ตอนที่ 277 ประจบ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 277 ประจบ

เยียนอวิ๋นฉวนรอคอยเป็นเวลานานแล้ว

ในที่สุดก็รอจนคนมาเชิญเขาไปห้องโถง

เขาเดินทางมายังห้องโถงอย่างรีบร้อน สายตาจับจ้องไปยังเยียนอวิ๋นเกอที่กำลังสนทนาอย่างสนุกสนานกับหลิงฉางจื้อเป็นอันดับแรก

เอ๊ะ?

เหตุใดบรรยากาศจึงกลมเกลียวเพียงนี้

เขาเดินขึ้นหน้าด้วยความสงสัยและกระสับกระส่าย “ขอบพระคุณพี่ฉางจื้อ ลำบากน้องสี่มาเอง เป็นความผิดของข้า”

หลิงฉางจื้อหัวเราะ ลุกขึ้นตบไหล่ของเยียนอวิ๋นฉวน

“พี่อวิ๋นฉวนต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าคุณหนูสี่รู้ร่องรอยของท่านได้อย่างไร นางอาศัยกระดาษจดหมาย! ทันทีที่นางเห็นกระดาษจดหมาย นางก็รู้ว่าเป็นกระดาษชั้นดีจากโรงกระดาษตระกูลหลิง จากนั้นนางจึงเดาได้ว่าท่านหลบอยู่ที่นี่ คุณหนูสี่ช่างฉลาดเฉลียว มักสังเกตรายละเอียดที่ผู้อื่นละเลย”

คำประจบนี้…

เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้าเล็กน้อย ยอมรับอย่างใจกว้าง!

เยียนอวิ๋นฉวนตกตะลึงตาม “น้องสี่รู้ว่าข้าหลบอยู่ในจวนของพี่ฉางจื้อจากคุณภาพของกระดาษจดหมาย? มีความสามารถเสียจริง!”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่นั่งลงเถิด! ข้ามองท่านจนปวดคอไปหมดแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ…”

ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะร่า จากนั้นนั่งลงตามตำแหน่งของเจ้าบ้านและแขก

หลิงฉางจื้อพูดขึ้นก่อนในฐานะเจ้าบ้าน “พี่อวิ๋นฉวนสบายใจได้แล้ว ตามที่คุณหนูสี่บอก องครักษ์จินอู่จะไม่จับตาดูท่านไม่ปล่อยอีก เรื่องมีการเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว พวกเราลองฟังคุณหนูสี่ก่อนดีกว่า”

“องครักษ์จินอู่ไม่จับตาดูข้าแล้วจริงหรือ” เยียนอวิ๋นฉวนรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เขากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “สงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฝ่าบาททรงมีวิธีอื่นจัดการแล้วหรือ”

ไม่ต้องการให้ตระกูลเยียนเดินทัพต่อต้านกองทัพซีหยงแล้วหรือ

แม่ทัพผู้ใดเดินทางไปถึงตะวันตกเฉียงเหนือได้รวดเร็วเพียงนี้

หรือว่ากองกำลังเหลียงโจวไล่ตามกองกำลังซีหยงทันแล้ว

เขามีคำถามมากมาย

หลิงฉางจื้อส่ายหน้า “สาเหตุที่แท้จริงต้องถามคุณหนูสี่ ข้าก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน”

เยียนอวิ๋นฉวนมองเยียนอวิ๋นเกอตาปริบๆ

เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม พลางพูดขึ้น “เมื่อวานท่านแม่เข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังหลวง หลังจากที่เจรจากับฝ่าบาทเป็นเวลานาน ในที่สุดท่านแม่ก็โน้มน้าวฝ่าบาทสำเร็จ ทำให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระทัย”

“โน้มน้าวอย่างไร” เยียนอวิ๋นฉวนร้อนใจ

เยียนอวิ๋นเกอพูด “เนื่องจากข้าไม่ได้ตามเข้าวังหลวง ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เจรจาด้วยตนเอง ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านแม่โน้มน้าวอย่างไร”

เยียนอวิ๋นฉวนยังคิดจะซักถาม แต่กลับถูกหลิงฉางจื้อรั้งเอาไว้

“พี่อวิ๋นฉวนอย่ารีบร้อน ฟังคุณหนูสี่พูดก่อน”

เยียนอวิ๋นฉวน “…”

เขาฉงนเล็กน้อย!

