ความรู้สึกที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามา
เฟิงหานชวนเคยปฏิบัติต่อเธอด้วยวิธีนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าไม่แปลก
แต่ว่า เฉินฮวนฮวนไม่ยอมให้ตัวเองถูกกระทำเช่นนี้อีกต่อไป เธอหลับตาแน่น และคุกเข่า
“เอ่อ..”
การกระทำของเฟิงหานชวนหยุดลงทันที ใบหน้าของเขาซีดไปทั้งหน้า
ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
ใช้โอกาสนี้ เฉินฮวนฮวนใช้กำลังทั้งหมดของเธอผลักเฟิงหานชวนออกไป
“ไร้ยางอาย!”
เธอด่าออกมาแล้วรีบวิ่งออกจากห้องรับรอง
หลังจากที่เธอรีบออกจากห้องรับรอง เธอก็วิ่งไปที่ประตูห้องทำงาน เมื่อเธอเปิดประตู ก็มีผู้หญิงตัวสูงยืนอยู่ข้างนอก
เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอสวมชุดทางการแบบสบายๆ กระโปรงเสริมสะโพกของเธอทำให้ขาและเอวที่ยาวของเธอดูสง่างามมาก
ถ้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นพนักงานบริษัท อาจจะเป็นเลขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนจะตามทัน เฉินฮวนฮวนจึงไม่ได้กล่าวทักทาย รีบเลี่ยงผู้หญิงคนนั้นและวิ่งไปที่ลิฟต์
เซี่ยฉิงหันศีรษะมองเฉินฮวนฮวนเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะหันกลับมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อเธอมองเข้าไปในห้องทำงาน เธอพบว่าเฟิงหานชวนออกมาจากห้องรับรอง ท่าทางดูเขินอายเล็กน้อย
ดวงตาของเซี่ยฉิงหรี่ลง เธอสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ
ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร?
“ประธานเฟิง” เธอกลับมายิ้มเหมือนเดิม เดินไปที่โต๊ะและวางกองกระดาษในมือของเธอไว้บนโต๊ะ
เฟิงหานชวนไม่ได้พูด แต่นั่งลงบนเก้าอี้ ศีรษะของเขาเอียงไปข้างหลัง หลับตาลง นิ้วบีบจมูกของเขา
ปวดหัวและดูทำอะไรไม่ถูก
“ประธานเฟิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ไม่สบายหรือเปล่า? ให้ฉันเรียกหมอไหมคะ?” เซี่ยฉิงรีบเดินไปหาเฟิงหานชวน โน้มตัวเข้าไปใกล้เขาและถามอย่างเร่งรีบ
“ออกไปก่อน” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชา ไม่มีอารมณ์ขึ้นหรือลงใดๆ
สิ่งที่เซี่ยฉิงได้ยินคือคำที่คุ้นเคยเหล่านี้อีกครั้ง-ออกไป
วันนี้เป็นวันเสาร์ ควรจะเป็นวันหยุดของเธอ แต่เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนมักจะทำงานในบริษัทช่วงสุดสัปดาห์ ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่นี่ทำงานนอกเวลา
เพียงเพื่ออยากให้เฟิงหานชวนประทับใจ
อย่างไรก็ตาม เธอก็จะมองโลกในแง่ดีทุกครั้ง แต่เฟิงหานชวนยังคงไม่แยแส
บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยเฟิงหานชวน บริษัทอาร์ ซึ่งพัฒนาอย่างรวดเร็วและสามารถแข่งขันกับเฟิงซื่อกรุ๊ปได้ภายในเวลาไม่กี่ปี
เฟิงซื่อกรุ๊ปถูกควบคุมโดยนายท่านเฟิง ลูกคนโตและคนที่สองดูแล หากพวกเขาประสบปัญหาพวกเขามักจะขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวน
แต่ธุรกิจหลักของเฟิงหานชวนยังอยู่ในบริษัทของเขาเอง
เซี่ยฉิงรู้จักตัวตนของเฟิงหานชวน ดังนั้นเมื่อเธอกลับมาจากการศึกษาในต่างประเทศ เธอถอนตัวออกจากตำแหน่งที่มีรายได้สูงในบริษัทต่างประเทศและไปสมัครตำแหน่งเลขาที่บริษัทอาร์
จากเลขาตำแหน่งเล็กๆ จนตอนนี้เป็นเลขาใหญ่ หัวหน้ากลุ่มเลขา เธอหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้การทำงานนอกเวลาจึงเป็นเรื่องปกติ
เธอทำขนาดนี้ ก็เพื่ออยากเข้าไปอยู่ในสายตาของเฟิงหานชวน…
“ประธานเฟิง คุณผู้หญิงที่เดินออกไปอย่างรีบร้อนเมื่อกี้ คุณรู้จักหรือเปล่าคะ? ฉันสงสัยว่าเธอเป็นสายลับเชิงพาณิชย์” เซี่ยฉิงยังไม่ได้ออกไป แต่ยังคงยืนนิ่งและถามถึงเฉินฮวนฮวน
“เธอเป็นคนของผม” ดวงตาของเฟิงหานชวนค่อยๆเปิดขึ้น
เมื่อเซี่ยฉิงได้ยินคำนี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
เธอ… เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?
เธอเป็นเลขาของเฟิงหานชวนมาห้าปี รู้ว่าเฟิงหานชวนไม่เคยมีผู้หญิงรอบข้าง ถ้างั้นความสัมพันธ์ก็คงจะเป็นแค่เพื่อน
แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของเขา?
