ตอนที่ 97: กล้าหรือกลัว 2
ทว่า เสี่ยวเฉิงไม่ได้ใส่ใจคําพูดนั้นเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหยิบใบเช็คชื่อออกมาจากแฟ้มเอกสาร หลังจากเหลือบมองไปยังเหล่าลูกน้อง เสี่ยวเฉิงก็พูดขึ้น “งั้นผมจะทําความรู้ จักกับพวกคุณก่อนก็แล้วกัน เรียกชื่อใครก็ช่วยยกมือขึ้นด้วยล่ะ”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เริ่มเรียกชื่อ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่พวกเขายังยกมือขึ้นเพราะมันเป็นหน้าที่
แต่ทว่า กลับมีเจ้าหน้าที่สองคนหายไปจากทีม ด้วยเหตุนั้น เสี่ยวเฉิงจึงถามด้วยความสงสัย “แล้วหลี่เชาว์กับหวู่กังหายไปไหน?”
ทว่า ทั้งแปดคนก็ขี้เกียจเกินกว่าจะตอบ
เสี่ยวเฉิงพลันรอคําตอบอยู่ประมาณครึ่งนาที ทันใดนั้น เขาก็พลันกระแทกเอกสารลงบนโต๊ะทํางานและถามขึ้น “เดี๋ยวพวกคุณได้รู้แน่ว่าผมเหนือว่ายังไง ผมอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ก็จริง แต่อย่างน้อย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมก็สามารถเอาชนะผู้นําแห่งแก๊งเต่าดําได้! ถ้าพวกคุณทําแบบนั้นได้เหมือนกัน นั่นก็อาจจะแปลว่าผมไม่คู่ควรที่จะเป็นกัปตันของหน่วยสอง แต่ถ้าพวกคุณทําอะไรแบบนั้นไม่ได้ ก็ช่วยทําตัวให้มันดีกว่านี้หน่อยเถอะ!”
ทันใดนั้น ทั้งกลุ่มก็พลันรู้สึกโกรธขึ้นมา แต่พวกเขาในตอนนี้ก็เถียงอะไรไม่ได้ ไม่ช้า ชายคนหนึ่งก็พลันกล่าวคําพูดออกมา ” ที่นี่คือหน่วยสืบสวนอาชญากรรม ไม่ใช่หน่วยตํารวจรบพิเศษสักหน่อย แค่สู้เก่งอย่างเดียวมันจะไปเลิศเลออะไรนักหนาล่ะ?”
หลังจากนั้น ชายอีกคนก็พลันชี้นิ้วไปที่ศีรษะของตัวเองและพูดขึ้น “ตรงนี้ต่างหาก คุณต้องใช้สมองเพื่อต่อสู้กับอาชญากรสิ เพราะถ้าไม่ใช่สมองบ้าง คุณก็คงจะจับอาชญากรไม่ได้หรอก!”
“แต่หลังจากยืนฟังพวกคุณพูดอยู่ตั้งนาน ผมว่าพวกคุณนี่แหละไม่มีสมอง” เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มออกมา
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ทั้งแปดก็พลันแปรเปลี่ยนไป อันที่จริง กัปตันคนใหม่ไม่คิดจะผูกมิตรกับลูกน้องตั้งแต่แรกเจอเลยด้วยซ้ํา อีกทั้ง เขายังมีทัศนคติสุดน่ากลัวอีกด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ทําให้ทั้งแปดคนตกตะลึง เสี่ยวเฉิงไม่รู้ตัวเลยหรือยังไงว่าเขากําลังทําให้ตัวเองกลายเป็นกัปตันที่ปราศจากลูกน้อง?
“ถ้าพวกคุณมีสมอง ก็คงจะไม่พูดกับหัวหน้าของตัวเองแบบนี้หรอก ถึงแม้ว่าผมจะบังคับพวกคุณไม่ได้ แต่ผมก็ยังสามารถเพิ่มความคิดเห็นเชิงลบลงไปในเอกสารประเมินงานของพวกคุณทุกคนได้นะ แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว เดี๋ยวพวกคุณก็คงจะได้รู้ซึ้งเองแหละ แต่ตราบใดที่พวกคุณมีสมอง สําหรับการทํางานที่เป็นระบบ ก็น่าจะรู้ตัวกันดีนะว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับหัวหน้าของตัวเอง เพราะถ้าพวกคุณหัวรั้นขนาดนั้น ก็แสดงว่าไม่มีสมอง…”
ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็พลันโต้กลับ “ถ้าคุณอยากใช้ยศถาบรรดาศักดิ์มาบังคับให้เรายอมจํานน ก็ต้องขอโทษด้วยนะ พวกเรายอมก้มหัวให้เฉพาะคนที่มีความสามารถจริง ๆ เท่านั้น ไม่อย่างนั้น พวกเราจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอาชญากรเพื่อคุณทําไมกันล่ะ?”
