบ้านของเรา”

ซูเถารู้สึกเย็นยะเยือกในใจ “มันจับยากมากเลยเหรอ?”

ติงเหออวี้พยักหน้า “แม้ว่ามันจะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็ไม่สามารถถูกจับหรือทำการป้องกันได้ มันน่าสยดสยองมาก และพวกเขาก็ต้องเจอแบบนี้ทุกคืน…ไม่ใช่แค่ผม แต่ทุกคนในตงหยางก็ไม่มีใครได้นอน”

ชิวอินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็พยักหน้าอย่างอ่อนแรงพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาของเธอ

เธอรู้สึกอ่อนเพลีย และหัวใจที่เหนื่อยล้าสิ้นหวังก็โล่งทันทีที่เธอมาถึงเถาหยาง

ตอนนี้เธอนั่งอยู่ในออฟฟิศที่มีอุณหภูมิปานกลาง ดื่มนมอุ่น ๆ ทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอผ่อนคลาย และความง่วงก็เริ่มเข้ามาครอบงำ

ดีจังเลย…

แต่ในขณะเดียวกันหัวใจของซูเถายังคงเป็นกังวล

สัตว์เลื้อยคลานเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ ภารกิจของสือจื่อจิ้นในครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดีหรือเปล่า?

เขาจะกลับมาก่อนถึงวันที่เธอออกเดินทางใช่ไหม

เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอค่อย ๆ จางลง ติงเหออวี้ก็พูดเสริมทันที

“ผมไม่ได้จะมาพึ่งพาเถ้าแก่ซูเปล่า ๆ แต่ผมสามารถ ‘แบ่งปัน’ ความสามารถบางอย่างของผมกับคุณได้”

ซูเถาตกตะลึง “แบ่งปันความสามารถให้ฉันเหรอ”

มันต้องทำยังไงเหรอ?

ติงเหออวี้มอบนาฬิกาทรายใสสองอันให้หญิงสาว

แต่ความมหัศจรรย์คือทรายในนาฬิกาทรายจะอยู่ในสถานะคงที่ ไม่ว่าจะกลับหัวกลับหางอย่างไรก็ไม่เคลื่อนที่

ซูเถาเบิกตากว้าง

ติงเหออวี้อธิบายการใช้งานกับเธอ

“เวลาใช้คุณก็ทำลายมันในพื้นที่ที่ต้องการ มันจะสามารถหยุดนิ่งได้นานครึ่งเดือน ในระยะ 5 เมตรรอบตัว ในช่วงเวลานี้ น้ำและอาหารจะไม่เสื่อมสภาพ รวมไปถึงคนและสิ่งของจะไม่มีการเคลื่อนไหว”

“เถ้าแก่ซู ผมมีแค่สองอันนี้ ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับคุณที่จะไปกลับซินตู”

ซูเถาตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเสนอ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะถ้าเธอได้สิ่งนี้มา ตู้เย็นก็ไม่จำเป็นแล้ว

และถ้าประสบปัญหาหรือเจอเหตุสุดวิสัย ก็ให้โยนมันไปในบริเวณนั้นและวิ่งหนี เพราะกว่าศัตรูจะหลุดพ้น เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว

แต่เธอยังคงถาม “ของสิ่งนี้คุณเป็นคนทำขึ้นมาเหรอ หรือว่าจู่ ๆ คุณก็ได้พลังนี้มา”

ติงเหออวี้ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับเธอ

“หาผู้ที่มีพลังความสามารถสร้างมันขึ้นมาโดยสามารถบรรจุพลังของผมไว้ข้างใน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคน ๆ นั้นบอกว่าผู้ที่ใช้งานไม่สามารถดูดซับความสามารถของผมได้มากเกินไปในคราวเดียว ไม่อย่างนั้นผมก็ยากที่จะเตรียมอีกสองสามอันไว้ให้คุณ”

ซูเถารู้ว่าเขากำลังแสดงความจริงใจต่อเธอ

และทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ภรรยาของเขานอนหลับอย่างสงบ และไม่ต้องเผชิญกับความหวาดกลัว

ซูเถามองไปที่ชิวอินซึ่งที่ศีรษะเอนไปด้านข้าง ดูเหมือนว่าเธอจะอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก เธอจึงพูดกับติงเหออวี้

“พวกคุณรักกันมากเลยนะคะ”

ติงเหออวี้ยิ้มและหยิบแก้วใส่นมออกจากมือภรรยาของเขา

ชิวอินง่วงนอนมากจนเธอผล็อยหลับโดยพิงเขาเอาไว้

ซูเถาอิจฉาในความหวานชื่นนี้ จากนั้นเธอก็โบกมือแล้วพูดว่า

“เอาแบบนี้แล้วกันค่ะ ให้เธอนอนในห้องทำงานของฉันก่อน ไว้รอเธอตื่นขึ้นแล้วฉันค่อยจัดห้องให้เธอ แล้วคุณจะพักอยู่กับเธอไหมคะ?”