ถ้าอย่างนั้นนี่ก็หมายความว่าเธอเป็นแฟนของเขาอย่างชัดเจน
เฟิงหานชวนเหลือบมองเอกสารบนโต๊ะ พูดด้วยเสียงที่เย็นชา: “เซี่ยฉิง วันนี้เป็นวันหยุดของคุณ ต่อไปถ้าไม่มีงานเร่งด่วนก็ไม่ต้องมาทำงานนอกเวลา”
“อืม ค่ะ ฉันอาสามาทำงานนอกเวลาเอง ไม่มีอะไรทำพอดี” เซี่ยฉิงตอบกลับด้วยท่าทีดื้อรั้น
แต่ความคิดของเธอไม่ถูกดึงกลับ ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
แต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อย ผมก็ยุ่งเหยิง มีดีแค่หน้าตา ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย
รสนิยมของเฟิงหานชวนเป็นอย่างนั้นเหรอ?
จริงสิ ยังสาวอยู่!
ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมากและดูยังสาว อายุมากสุดก็คงแค่20กว่าๆ มีผิวที่อ่อนโยนและขาว
แต่ตัวเอง ตอนนี้อายุ28แล้ว
เมื่อเซี่ยฉิงอยู่ในภวังค์ เฟิงหานชวนลุกขึ้นจากเก้าอี้และก้าวออกจากห้องทำงาน
…
หลังจากที่เฉินฮวนฮวนวิ่งออกจากห้อง เธอหันศีรษะและเหลือบมองป้าย มีคำใหญ่สามคำเขียนอยู่ที่ประตู
บริษัทอาร์
เธอรู้จักบริษัทนี้ เป็นบริษัทที่ได้รับแรงผลักดันมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมีส่วนร่วมในธุรกิจด้านต่างๆ
หรือว่า…นี่คือบริษัทของเฟิงหานชวน?
อย่างไรก็ตาม เฉินฮวนฮวนไม่ได้เก็บมาคิด ตอนนี้เธออยากหนีจากที่นี่และหลบหนีจากกรงเล็บที่อันตรายถึงตายของเฟิงหานชวน
เธอเรียกแท็กซี่กลับไปบ้านตระกูลเฟิง นอกจากบ้านเฟิงแล้ว เธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหน
เพราะที่บ้านตระกูลเฟิงมี นายท่าน นานา แม่บ้านหลี่ และคนรับใช้อีกหลายคน เฟิงหานชวนไม่กล้าอาละวาดใส่เธอแน่นอน
เฉินฮวนฮวนนั่งเบาะหลังของแท็กซี่ ในหัวเต็มไปด้วยฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องรับรอง แม้แต่ความรู้สึกก็ค่อยๆปรากฏขึ้น
เธอยิ่งคิด ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดง จากนั้นเธอก็ด่าเฟิงหานชวนในใจ
ในเวลานี้ ที่ลานจอดรถของบริษัทอาร์ เต็มไปด้วยเสียงจาม ราวกับว่ามีใครกำลังนินทา
เมื่อเฟิงหานชวนขึ้นรถ ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก รู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณหนึ่ง แถมยังจามตลอดเวลา เขารู้ว่าต้องเป็นเฉินฮวนฮวนที่กำลังด่าเขา
หลังจากหลับตาลง เขาก็สตาร์ทรถและขับไปที่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน
หรงจิ่นซิวกำลังจะเลิกงาน ก็มีแขกคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เฮ้ย เฮียสาม ลมอะไรหอบนายมาที่นี่?” หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นสีทองและยิ้ม: “สองคนที่นายจัดการก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ทำไมถึงมีเวลามาที่นี่?”
มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย เขานั่งลงบนโซฟาโดยตรง ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น?” หรงจิ่นซิงงุนงง
แม้ว่าเฟิงหานชวนมักจะมีใบหน้าเหมือนคนตาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวันนี้อารมณ์แย่มาก สามารถสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นได้
“ถูกคนขัด” เฟิงหานชวนหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดคำเหล่านี้ออกมา
“อะไรนะ?” หรงจิ่นซิวไม่เข้าใจ เขานั่งข้างเฟิงหานชวน ตบขาของเขาแล้วถามว่า: “มีคนขัดใจงั้นเหรอ? ใครกัน กล้ามาขัดใจคุณชายสามผู้มีชื่อเสียง?”
“…” สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งบูดบึ้ง
เขากัดฟันและพูดอย่างเคร่งขรึม: “ฉันถูกเฉินฮวนฮวนกระแทกด้วยเข่าของเธอ”
หรงจิ่นซิวตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วตะโกนออกมา: “เชี่ย!”
“หุบปาก!” เฟิงหานชวนคำราม
หรงจิ่นซิวปิดปากของเขาทันที
“มันจะมีผลกระทบไหม?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง
เขาไม่เคยคาดคิดว่า เฉินฮวนฮวนจะทำให้เขามาถึงจุดๆนี้
นี่คือความสุขครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอ!
ไม่กี่วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนไม่ได้ยินคำตอบของหรงจิ่นซิว หันศีรษะ ขมวดคิ้วและถามว่า: “ในฐานะหมอ นายไม่รู้เหรอ?”
หรงจิ่นซิวปิดปากแน่น เขาไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ในท้ายที่สุด เขาเอามือออกและหัวเราะออกมาดังๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
เสียงหัวเราะดังก้องไปทุกมุมของห้อง