ตอนที่ 201

My Disciples Are All Villains

ทันใดนั้นเองชุดขนเมฆาก็ได้ระเบิดพลังออกมาพร้อมกับแสงสีฟ้า เมื่อพลังอันแปลกประหลาดเข้าใกล้หยวนเอ๋อ ในตอนนั้นเองมันก็ถูกพลังแสงสีฟ้าลบล้างไป

“ชุดขนเมฆาอย่างงั้นหรอ? “

แม้ว่ามันจะลบล้างพลังไปได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ถึงแบบนั้นหยวนเอ๋อที่ได้รับพลังไปก็ได้เดินโซเซถอยกลับหลังไป นางได้ตั้งหลักตัวเองใหม่ก่อนที่จะยืนหยัดได้อีกครั้ง

ในตอนแรกหลี่จิงยี่คิดเอาไว้ว่าสาวน้อยที่โดนพลังไปจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ถึงแบบนั้นด้วยพลังของชุดขนเมฆาทำให้หยวนเอ๋อแทบที่จะไม่ได้เป็นอะไรเลย ‘สาวน้อยคนนี้เป็นใครกันแน่? ‘

ในตอนนั้นเองคนรับใช้ที่กำลังยืนอยู่บนลานบ้านสกุลซีได้แต่มองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับตะโกนขึ้น “นายน้อย! “

เมื่อหยวนเอ๋อหมุนตัวกลับมา ในตอนนั้นเองนางก็ได้ปล่อยสายสะพายแห่งนิพพานออกมา หยวนเอ๋อได้หันกลับไปมองบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ “ข้ายังสบายดี! “

เมื่อซีหยวนเห็นสถานการณ์ค่อนข้างที่จะดูแย่ ตัวเขาก็รีบวิ่งกลับไปหาลู่โจวที่ห้อง แม้ว่าซีหยวนจะเป็นคนที่กล้าหาญขนาดไหน แต่เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วตัวเขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้ “หยวนเอ๋อกำลังตกอยู่ในอันตราย! ได้โปรดเถอะท่านผู้อาวุโส! ได้โปรดช่วยนางด้วย! ” ซีหยวนรีบวิ่งมาที่ประตูอย่างมีความหวัง ตัวเขาที่ขอความช่วยเหลือไปแล้วได้แต่ยืนรอคำตอบ

ลู่โจวยังคงนั่งสมาธิอยู่ที่ห้องของตัวเอง ความจริงแล้วตัวเขาได้ยินเสียงจากทางด้านนอกทุกอย่าง แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ทุกครั้งที่นั่งทำสมาธิพลังจิตใจของลู่โจวเติบโตมากขึ้นไปอีก

ลู่โจวไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เมื่อตัวเขาทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไปมากขึ้น ตัวเขาก็รู้สึกได้ว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น และแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก…เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบทสวดพระสูตรแห่งพราหมณ์และการโจมตีจากเวทมนตร์คาถา พลังพิเศษที่ได้มาจากจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้นก็จะทำงานขึ้นมา

แต่ในคราวนี้มันแตกต่างกันออกไป ความรู้สึกที่ลึกลับนี้เองทำให้ลู่โจวรู้สึกราวกับว่ากำลังควบคุมพลังพิเศษนี้ได้ ลู่โจวไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไป ถ้าหากหยุดตัวเองไปกลางคันการที่จะฝึกฝนสมาธิจนเข้าสู่สภาวะอันแสนลึกลับแบบนี้อีกครั้งได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่

ในขณะเดียวกันหลี่จิงยี่ก็กำลังเข้าใกล้รถม้าลอยฟ้าไปมากขึ้น นางได้หมุนฝ่ามือของตัวเองไปมาก็เพื่อที่จะต้านทานพลังจากการโจมตีของรถม้าลอยฟ้า…

“ช้าไป! ” เสียงที่ดังสนั่นได้ดังมาจากรถม้าลอยฟ้า

พลังทำลายล้างจำนวนมากได้ลอยมาตามเสียงเมื่อครู่นี้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเองก่อตัวกันเป็นรูปเป็นร่างก่อนที่จะพวกมันจะระเบิดไปราวกับฟองสบู่

ตู๊ม!

