บทที่ 231 ที่ผมเจอคุณ ถือว่าเป็นรักแรกพบได้หรือเปล่า

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ตกบ่าย สือเพ่ยหลินโทรศัพท์เข้ามาหา บอกว่าตอนนี้อยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว

เป็นเพราะว่าสือมูเฉินกับหยานชิงเจ๋อยังคงต้องทำงานอยู่ ทำได้เพียงแค่กลับมารวมตัวกับหลานเสี่ยวถางอีกครั้งหลังเสร็จงานแล้วเท่านั้น ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางกับสือเพ่ยหลิน จึงนั่งรถที่เย่เหลียนอีจัดเอาไว้ให้ด้วยกัน แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาลในเครือออเนอร์

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น สือเพ่ยหลินเดินเข้าไปในห้องห้องปฏิบัติการและเริ่มทำการตรวจสอบเลือดแล้ว อีกทั้งหลานเสี่ยวถางก็กำลังคุยกับเฉียวโยวโยวผ่านในโทรศัพท์

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ประตูของห้องปฏิบัติการเปิดออก หมอและสือเพ่ยหลินเดินออกมาพร้อมกัน

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนเล็กน้อยของหมอแล้ว หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“คุณหลานครับ คุณรอสักครู่ หลังจากที่ผมรายงานผลกับทางคุณหญิงฝั่งนั้นเสร็จแล้วจะแจ้งแก่คุณนะครับ……” คุณหมอพูดไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว

สือเพ่ยหลินนั่งลงที่ทางด้านข้างของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “เสี่ยวถาง ถ้าหากว่าหมอบอกว่าช่วยผมไม่ได้ขึ้นมา คุณจะรู้สึกดีใจหรือเปล่า?”

หลานเสี่ยวถางหันศีรษะไปมองใบหน้าซีดเผือดของสือเพ่ยหลิน เธอส่ายหน้า “ไม่สนใจหรอกนะคะว่าจะดีใจหรือไม่ดีใจ ในท้ายที่สุดแล้วก็คือชีวิตของคนคนหนึ่งเลยนะคะ”

“ฮ่า ๆ——” สือเพ่ยหลินก้มศีรษะลง ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเองครั้งหนึ่ง “นับดูขึ้นมาแล้ว พวกเราก็ไม่ได้พูดคุยกับแบบปกติอย่างนี้มานานแล้วหรือเปล่านะ อีกอย่าง ข้างกายก็ไม่มีใครด้วย?”

“อาจจะนะคะ!” หลานเสี่ยวถางพิมพ์ข้อความพูดคุยกับเฉียวโยวโยวต่อในโทรศัพท์

สือเพ่ยหลินมองด้านข้างใบหน้าของเธอ ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็เลยทำลายความเงียบขึ้นมาว่า “อันที่จริงแล้ว ผมยังจำได้ถึงครั้งแรกที่ได้เจอคุณมาได้โดยตลอดเลยนะครับ”

หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขา อดไม่ได้ที่จะวางโทรศัพท์ลง แล้วศีรษะกลับมาเอ่ยว่า “แต่ว่าฉันลืมไปแล้วค่ะ”

สือเพ่ยหลินไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ อีกทั้งยังเอ่ยถึงความหลังขึ้นมาอีกว่า “ในตอนนั้น ผมต่อต้านแผนการของครอบครัวจริง ๆ ครับ อีกทั้งยิ่งไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันกับคนที่ไม่เคยพบหน้าค่าตากันมาก่อนด้วย เป็นเพราะว่าพ่อของผมเชื่อในความเชื่อ ก็เลยบอกว่าคุณน่ะเหมาะสมกับผม”

เขาเอ่ยต่อว่า “ในตอนนั้น ผมไปรอคุณอยู่ที่มหาวิทยาลัยของคุณ นั่นก็เป็นเพราะว่าอยากให้ได้รับความลำบากจนล่าถอยไป”

“แต่ทว่า วันนั้นที่แสงแดดสว่างสดใส ผมมองเห็นคุณพูดคุยและยิ้มแย้มกับกลุ่มเพื่อนลงมา แสงแดดสาดส่องเข้าที่รอยยิ้มของคุณ ทำให้โทสะของผมที่รออยู่ครึ่งชั่วโมงนั้น มลายหายไปในทันทีเลยครับ”

“ผมกลับยอมที่จะเดินไปตามเส้นทางที่ที่บ้านกำหนดเอาไว้ให้ ลองติดต่อกับคุณดู ท้ายที่สุดแล้ว ก็แต่งงานกัน……”

สือเพ่ยหลินมองหลานเสี่ยวถาง มุมปากเผยรอยยิ้มขมขื่นบางเบา “คุณว่า ในตอนนั้นที่ผมพบคุณ ถือว่าเป็นรักแรกพบไหมครับ?”