ติงเหออวี้ส่ายหัว “ตอนนี้ที่อู๋ไถค่อนข้างวุ่นวาย ผมคงต้องกลับไปก่อน พรุ่งนี้ผมก็ออกเดินทางแล้ว ยังไงขอบคุณเถ้าแก่ซูด้วย”

ติงเหออวี้ต้องการซื้อเสบียงอีกชุดก่อนออกเดินทาง แต่เขาก็ต้องเสียดายเมื่อรู้ว่าธุรกิจได้ปิดชั่วคราว

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ในอนาคตจะขายยาหรือเปล่า? ที่อู๋ไถมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องการยาจำนวนมาก ตอนนี้การผลิตในฐานของเราต้องชะงัก”

“ดังนั้นเราต้องส่งคนขึ้นเหนือไปที่ฉางจิงเพื่อซื้อของพวกเขา”

ซูเถาตอบว่า “บางทีเดือนหน้า ฉันอาจจะติดต่อคุณไป”

เธอคาดว่าหากการเดินทางไปซินตูในครั้งนี้เป็นไปด้วยดี การอัปเกรดขึ้นไปอีกระดับในเดือนหน้าก็จะไม่มีปัญหา!

ติงเหออวี้ตกตะลึง เขาแค่ถามเธอไปงั้น ๆ และไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก

เขาไม่คิดว่าเธอจะทำการขายจริง ๆ?!

เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซูเถาอีกสองครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน

เถาหยางมีครบทุกอย่างจริง ๆ เพราะอะไรที่นี่ถึงไม่ขาดแคลนอะไรสักอย่าง

ครั้งนี้ชิวอินอนหลับอย่างสบายมาก เธอหลับสบายจนไม่อยากตื่นขึ้นด้วยซ้ำ

จนกระทั่งเธอนอนหลับจนเพียงพอแล้วจริง ๆ เธอจึงรู้ว่าสามีของเธอกำลังเดินทางกลับอู๋ไถแล้ว

ในตอนแรกเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องเสียสมาธิอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นห้องใหม่ชั่วคราวของเธอ เธอลืมเรื่องสามีและเรื่องอื่น ๆ ไปจนหมดสิ้น

สิ่งที่ซูเถาเตรียมไว้สำหรับเธอคือห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ซึ่งเธอได้ทำการคัดลอกและวางเมื่อคืนนี้

ชิวอินชอบมันมาก เธอทำความคุ้นเคยกับมันทันที และถึงกับโทรหาพี่ชายของเธอเพื่ออวด

“ใช่ ฉันย้ายเข้ามาอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เย็นสบายไปหมด ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องชุดนี้คนเดียว เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่…”

ผู้อำนวยการชิวอิจฉาเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเมื่อเขาวางสาย เขาเห็นภรรยามองมาที่เขาอย่างเงียบ ๆ

“เหล่าชิว ทำไมคุณไม่ลาออกล่ะ เสี่ยวติงสามารถพาเสี่ยวอินไปอยู่ในเถาหยางได้แล้ว แต่คุณซึ่งทำงานเป็นระดับหัวหน้าในตงหยาง ยังทำให้ฉันกับลูกเผชิญกับความยากลำบาก”

ผู้อำนวยการชิวเดินหนีเธอไป

ชิวอินมีความสุข แต่เธอไม่สนใจความเป็นหรือความตายของพี่ชายของเธอ

ซูเถาผู้ได้นาฬิกาทรายมาสองเรือนก็มีความสุขไม่แพ้กัน เธอไปหาพ่อครัวฉินอีกครั้ง โดยขอให้เขาทำอาหารเพิ่มล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง จากนั้นเธอจะนำไปแช่แข็งและนำติดตัวไป

พื้นที่ของหลินฟางจือถูกเติมเต็มทีละเล็กทีละน้อยในช่วงหลายวันของการเตรียมของ

ซูเถาก็รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอคิดว่าตนเองคงไม่ได้รอสือจื่อจิ้นกลับมาแล้ว อีกอย่างเมื่อเขากลับมา ก็ไม่รู้ว่าแขนขาของเขายังจะอยู่ครบหรือเปล่า

อีกทั้งกลัวว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับสัตว์เลื้อยคลายมีชีวิต!

ฟันและกรงเล็บของมันกัดกรงเหล็กขนาดใหญ่ หางสีดำสนิทเต็มไปด้วยหนาม และใบหน้าที่เหมือนมนุษย์มีปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเขี้ยว