หลี่จิงยี่ถูกแรงระเบิดเข้าอย่างจัง นางได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นไป

หมิงซี่หยินในตอนนี้ได้ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “ศิษย์พี่สาม! พวกเราคงจะต้องเอาจริงบ้างแล้วล่ะ! “

“พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี! “

พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีทั้งสองร่างได้ปรากฏตัวขึ้นที่กลางอากาศ

เคียวพื้นพิภพและหอกราชันย์ได้แทงทะลุไปที่กลางอกของเหล่าผู้ฝึกยุทธสวมหน้ากาก

หยวนเอ๋อได้วิ่งไปตามหลังคาก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปบนกลางอากาศอีกครั้ง นางได้ดึงสายสะพายนิพพานกลับมาก่อนที่จะบินข้ามผู้ฝึกยุทธที่สวมหน้ากากทั้ง 2 ไป นางรีบพุ่งตรงไปหาหลี่จิงยี่นั่นเอง “ศิษย์พี่! “

กระบวนท่าเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้ของหยวนเอ๋อเป็นกระบวนท่าที่เหมาะสมกับสายสะพายแห่งนิพพานเป็นอย่างมาก

“ให้พวกเราจัดการเอง! ” หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มุ่งหน้าไปยังผู้ฝึกยุทธสวมหน้ากากทั้งสองคนที่เหลืออยู่

ผู้ฝึกยุทธสวมหน้ากากทั้งสองไม่ได้มีพลังวรยุทธที่แข็งแกร่งอะไร พลังวรยุทธของพวกเขาห่างไกลกับหมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงมาก

หยวนเอ๋อสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดายก็จริง แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไป…

สายสะพายนิพพานได้ยื่นออกมาก่อนที่จะเอื้อมไปยังตัวของหลี่จิงยี่ มันได้รองรับหลี่จิงยี่เอาไว้ก่อนที่นางจะร่วงหล่นลงสู่พื้น

หยวนเอ๋อได้ดึงตัวของหลี่จิงยี่เอาไว้ด้วยสายนิพพาน ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ ลงมาสู่พื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

“นี่แหละที่ข้าต้องการ! “

ดาบขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าอีกครั้ง นี่มันอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดสินะ?

ดาบขนาดใหญ่ได้ขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น

หลี่จิงยี่เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว “รีบหนีเร็วเข้า! ” ในตอนนี้นางได้หลุดพ้นจากสายสะพายนิพพานแล้ว หลี่จิงยี่ได้ผลักตัวของหยวนเอ๋อให้ห่างจากตัว

หยวนเอ๋อขมวดคิ้วของตัวเอง “เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่? ” หยวนเอ๋อในตอนนี้ไม่อยากที่ทำให้ภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบหมายมาต้องล้มเหลวไป “ข้าจะต้องทำตามภารกิจ…ภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบหมายให้ข้า! “

“เคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์! “

ด้วยการเคลื่อนไหวที่ว่องไวร่วมกับร่างอวตารแห่งร้อยวิถีของหยวนเอ๋อ ทำให้นางสามารถปรากฏตัวข้างๆ กับหลี่จิงยี่ได้อย่างง่ายดาย

สายสะพายนิพพานได้ปกป้องพวกนางทั้ง 2 จากทางด้านบน

“สาวน้อย…” พลังที่น่ากลัวได้ไหลผ่านร่างกายของหลี่จิงยี่ไป

ตู๊ม!

พลังงานได้ไหลผ่านร่างของทั้งสองคนไป

หยวนเอ๋อและหลี่จิงยี่ได้ล่าถอยกลับไป

“ข้าไม่เป็นไร! ” หยวนเอ๋อได้ดึงสายสะพายนิพพานกลับไป

หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงต่างก็กำลังจัดการกับคู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังเตรียมที่จะไปช่วยผู้เป็นศิษย์น้อง

ในตอนนั้นเองเมฆครึ้มก็ได้ลอยตรงมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองอันยาง มันกำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วสูง!

หลี่จิงยี่ได้คว้ามือของหยวนเอ๋อเอาไว้ก่อนที่จะลงสู่พื้น “พวกเราจะต้องถอยแล้ว! ศัตรูที่แข็งแกร่งกำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว! “

รถม้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้าเองก็รับรู้ได้ถึงพลังของศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นกัน

หมิงซี่หยินมองไปที่เมฆสีเทาที่กำลังลอยตรงมา เมฆที่พวกเขาเคยเห็นเป็นเหมือนกับภาพพร่ามัวจากระยะไกลเท่านั้น เมื่อสิ่งๆ นั้นเข้าใกล้ทุกคนต่างก็ได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน ของสิ่งนั้นความจริงแล้วก็คือรถม้าลอยฟ้าสีน้ำตาลนั่นเอง…

ธงขนาดใหญ่ได้โบกสะบัดไปมาบนรถม้าลอยฟ้า บนธงผืนนั้นมีรูปกระบี่นิลโลหิตประทับอยู่ ที่ใต้สัญลักษณ์นั้นเองมีตัวหนังสือขนาดใหญ่อยู่เช่นกัน