วันนี้พี่ฉางจื้อผิดปกติ!

เหตุใดจึงเอาแต่ปกป้องน้องสี่

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนคุยเรื่องใดกัน ทำให้ท่าทีของพี่ฉางจื้อเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้

โชคดีที่เขามีความอดทน

หลิงฉางจื้อเกลี้ยกล่อมเขา เขาก็เชื่อฟัง “รอน้องสี่พูดต่อ”

เยียนอวิ๋นเกอยกถ้วยชาขึ้นมาถือเล่น

“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าองครักษ์จินอู่จับท่าน จากนั้นบังคับให้ท่านพ่อเดินทัพ มีประโยชน์หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉวนส่ายหน้าระรัว “ย่อมไร้ประโยชน์!”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ท่านแม่ทูลกับฝ่าบาทเช่นนี้เหมือนกัน ท่านพ่อมีบุตรชายและบุตรสาวมากมาย พวกเราไม่กี่คนตายไปก็ตายเปล่า ท่านพ่อไม่สนใจ แต่เนื่องจากความพยายามของท่านแม่ ในที่สุดฝ่าบาทก็ทรงเชื่อเรื่องนี้ นอกจากนั้นท่านแม่ยังเสนอแผนการให้ฝ่าบาท จัดการปัญหาที่ยากที่สุด”

เยียนอวิ๋นฉวนร้อนใจ น้องสี่ เจ้าพูดต่อเสียที! เจ้าไปเรียนรู้จากผู้ใดมา เหตุใดจึงมักพูดเพียงแค่ครึ่งเดียว

เยียนอวิ๋นเกอชะงักไป ก่อนจะพูดต่อ “หากต้องการให้ท่านพ่อเดินทัพ มีเพียงแลกเปลี่ยนด้วยผลประโยชน์ที่มากเพียงพอ เรื่องนี้ พี่ใหญ่คงไม่คัดค้านใช่หรือไม่!”

เยียนอวิ๋นฉวนพยักหน้าระรัว “น้องสี่พูดถูก หากต้องการให้ท่านพ่อเดินทัพ ย่อมต้องมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนที่เพียงพอ เพียงแต่ผลประโยชน์อย่างไรจึงจะทำให้ท่านพ่อเดินทัพได้ ขอน้องสี่โปรดชี้แนะ”

เยียนอวิ๋นเกอกวาดตามองไปทางหลิงฉางจื้อ “เรื่องที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องหลักของวันนี้ มีมูลค่ามหาศาล พวกท่านฟังให้ดี ท่านแม่ทูลขอเมืองป๋อไฮ่แทนท่านพ่อจากฝ่าบาท รอเพียงฝ่าบาททรงออกพระราชโองการเท่านั้น เมืองป๋อไฮ่ท่านว่าถือเป็นผลประโยชน์ที่เพียงพอหรือไม่ สามารถเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ท่านพ่อเดินทัพขัดขวางกองทัพซีหยงได้หรือไม่”

“อันใดนะ”

เยียนอวิ๋นฉวนตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

สีหน้าของหลิงฉางจื้อก็เปลี่ยนไป เขามองไปทางเยียนอวิ๋นเกอบ่อยครั้ง

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าช้าๆ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ใต้เท้าหลิงไม่ต้องมองข้า อนาคตสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เวลานี้พวกท่านสามารถลองครุ่นคิดและคาดเดาดู”

หลังจากที่เยียนอวิ๋นฉวนตกตะลึงแล้ว ความรู้สึกดีใจก็ตามมา

หากสามารถครอบครองเมืองป๋อไฮ่ได้ ย่อมหมายความว่าความสามารถของตระกูลเยียนจะก้าวกระโดดขึ้นไปอีกหลายขั้น

ในฐานะผู้สืบทอดของเยียนโส่วจ้าน หมายความว่าฐานะของเขาก็จะสูงขึ้นตาม

พื้นที่!