หลานเสี่ยวถางได้ยินคำบรรยายของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมกลับไปนึกถึงอีกครั้ง แต่ทว่า ก็ยังคงนึกถึงภาพในตอนนั้นขึ้นมาได้อยู่ดี

วันนั้นเธอพูดคุยและหัวเราะกับเพื่อน ๆ ออกมากัน ก็มองเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาตรงหน้าแล้ว หลังจากที่เขาแนะนำตนเองเสร็จแล้ว เธอก็รู้สึกไปไม่ถูกเล็กน้อย

เป็นเพราะว่า ในตอนนั้นคนของตระกูลสือเคยบอกเธอเอาไว้ ว่าเธอกับคนที่ชื่อว่าสือเพ่ยหลินจะต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กัน อีกทั้งชายหนุ่มตรงหน้านี้ก็คือเขา

เมื่อหวนนึกกลับไป หลานเสี่ยวถางจึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง “อันที่จริงแล้ว ตอนนั้นเอง คุณไม่ได้สนใจฉันจะดีที่สุดนะคะ หรือว่า ในตอนนั้นจะร้ายกาจใส่ฉันจริง ๆ เลยก็ได้……”

“เสี่ยวถางครับ คุณเสียใจภายหลังมาก ๆ เลยใช่ไหมที่ได้พบกับผม?” สือเพ่ยหลินเอ่ยถาม

หลานเสี่ยวถางถอนหายใจ “เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าตัวฉันเองตัดสินใจเอาไว้ในตอนแรกเองค่ะ หรือว่าที่มากไปกว่านั้นก็คือเป็นเพราะกำหนดการจากทางบ้าน ไม่สนใจหรอกนะคะว่าจะเสียใจในภายหลังหรือเปล่า อีกอย่างมาจนถึงตอนนี้แล้ว ทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ฉันไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”

พูดจบ เธอก็สบตามองเขา “ฉันหวังว่าหลังจากที่คุณรักษาโรคหายแล้ว จะไม่ต้องมาหาฉันอีกต่อไปแล้ว”

สีหน้าของสือเพ่ยหลินแข็งค้างไปเล็กน้อย เขากำลังจะเอ่ยพูด แต่ทว่าโทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางก็ดังขึ้นมาเสียแล้ว

เธอเลื่อนรับสายไป

เป็นเย่เหลียนอีที่โทรศัพท์เข้ามา “ถางถางจ๊ะ เมื่อครู่นี้หมอบอกกับแม่แล้วล่ะ เป็นเพราะว่าสถานการณ์ของสือเพ่ยหลินค่อนข้างซับซ้อนน่ะ บวกเข้ากับร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ยังมีสารเสพติดอยู่ด้วย ดังนั้นแล้ว การรักษาของเขาก็เลยค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อยน่ะจ้ะ”

หลานเสี่ยวถางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นแล้วสามารถรักษาให้หายได้ไหมคะ?”

เย่เหลียนอีเอ่ย “สามารถรักษาให้หายได้จ้ะ ขอเพียงแค่ต้องการตัวยาจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แต่ของที่จะสลัดและนำมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดนี้นั้นหายากมากเลยจ้ะ ดังนั้นแล้ว ถ้าหากว่ารักษาเขาแล้ว ก็เท่ากับว่าอาจจะมีบางที่ในมุมไหนของโลก ที่มีคนอีกคนไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ เป็นเพราะว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ใกล้จะหายสาบสูญไปหมดแล้วน่ะจ้ะ……”

หลานเสี่ยวถางชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น……”

“ถางถางจ๊ะ ลูกตัดสินใจเองเลยนะ!” เย่เหลียนอีเอ่ย “แน่นอน แม่จะฟังหนูทุกอย่างเลยจ้ะ ขอเพียงแค่ลูกบอกมาว่าจะรักษา ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีปัญหาแน่นอน เพียงแค่อยากจะบอกกับหนูเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้เล็กน้อย ลูกลองพิจารณาดูว่าเขาคุ้มค่าหรือเปล่า”