“นายท่าน ยู่เฉิงไห่ เจ้าสำนักอเวจีมาอยู่ที่นี่แล้ว! “

พลังลมปราณที่ผันผวนอยู่รอบรถม้าลอยฟ้าแตกต่างจากรถม้าลอยฟ้าของตัวปลอมเป็นอย่างมาก ‘ยู่เฉิงไห่อยู่ที่นี่อย่างงั้นหรอ? ‘ ในตอนนี้หัวใจของยู่เฉิงไห่ตัวปลอมเต้นไม่เป็นจังหวะ ยู่เฉิงไห่ตัวปลอมพยายามที่จะรวบรวมพลังลมปราณเอาไว้ที่รอบๆ รถม้าของตนอีกครั้ง แต่ในตอนนี้ตัวเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป รถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจีได้ใกล้เข้ามาแล้ว มือของยู่เฉิงไห่ตัวปลอมสั่นเครือไปทั้งมือ “เตรียมถอยได้”

“รับทราบ”

ชายคนนั้นได้แต่เหลือบมองไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สวมชุดขนเมฆาอยู่ “สาวน้อย เจ้าได้ทำลายแผนการของเราอย่างไม่เป็นท่า ยังไงซะเจ้าก็คงจะหนีไม่รอดแน่…”

พลังสีม่วงอันแปลกประหลาดได้ออกมาจากรถม้าลอยฟ้าคันเดิมอีกครั้ง! มันได้ก่อนตัวก่อนจนเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ก่อนที่จะพุ่งไปยังหยวนเอ๋อ

“เจ้าพยายามทำร้ายศิษย์น้องเล็กของข้าอีกแล้วสินะ? เจ้าน่ะจะต้องผ่านศิษย์พี่อย่างข้าให้ได้ซะก่อน! ” หมิงซี่หยินได้คว้าเคียวพื้นพิภพเอาไว้ก่อนที่จะต้านพลังอันแปลกประหลาดเอาไว้

หอกราชันย์เองก็ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน “คลื่นพันวิถี! “

แม้ว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์ทั้ง 2 ชนิดจะทรงพลังแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่อาจที่จะหยุดพลังกรงเล็บสีม่วงขนาดใหญ่ได้

“ไม่มีประโยชน์! นั่นมันเวทมนตร์คาถา! ” หลี่จิงยี่รีบดังหยวนเอ๋อถอยกลับไปก่อนที่จะเริ่มวิ่งหนี

แต่มันสายเกินไป พลังกรงเล็บยักษ์ได้ลอยมาใกล้พวกนางมาติดๆ

ในเวลาเดียวกันนั้นเองผู้ฝึกยุทธทั้งสี่ก็ได้กระโดดลงมาจากรถม้าคันใหม่ พวกเขาทั้งหมดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า

หลี่จิงยี่และเหวยซู่หยานยังคงไม่รู้เรื่องของตัวปลอม พวกเขาทั้งคู่คิดว่ารถม้าลอยฟ้าที่เพิ่งจะบินมาถึงเป็นกำลังเสริมของสำนักอเวจี

นี่เป็นสถานการณ์ที่ดูน่าสับสนอย่างแท้จริง

หลี่จิงยี่ได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “สาวน้อย เจ้าน่ะเคยช่วยข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะแบบนั้นให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าเถอะ…ช่วยพาเหวยซู่หยานหนีไปกับเจ้าที เหวยซู่หยานจะตายที่นี่ไม่ได้! ” ในขณะที่หลี่จิงยี่พูด ในตอนนั้นเองนางก็กำลังปลดปล่อยเคล็ดวิชาขั้นสุดยอดออกมา…

เหนือบ้านสกุลซีที่ที่ลู่โจวกำลังทำสมาธิอยู่ ในตอนนั้นเองคลื่นพลังแสงสีฟ้าก็ได้ปะทุขึ้นมา

พลังแสงสีฟ้าได้ทะลุดาดฟ้าขึ้นไปบนอากาศ

พลังลำแสงได้ลอยพุ่งขึ้นไปพร้อมกับเสียงที่ดังก้องกังวล

“ไสหัวไปซะ! “

คลื่นเสียงของคำว่า ‘ไสหัวไปซะ’ ได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่จะขยายตัวไปทั่วทั้งเมืองอันยาง

หมิงซี่หยิน, ต้วนมู่เฉิง หลี่จิงยี่ และหยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นต่างก็ลอยกลับมาสู่พื้น

พลังคลื่นเสียงได้เคลื่อนตัวไปที่ด้านบนก่อนที่จะแผ่ขยายไปทั่วทั้งท้องฟ้า

ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดที่กำลังลอยอยู่ต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังนี้

‘เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการพูด พลังที่แม้แต่ความเป็นจริงก็ไม่อาจที่จะพรรณนาได้ คนคนนั้นจะต้องเข้าใจซึ่งคำพูดของทุกสรรพสิ่งในต่างที่ให้ได้ซะก่อน’ สิ่งนี้มันก็คือพลังแห่งสัจจะที่เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้พูดถึงเอาไว้

