ตอนที่ 97: กล้าหรือกลัว
ในวันรุ่งขึ้น เสี่ยวเฉิงซึ่งไม่มีอะไรทําในระหว่างวันก็พลันเดินทางไปยังสํานักงานใหญ่ในเมือง เพื่อรายงานตําแหน่งแต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้ หรานจิงเป็นคนพาเสียวเฉิงไปที่นั่น เสี่ยวเฉิงพลันเดินเข้าไปยังสํานักงานของผู้บัญชาเพื่อรายงานตัว
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผู้บัญชาพลันรู้สึกมีความสุขมากถึงมากที่สุด เนื่องจากพวกเขาสามารถขจัดอุปสรรคและเสี้ยนหนามครั้งใหญ่ที่เคยหยั่งรากลึกอยู่ในเมืองมาหลายศตวรรษได้แล้ว ทันทีที่เห็นเสี่ยวเฉิง ผู้บัญชาก็พลันหัวเราะขึ้นมาพร้อมกับกล่าวทักทาย ” ทําไมไม่พักสักสองสามวันหน่อยล่ะ? ตอนนี้หายดีแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมหายดีแล้ว อีกอย่าง ผมรีบมารายงานตัวก่อนก็เพราะอยากปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของที่ทํางานด้วยนะครับ”
ผู้บัญชาพลันพยักหน้า หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปยังตู้เก็บของด้านหลังพร้อมกับหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมาให้เสี่ยวเฉิง “คุณเอาเอกสารไปลงทะเบียนที่ฝ่ายบุคคลได้เลยนะ เดี๋ยวหลังจากนั้นจะมีคนพาคุณไปดูห้องทํางานเอง ยังไงเดี๋ยวเราก็ได้ร่วมงานกันแล้ว ยินดีด้วย!”
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ ” ครับท่าน”
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็นําเอกสารไปยื่นให้กับฝ่ายบุคคลเพื่อจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พาเสียวเฉิงไปยังสํานักงานหน่วยสองของหน่วยสืบสวนอาชญากรรม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กําลังพาเสี่ยวเฉิงเดินผ่านพื้นที่สํานักงานขนาดใหญ่ เสี่ยวเฉิงก็พลันเผยยิ้มกว้างออกมา ท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงห้องทํางาน มันมีขนาดเพียงยี่สิบตารางเมตรเท่านั้น ระหว่างที่กําลังยืนดู เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกราวกับตัวเองได้กลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“ห้องนั้นของหน่วยห้า ห้องนี้ของหน่วยสอง” เจ้าหน้าที่พลันกล่าวและจากไป พร้อมกับปล่อยให้เสี่ยวเฉิงยืนอยู่หน้าประตู เสี่ยวเฉิงพลันมองเข้าไปในห้องทํางานสุดเหม็นเน่าซึ่งมีเจ้าหน้าที่แปดคนอยู่ภายใน ในระหว่างที่พวกเขาสบตากัน มันก็เป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย
ทันทีที่เห็นเอกสารในมือของเสี่ยวเฉิง เจ้าหน้าที่ชราผิวขาวหน้าโง่คนหนึ่งก็พลันหรี่ตาลงและ ถามเสี่ยวเฉิง “คุณมาที่นี่ทําไมกัน?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงพลันหยิบตรากัปตันออกมาจากแฟ้มเอกสารแล้วปักไว้บนหน้าอกของตัวเองโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคํา ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็พลันเดินเข้ามาล้อมเสี่ยวเฉิงพร้อมกับจ้องมองดูตรากัปตันตรงหน้าอก ชายคนหนึ่งพลันเลิกคิ้วและพูดขึ้น ” คุณเป็นกัปตันคนใหม่ของหน่วยสองงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเฉิงพยักหน้า
หลังจากนั้น ชายคนหนึ่งก็ยื่นบุหรี่ให้ เสี่ยวเฉิงเองก็น้อมรับไว้ เสี่ยวเฉิงพลันเดินเข้า ไปในห้องทํางาน เขาเห็นชายคนเดิมกําลังสูบบุหรี่ พร้อมกับนอนเอนหลังพิงเก้าอี้และยกเท้าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันขมวดคิ้ว “อันที่จริง ผมว่าใครที่มาทํางานก็น่าจะทําตัวให้เหมือนกับมาทํางานจริง ๆ หน่อยนะ อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้จะตําหนิอะไรเรื่องที่คุณสูบบุหรี่หรอก แต่ห้องนี้มันแคบ ไม่ใช่ว่าทุกคนในห้องจะสามารถดมกลิ่นบุหรี่ของคุณได้สักหน่อย เราเป็นผู้รับใช้ของประชาชน ไม่ใช่พวกขี้เหล้าเมายา ยังไงก็เถอะ ผมหวังว่าทุกคนจะมีความ กระตือรือร้นในการทํางานมากกว่านี้ อีกอย่าง ถ้าครั้งหน้าจะสูบบุหรี่อีก ก็ช่วยไปสูบที่ห้องโถงข้างนอกด้วย อย่าทําให้ทั้งห้องเหม็นกลิ่นบุหรี่เลย”
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้และบิดขี้เกียจ “ก็วันนี้ไม่มีอะไรให้ทําเลยนี่น่า พวกเราจะไปเอาความกระตือรือร้นมาจากไหนล่ะ? ในระหว่างที่หน่วยอื่นกําลังทําภารกิจอื่นอยู่ พวกเราก็กําลังปล่อยเวลาทิ้งไปให้เปล่าประโยชน์ อีกอย่าง อยู่แบบนี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ยังไงก็เถอะ งั้นคุณช่วยบอกหน่อยสิว่าพวกเราควรทํายังไงให้กลับมาดีดได้เหมือนเดิม?”
เสี่ยวเฉิงตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญพวกคุณใช้ชีวิตไร้ค่าแบบนี้ต่อไปเถอะ”
คําพูดของเสี่ยวเฉิงค่อนข้างรุนแรง อีกทั้งหลายต่อหลายคนต่างก็หันมาจ้องมองเสี่ยวเฉิงด้วยความรังเกียจ พวกเขาพยายามคิดหาคําตอบว่าทําไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทําตัวกร่างนัก
ผู้ชายคนที่วางเท้าเอาไว้บนโต๊ะพลันพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วถามขึ้น “พ่อของคุณเป็นผู้บังคับบัญชาการหรือเปล่าล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงส่ายหัว
ชายคนนั้นพลันเผยเสียงหัวเราะและถามคําถามอื่น “แล้วคุณคิดว่าตัวเองใช่พระเจ้าไหมล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงส่ายหัวอีกครั้ง
“งั้นจะทําตัวกร่างใส่พวกเราไปทําไมกัน?” ทุกคนจ้องมองเสี่ยวเฉิงด้วยความรังเกียจ
“ก็เพราะว่าต่อจากนี้ไป.. ผมจะเป็นหัวหน้าของพวกคุณทุกคนยังไงล่ะ! ดูเหมือนว่าผมจะต้องทําให้พวกคุณดีดหน่อยแล้ว!”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ เจ้าหน้าที่ทั้งแปดคนก็บ่นพึมพัม “ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่พวกเราจะยอมก้มหัวเต็มใจเรียกว่าหัวหน้าน่ะ”