“พูดได้ดี ผมอ่านประวัติย่อยของพวกคุณทุกคนแล้ว รวมถึงภารกิจที่พวกคุณเคยทําไปแล้วด้วย อันที่จริง ผมเองก็ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษหรอก แต่ถ้าพวกคุณยังทําตัวเหลวไหลแบบนี้อยู่อีก ผมต้องบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ทุกคนที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะหรอก!”
ทันใดนั้น ทั้งแปดก็พลันหน้าถอดสีไปทันที นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่บางคนถึงกับคว่ําโต๊ะเลยด้วย! เศษกระดาษและกองเอกสารพลันปลิวว่อนไปทั่วห้อง อีกทั้งเหตุการณ์ตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกราวกับการต่อสู้กําลังจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ ทว่า ถึงแม้เสี่ยวเฉิงจะรู้ว่าอีกฝ่ายโมโหขนาดไหน แต่เขาก็ไม่รู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันจ้องเขม็งไปยังดวงตาอีกแปดคู่ตรงหน้า ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็พลันกระแทกโต๊ะและกล่าวคําพูดออกมาด้วยน้ําเสียงสุดลึกล้ํา “คิดว่าตัวเองกําลังทําบ้าอะไรอยู่กัน?”
ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งแปดพลันเผยท่าที่ราวกับต้องการที่จะเดินออกไปนอกห้อง แต่แล้วเสี่ยวเฉิงก็พลันก้าวเท้าออกมาและปิดประตูใส่เหล่าลูกน้องทันที
“กลับ…. ไป… อยู่ที่เดิม!”
เสี่ยวเฉิงพลันออกเสียงแต่ละคํา
ทว่า ในตอนนั้น หลี่เชาว์และหวู่กังก็พลันกลับมาพอดี ทันทีที่ทั้งสองผลักประตูเข้าไป ทั้งคู่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุที่แผ่ออกมา หลี่เชาว์และหวู่กังพลันขมวดคิ้ว “อ่า ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว กัปตันคนใหม่กําลังตั้งกฏอยู่หรือเปล่าล่ะเนี่ย?”
เสี่ยวเฉิงพลันชําเลืองมองดูทั้งสองจากทางหางตาพร้อมกับถามขึ้น ” พวกคุณสองคนหายไปไหนมากัน?”
“พวกเราไม่ใช่นักโทษสักหน่อย ทําไมถึงจะไปไหนมาไหนไม่ได้ล่ะ? อีกอย่าง นี่เราไม่ได้รับมอบหมายภารกิจโหด ๆ มาปีกว่าแล้วด้วย ทําไมถึงจะออกไปเดินเล่นสักนิดสักหน่อยไม่ได้ล่ะ? แล้วถ้าคุณเก่งนักเก่งหนา ก็ลองไปท้าอีกหน่วยประลองเพื่อขอภารกิจเพิ่มดูสิ ไม่งั้นก็เลิกทํากร่างกับพวกเราได้แล้ว” หวู่กังพลันกล่าวคําพูดอย่างตรงไปตรงมา
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “ตราบใดที่พวกคุณให้ความร่วมมือ พวกเราจะต้องไล่ตามหน่วยอื่นทันแน่ ฉันสัญญา”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนอื่นในห้องก็พลันบ่นขึ้นมา “ก่อนที่คุณจะมาที่นี่ เราทุกคนต่างก็อ่านประวัติของคุณมาหมดแล้ว ถึงประวัติของเราจะไม่ค่อยมีอะไรเด่นมากนัก แต่พวกเราเองก็ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องเคลียร์กับคนอย่างคุณก่อน”
เสี่ยวเฉิงพลันมองเข้าไปในดวงตาของทุกคนพร้อมขึ้นเสียง “อันที่จริง ถ้าพวกคุณต้องการทําอะไรสักอย่าง ผมก็เรื่องหนึ่งอยากจะบอกให้รับรู้เอาไว้นะ ผมกําลังจะไปไล่กระทืบไอ้พวกแก๊งเสือขาว มีใครในห้องนี้กล้าพอที่จะไปลุยด้วยกันบ้างไหม?! เพราะถ้ากล้า… ก็แค่ก้าวเท้าออกมา แต่ถ้ากลัว…. ก็แค่เดินออกไปจากที่นี่เสีย!”