พื้นที่ก็คือความสามารถ!

คืออนาคต!

เยียนอวิ๋นฉวนไม่อยากเชื่อ เซียวฮูหยินจะทูลเสนอความคิดนี้ให้ฝ่าบาท นางยืนอยู่บนจุดยืนของตระกูลเยียนอย่างสมบูรณ์แบบ

นางยอมหรือ

ทันใดนั้น เขาก็กังวลขึ้นมา พลันกวาดตามองเยียนอวิ๋นเกอหลายครั้ง

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มให้เขา “พี่ใหญ่ดีใจใช่หรือไม่! องครักษ์จินอู่ไม่จับตาดูท่านไม่ปล่อยอีกต่อไป เวลานี้ท่านสามารถเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อ หรือกลับแคว้นซ่างกู่ หากท่านตัดสินใจกลับไป คำขอที่ท่านเขียนในจดหมายยังคงมีผล ข้าจะให้คนคุ้มกันท่านออกจากนครบาล”

เยียนอวิ๋นฉวนกลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาตญาณ

เขาถามอย่างระมัดระวัง “เหตุใดน้องสี่จึงยอมช่วยข้า เจ้าสามารถแสร้งทำเป็นไม่ได้รับจดหมายของข้า หรือกระทั่งเปิดเผยร่องรอยของข้าให้องครักษ์จินอู่…อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจ้าทำได้มีอีกมาก เหตุใดจึงยอมช่วยข้า”

“เหตุใดพี่ใหญ่จึงขอความช่วยเหลือจากข้า” เยียนอวิ๋นเกอถามเขากลับ

เยียนอวิ๋นฉวนครุ่นคิดพลางพูด “ข้าแค่อยากลองดู ความจริงแล้วไม่ได้คาดหวังมากนัก”

คำพูดนี้จริงใจเพียงพอ

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “พี่ใหญ่จริงใจต่อข้า ช่วยเหลือและออกหน้าแทนข้าหลายครั้ง ข้าสมควรตอบแทนท่าน ท่านเขียนจดหมายขอให้ข้าช่วย แสดงว่าท่านยังคงมีความคาดหวังในตัวข้าเล็กน้อย ข้าจะทรยศต่อความคาดหวังของท่านได้อย่างไร”

คำพูดนี้สง่างาม!

เยียนอวิ๋นฉวนแทบจะซาบซึ้งแล้ว

“น้องสี่ใจกว้างเสียจริง ไม่ถือสาข้าเพียงเพราะฐานะของพวกเราแตกต่างกัน”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ฐานะคือฐานะ มิตรภาพคือมิตรภาพ ข้าแยกแยะได้ วันอื่นหากพี่ใหญ่คิดจะพุ่งเป้ามาทางข้า ท่านก็เข้ามาได้เลย ข้าก็จะไม่เกรงใจเช่นเดียวกัน”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจน้องสี่ที่ยอมช่วยเหลือ ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก เจ้าวางใจ ไม่ว่าภายหน้าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ข้ารับรองว่าจะเปิดเผย ไม่เล่นลับหลัง พวกเราแข่งขันตามความสามารถของตนเอง”

“ดีมาก!”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มตาหยี สิ่งที่นางต้องการก็คือประโยคนี้

“พี่ใหญ่ตัดสินใจเถิด ท่านจะอยู่ในเมืองหลวงต่อ หรือกลับแคว้นซ่างกู่”

เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้วครุ่นคิด

หากเป็นแต่ก่อน เขาจะเลือกอยู่ในเมืองหลวงต่ออย่างไม่ลังเล

แต่เวลานี้…

หากเมืองป๋อไฮ่ตกอยู่ในมือของตระกูลเยียน เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองหลวงต่อ

กลับไปย่อมมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่รออยู่!