ลู่โจวในตอนนี้กำลังรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะคืบคลานมา และเพราะแบบนั้นพลังพิเศษที่ลู่โจวมีจึงปะทุออกมาตามสัญชาตญาณ

คำว่า ‘ไสหัวไปซะ! ‘ เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องจนผู้ฝึกยุทธทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

ในตอนนี้พลังกรงเล็บสีม่วงอันใหญ่ยักษ์ได้จางหายไปแล้ว

พลังที่ถูกปล่อยออกมาจากรถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจีเองก็หายไปเช่นกัน พลังทั้งหมดไม่ทันที่จะได้ก่อตัวขึ้นมาซะด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็สูญเสียการควบคุมตัวไปเมื่อได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้

แม้แต่สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักอเวจีเองก็ยังล่าถอยกลับไปเช่นกัน ใบหน้าของทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ทั่วเมืองอันยาง พลังคลื่นเสียงนั้นได้กระจายไปกว่าหลายไมล์โดยที่มีบ้านสกุลซีเป็นจุดศูนย์กลาง…

ชาวเมืองทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของคำว่า ‘ไสหัวไปซะ’ ได้อย่างชัดเจน

กองทัพกบฏรวมไปถึงทหารทั้งหลายจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เองต่างก็ได้ยินเช่นกัน

หลี่จิงยี่และคนอื่นๆ ต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง

มีเพียงรถม้าลอยฟ้าที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันพลังคลื่นเสียงได้ สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่เป็นผู้ที่ป้องกันพลังนี้นั่นเอง แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะป้องกันพลังเอาไว้ได้แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของพวกผู้พิทักษ์ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

รถม้าลอยฟ้าที่อยู่ทางทิศใต้ดูเหมือนจะได้รับผลไปเต็มๆ รถม้าลอยฟ้าทั้งคันพยายามที่จะหนีจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด

หลังจากที่มีเสียงดังขึ้น ในตอนนี้ท้องถนนของเมืองอันยางก็ได้เงียบลงอีกครั้ง

ดวงตะวันยังคงทอแสงอย่างงดงาม ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าขยับไปไหนหรือแม้แต่จะส่งเสียงออกมา

ผู้คนทั้งหมดต่างก็หันมองไปรอบๆ พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกสับสน, รู้สึกกลัวกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน

ครืด….

ประตูหน้าบ้านสกุลซีได้เปิดออกมาอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับมือที่ยังไขว้หลังอยู่

“ท่านอาจารย์! “

“ท่านอาจารย์ครับ! “

หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงต่างก็คุกเข่าลงบนพื้น

หยวนเอ๋อเองก็คุกเข่าเช่นกัน “ท่านอาจารย์! “

ลู่โจวไม่ได้ต้องการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้…แต่ในตอนนี้ตัวเขาเหลือพลังลมปราณที่ตัวเองไม่มากนัก ความเป็นจริงแล้วลู่โจวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้พลังพิเศษก่อนหน้านี้ได้ยังไงกัน แต่ถึงแบบนั้นพลังพิเศษที่ได้ปล่อยออกไปก็ได้เผาผลาญพลังลมปราณเกือบทั้งหมดที่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างเขาพอจะมีไป…จิตใจของลู่โจวยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากที่ทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงทำได้แต่เพียงค่อยๆ เดินออกมาจากบ้านสกุลซีได้อย่างช้าๆ เท่านั้น ในระหว่างที่เดินไปด้วยลู่โจวก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ตัวเขาใช้พลังพิเศษเมื่อครู่นี้อีกครั้ง

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะดูเหมือนเพียงชายชราที่อ่อนแอ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะมาดูถูกเขาคนนี้ได้ เขาเป็นถึงอาจารย์ของยอดฝีมือทั้งสาม

ศิษย์ทั้งสามของลู่โจวยังคงคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงกัน

ลู่โจวในตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ถนนทางเดินสี่แยกแห่งหนึ่ง ตัวเขาได้หันไปมองทั้งสี่ทิศที่อยู่รอบตัว กองทัพกบฏอยู่ที่ด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาเป็นเหวยซู่หยานและหลี่จิงยู่

ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่ลู่โจวด้วยเช่นกัน

หลี่จิงยี่ได้คุกเข่าลงก่อนที่จะคารวะลู่โจว “ขอบคุณมากที่ช่วยขับไล่สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักอเวจีไปท่านผู้อาวุโส! “

บนท้องฟ้า…สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ตัวจริงกำลังลอยอยู่บนกลางอากาศ พวกเขาทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าน่ะหลี่จิงยี่อย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้มองไปที่หลี่จิงยี่ที่อยู่ถัดออกไปจากหยวนเอ๋อ