“ได้ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ” เป็นเพราะว่าสือเพ่ยหลินอยู่ ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางจึงไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของตนเองกับเย่เหลียนอี

เธอวางสายไป ก่อนจะมองสือเพ่ยหลิน แล้วเอ่ยปากขึ้นมาว่า “โรคของคุณสามารถรักษาได้ เพียงแต่ว่า……”

พูดไป หลานเสี่ยวถางก็บอกเล่าเรื่องราวที่เย่เหลียนอีเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แก่เขา

ใบหน้าของสือเพ่ยหลินแข็งค้างเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นประกายความหวังขึ้นมาหลายส่วน แต่ทว่า แทบจะเป็นเพราะกลัวว่าจะผิดหวังอีก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นระมัดระวังแทน

“เสี่ยวถาง คุณ……” เขาเอ่ยปากขึ้น สบตามองเธอ “ผมรู้ว่าคุณจะต้องรู้สึกว่าผมเป็นคนสารเลวแน่ แม้กระทั่ง ช่วยเหลือชีวิตคนบนถนนคนหนึ่งยังดีกว่าช่วยผมเสียอีก แต่ทว่า……”

หัวใจของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย เขาที่ผ่านมา ในการยอมรับการแต่งงานเพื่อเชื่อสัมพันธ์สองปีนั่น เธอดีต่อเขา แต่ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่แม้กระทั่งเธอก็สามารถทำให้ชีวิตของเขาหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ได้ แล้วทำเป็นแค่คนที่ผ่านทางมาเห็นเรื่องนี้ที่ไม่ใช่เรื่องของตนเองเช่นนี้……

หลานเสี่ยวถางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สบตามองนัยน์ตาของสือเพ่ยหลิน “เรื่องนี้ ฉันขอพิจารณาสักครู่นะคะ”

“เสี่ยวถางครับ” นัยน์ตาของสือเพ่ยหลินเป็นประกายแสงแตกละเอียด “ถ้าหากว่าผมตายแล้ว คุณจะจดจำผมไปตลอดชีวิตได้ไหม?”

เธอไม่คิดที่จะสนใจคำถามเช่นนี้ของเขา ทว่ากลับเบนสายตาไปที่หน้าต่างด้านนอกแทน

หลานเสี่ยวถางเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่าง มองทุกอย่างด้านนอกอย่างสงบ

แทบจะ ในโรงพยาบาล มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยเลยไม่ดิ้นรนที่จะมีชีวิตต่อไป ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะต้องเดินไปหาความตายก็ตามที แต่ทว่า กลับไม่มีใครไหนเลยที่จะยอมถอดใจไปก่อน

ในตอนนั้นเอง ก้อนเมฆเคลื่อนตัว มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา หลานเสี่ยวถางมองเห็น ที่ด้านล่างมีวัยรุ่นคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อทีเชิ้ตอยู่ กำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า นั่งรอใครสักคนอย่างสงบ

ที่ข้างหูของเธอจู๋ ๆ ก็มีคำพูดเมื่อครู่นี้ของสือมูเฉินดังขึ้นมา

ใช่แล้ว ครั้งแรกที่เธอเจอเขา ที่ไกล ๆ นั่น แทบจะเป็นภาพเหตุการณ์หนึ่งเลย

บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขานั้น มาถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ถือว่าตนเองได้แก้แค้นให้กับปีนั้นไปแล้วล่ะนะ

ถ้าอย่างนั้นแล้ว เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา ก็กลับไปเป็นอย่างในตอนแรกเริ่มเถอะนะ!

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเขา หลังจากที่ช่วยแล้ว เขากับเธอก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าไปในทันที หลังจากนั้น เขาจะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอทั้งสิ้น

ถ้าหากว่า เกิดสถานการณ์ประเภทนี้ขึ้นมาอีก เธอก็จะไม่ยื่นมือไปช่วยอีกแล้ว

เพียงแต่ ตกปากรับคำอย่างง่ายดายเช่นนี้ จะให้กับเขาในราคาที่ถูกมากไปหรือเปล่านะ?

นัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางเป็นประกายเจ้าเล่ห์……

เธอจงใจรออยู่อีกครู่หนึ่งถึงจะหันกลับไป แล้วสบตามองสือเพ่ยหลินที่กำลังตั้งตารออยู่หลังจากนั้นก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ฉันคิดได้แล้วค่ะ”

สีหน้าของสือเพ่ยหลินซีดเผือดมากยิ่งกว่าเดิม รู้สึกเพียงแค่หัวใจค่อย ๆ เต้นช้าลงเรื่อย ๆ

เขาแม้กระทั่งกำลังคิดอยู่เลย ถ้าหากว่าหลานเสี่ยงถางจู่ ๆ บอกว่าไม่ช่วยแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว หรือว่าเธอจะไม่สนใจว่าเขาอาจจะบอกกับสือมูเฉิน เกี่ยวกับเรื่องหุ้นแปดเปอร์เซ็นต์นั่นหรือ? ถ้าอย่างนั้นแล้ว สือมูเฉินจะไม่เสียใจมากหรือไง?

ในตอนที่ความรู้สึกของสือเพ่ยหลินกลับไปกลับมาเป็นหมื่นครั้งนั้นเอง หลานเสี่ยวถางก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ฉันสามารถช่วยคุณได้ค่ะ แต่ทว่า จะต้องตกปากรับคำเงื่อนไขข้อหนึ่งของฉันก่อน เงื่อนไขนี้ ฉันจะเป็นที่จะต้องได้มาค่ะ”

สือเพ่ยหลินรู้สึกเพียงแค่ว่าในความดำมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าถูกฉีกออกเป็นรูรูหนึ่ง เขามองเห็นแสงสว่างที่เลือนรางแล้ว

ลูกกระเดือกของเขาขยับตัวขึ้นลงไปมา “ได้สิ เสี่ยวถาง คุณว่ามาเลยครับ ขอเพียงแค่ผมสามารถทำได้ จะทำอย่างแน่นอน!”

“คุณสามารถทำได้อย่างแน่นอนค่ะ เป็นเพราะว่ามันง่ายมาก!” หลานเสี่ยวถางพูดไป ก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาใส่เขา แล้วเอ่ยปากว่า “ยังคงเป็นประโยคเดิมค่ะ คุณเรียกฉันว่าอาสะใภ้สักครั้ง ถ้าอย่างนั้นแล้ว ยานั่นก็จะมาถึงทันที อีกอย่าง ตัวยาที่จะรักษาคุณทั้งหมดในครั้งนี้แบรดน์ออเนอร์จะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดค่ะ จนกระทั่งคุณจะกลับมาแข็งแรงดีเลย!”

สือเพ่ยหลินสบตามองหลานเสี่ยวถาง ไม่เอ่ยอะไรอยู่นานเลย

ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงบ จนกระทั่ง ก้อนเมฆที่ด้านนอกเคลื่อนตัวไปบดบังแสงอาทิตย์แล้ว ภายในห้องพักค่อย ๆ มืดลงเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกขึ้นหลานส่วน

มือของเขาอดกำเข้าหากันแน่นโดนไม่รู้ตัว ริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย “เสี่ยวถาง จะเอาแบบนี้จริง ๆ หรือ?”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ใช่ค่ะ ถ้าหากว่าคุณไม่เรียก ฉันก็จะหมุนตัวแล้วเดินจากไป บนโลกใบนี้ คงจะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้อีกแล้วล่ะค่ะ อย่าลืมนะคะ ชีวิตของคุณ เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนแล้วนะคะ”

เขากัดริมฝีปากแน่น เป็นเพราะว่าออกแรง ดังนั้นจึงทำให้มีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย

การหายใจเข้าออกของสือเพ่ยหลินนั้นเปลี่ยนไปเป็นทั้งยากลำบากทั้งยุ่งเหยิง เขาสบตามองหลานเสี่ยวถางที่อยู่ใกล้กับทางเดิน รู้สึกเพียงแค่ว่าความเจ็บปวดภายในหัวใจพรั่งพรูขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยแล้ว แม้กระทั่งลำคอก็ใกล้จะไม่สามารถส่งเสียออกมาได้อยู่แล้ว

“ง่ายมากเลยนะคะ แค่ชื่อเรียกชื่อหนึ่งเท่านั้นเอง” หลานเสี่ยวถางมองเขาราวกำลังสามารถอยู่รอเขาได้ทั้งวัน “ฉันไม่ได้สร้างความยากลำบากอะไรให้คุณเลยนะคะ เพียงแค่ เรื่องราวเมื่อก่อนนั้น ฉันสามารถไม่เก็บมาคิดได้นะคะ แต่ทว่า ฉันก็แค่อยากถือโอกาสนี้บอกกับคุณ ว่าฉันกับคุณในตอนนี้ มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ของอาสะใภ้กับหลานชายก็เท่านั้นค่ะ!”