แต่ว่าเขาไม่ตอบในทันที “ขออภัยน้องสี่ ตกลงว่าจะอยู่หรือจะไป ข้ายังไม่สามารถตัดสินใจได้ น้องสี่ให้เวลาข้าไตร่ตรองอีกสักหน่อยได้หรือไม่”

“ได้! รอท่านไตร่ตรองเสร็จแล้ว ส่งคนมาบอกข้าได้ทุกเวลา แต่เรื่องในราชสำนัก ข้าช่วยไม่ได้ ยังต้องรบกวนใต้เท้าหลิงจัดการให้พี่ใหญ่”

หลิงฉางจื้อรับปากด้วยความยินดี “ข้ากับพี่อวิ๋นฉวนสนิทกัน ช่วยเหลือพี่อวิ๋นฉวนเป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ”

เยียนอวิ๋นฉวนซาบซึ้งอย่างมาก ขอบตาของเขาแดงก่ำ “พี่ฉางจื้อช่วยเหลือข้ามากมาย ข้าเกรงใจยิ่งนัก ไม่รู้จะตอบแทนพี่ฉางจื้อได้อย่างไร”

“พี่อวิ๋นฉวนไม่ต้องเกรงใจ!”

การสนทนานี้ดำเนินไปในบรรยากาศที่ราบรื่นและอบอุ่น…

เรื่องที่ควรเจรจาจบสิ้นแล้ว เยียนอวิ๋นเกอจึงลุกขึ้นขอตัว

หลิงฉางจื้ออยากให้นางอยู่ทานอาหาร แต่นางส่ายหน้าปฏิเสธ

“พ่อครัวของตระกูลหลิง อืม ไม่เอาดีกว่า!”

ฝีมือการทำอาหารของนางดี ปากก็เลือกกิน

ฝีมือของพ่อครัวตระกูลหลิง ไม่เข้าตานาง

บางทีผู้อื่นอาจคิดว่าฝีมือของพ่อครัวตระกูลหลิงดีเลิศ

แต่นางไม่ชอบทานอาหารที่พ่อครัวตระกูลหลิงทำ

อีกอย่าง นางจะอยู่ทานอาหารได้อย่างไร

ไม่เหมาะสม!

นางขอตัวลากลับไปทานอาหารเที่ยงที่จวนท่านหญิง

เยียนอวิ๋นฉวนค่อยๆ สงบลง สติของเขาฟื้นคืนกลับมา

“น้องสี่ดีเช่นนี้จริงหรือ”

ไม่เพียงไม่กลั่นแกล้งเขา อีกทั้งยังสัญญาว่าจะช่วยเขา

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือเซียวฮูหยินจะช่วยตระกูลเยียนเรียกร้องพื้นที่จากฮ่องเต้

เรื่องในวันนี้ทำให้เขามีคำถามอย่างมาก

“พี่ฉางจื้อ ท่านช่วยข้าวิเคราะห์ได้หรือไม่ น้องสี่มีเจตนาอย่างไรกัน ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนที่นางพูด”

หลิงฉางจื้อรินสุราให้เขา “หากตระกูลเยียนสามารถครอบครองเมืองป๋อไฮ่ได้จริง ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือ”

ยังต้องพูดอีกหรือ ย่อมต้องเป็นเรื่องดี

เยียนอวิ๋นฉวนพยักหน้าระรัว

หลิงฉางจื้อถามอีก “เยียนอวิ๋นเกอไม่ถือสาชาติกำเนิดของท่าน ยอมช่วยท่านด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือ”

ย่อมเป็นเรื่องที่ดี!

ดังนั้น หลิงฉางจื้อจึงสรุป “ในเมื่อเป็นเรื่องที่ดี เหตุใดพี่อวิ๋นฉวนจึงต้องกังวลใจ ท่านเพียงแค่พักอยู่ในจวนอย่างสบายใจ รอข่าวจากภายในวังก็พอ”

ง่ายเพียงนี้จริงหรือ

เยียนอวิ๋นฉวนอยากไม่เชื่อ

เขาครุ่นคิดพลางพูด “แต่ก่อนน้องสี่ไม่ได้ขอร้องง่ายเพียงนี้”

หลิงฉางจื้อยิ้ม ก่อนจะสรุปอีกครั้ง “คนย่อมต้องเติบโต”

เป็นเช่นนี้จริงหรือ

เยียนอวิ๋นฉวนรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกหลอก

——————-