ร่างทั้งร่างของสือเพ่ยหลินแข็งค้างไปในทันที เขาสบตามองนัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางอย่างละเอียดราวกับกำลังอ่านความหมายของเธอ

เธอบีบเขาให้ตัดสินใจเลือก จะตาย หรือว่า หลังจากนี้จะแบ่งโลกกับเธออย่างชัดเจน

แต่ทว่า ทางเลือกทั้งสองทางนี้ เขาไม่ยินยอมทั้งสิ้น

ความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดบนโลกใบนี้คืออะไร?

ไม่ได้เป็นไม่เคยได้มาครอบครองหรอก แต่ทว่ากลับเป็นในตอนที่ได้มาครอบครองแล้วกลับไม่รู้สึกถึงมัน แต่ทว่ากลับมาเสียใจในภายหลังอย่างซมซานในตอนที่สูญเสียมันไปแล้วต่างหาก

ใจของเขาคิดอยากที่จะกลับไปไถ่ถอน คิดอยากที่จะกลับไปชดเชยที่ผ่านมา คิดอยากที่จะกลับไปเป็นอย่างในตอนแรกเริ่มอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่า เวลากลับก้าวเดินไปข้างหน้าตามหน้าที่ของมันไม่หยุด อีกทั้งยังไม่ให้โอกาสเขาได้กลับไปเริ่มใหม่อีกครั้งเลยแม้แต่นิดเดียว!

เขาสบตามองหลานเสี่ยวถาง ส่ายหน้า “ผมไม่เรียก”

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลานเสี่ยวถางประหลาดใจเล็กน้อย เธอหรี่ตาลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ได้ค่ะ ในเมื่อฉันให้โอกาสคุณแล้วคุณไม่เอาเอง ถ้าอย่างนั้นแล้ว ฉันก็จะไม่ช่วยคุณแล้วค่ะ กลับกัน ตัวยาที่แสนล้ำค่านั้น คุณใช่ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ อีกทั้งยังสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย ความเมตตาของฉันไม่กลับมาแล้วนะคะ”

พูดไป เธอก็หมุนตัวจากไปแล้ว เคลื่อนไหวออกไปแล้ว

สือเพ่ยหลินมองเงาของหลานเสี่ยวถางที่ค่อย ๆ หายไปจากสายตา เธอไม่หันกลับมา ไม่ลังเล ราวกับว่ามองเขาเป็นคนแปลกหน้าบนถนนไปเสียแล้วจริง ๆ เลย!

เขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองในตอนนี้นั้นถูกฉีกอย่างเจ็บปวดจนชาไปแล้ว แม้กระทั่งอวัยวะภายในร่างกาย ก็ไม่สามารถยกขึ้นด้วยแรงได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เขามองเธอจากไป รู้สึกเพียงแค่ว่าโลกทั้งใบว่างเปล่า

“เสี่ยวถาง!” เขาตะโกนใส่ทางเดินว่างเปล่าที่ไร้คน

หลานเสี่ยวถางถึงแม้ว่าจะเดินผ่านหัวมุมมาแล้ว แต่ทว่า กลับยังคงได้ยินน้ำเสียงของสือเพ่ยหลินเข้า

เธอหยุดฝีเท้าลง หลังจากที่หยุดอยู่สองสามวินาทีแล้วจึงหันหลังกลับไป หลังจากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องพักผู้ป่วย “คุณเปลี่ยนใจแล้วหรือคะ?”

คำพูดของเธอพึ่งจะเอ่ยถามจบไปเมื่อครู่นี้เอง ก็มองเห็นท่าทางของสือเพ่ยหลินในตอนนี้แล้ว ทันใดนั้นเอง อดไม่ได้ที่จะชะงักไปเลย