บทที่ 325 วิกฤตของค่ายกล

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 325 วิกฤตของค่ายกล

บทที่ 325 วิกฤตของค่ายกล

หลังจากที่เขาคิดอยู่นาน เขาก็ให้กระเรียนอวกาศและนกคีรีบูนอยู่กับเสี่ยวชิง ทั้งยังบอกกับสัตว์ทั้งสองว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้พาเสี่ยวชิงหนีไปทันที

ทุกคนเองก็มีสิ่งสำคัญ ถ้าหากใครในที่นี้คือคนเดียวที่ต้องรอดล่ะก็ ฉู่เหินก็จะเลือกเสี่ยวชิงอย่างไม่ลังเล

“น้องฉู่ รอก่อน! ฉันจะไปกับนายด้วย แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจเรื่องค่ายกลก็เถอะ แต่ตามฉันไปด้วยอาจจะช่วยอะไรนายได้บ้าง” เฉิงกู่ยืนขึ้นพูดอย่างกะทันหัน สายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เขารู้ว่าถ้าออกไปก็จะต้องตาย แต่เขาทนเห็นฉู่เหินไปตายเพื่อพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด

“น้องฉู่ ฉันกับศิษย์น้องเฉิงจะไปกับนายด้วย ให้พลังของพวกเราได้ช่วยเหลือบ้างอะไรเถอะนะ! นายห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเพื่อพวกเราแล้วนายยังกล้าทิ้งชีวิตตัวเองได้ แล้วพวกเราจะเสียดายชีวิตไปทำไม!” หลิวจวิ้นซานเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เขาพูดอย่างหนักแน่น

ศิษย์คนอื่น ๆ ของพรรคกิเลนก็ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน พวกเขาเองก็จะออกไปด้วย แต่ก็ถูกเฉิงกู่และหลิวจวิ้นซานปฏิเสธ! ศิษย์เหล่านี้วรยุทธอ่อนด้อย ออกไปก็ตายเปล่าแถมออกไปหมดนี้แล้วจะให้คนอื่นไปเสี่ยงตายทำไม ที่พวกเขาออกไปเพื่อจะให้ทุกคนรอดไม่ได้อยากให้ตายกันหมด

“หนวกหู พวกแกจะตามมาก่อกวนอะไร รอฉันอยู่ที่นี่แหละ! ไม่ต้องห่วง แม้พวกฉันจะออกไปก็ไม่แน่ว่าจะตาย บางทีอาจเป็นพวกฉันก็ได้ที่ฆ่าพวกราชันดาราเหล่านั้น!” หลิวจวิ้นซานหัวเราะอย่างสบายใจ

“พี่ฉู่ ให้ฉันกับกับพี่เถอะ ฉันแอบสร้างกับดักเอาไว้บ้างแล้วข้างนอก ไม่รู้ว่าจะช่วยพี่ได้ไหม แม้ว่าวรยุทธของฉันจะต่ำต้อยไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็สามารถขัดแข้งขัดขาพวกเขาได้เหมือนกัน อาจทำให้บาดเจ็บเลยก็ได้นะ!” โม่เจียวพูดพร้อมกับยิ้ม

เด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักคำว่ากลัวจริง ๆ ทุก ๆ วันเอาแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วค่อนข้างแปลก ๆ แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างความเป็นความตาย คำพูดที่ออกจากปากเธอกลับทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป คล้ายกับไม่ได้จะออกไปสู้แต่กลับเหมือนจะไปร้านอาหารเสียอย่างงั้น

เสี่ยวชิง ฉู่เฟิงและปาเค่อก็อยากจะตามไปด้วย โดยเฉพาะปาเค่อที่เขาคิดว่าอาศัยวรยุทธของตัวเองจะตามไปปกป้องฉู่เหินได้ ยิ่งรูปร่างคล้ายเด็กของเขาตอนนี้ อาจซุ่มโจมตีอีกฝ่ายอย่างฉับพลันได้อีกด้วย

แต่พวกเขาก็ถูกฉู่เหินจ้องตาเขม็ง พวกเขาไม่มีใครกล้าพูดต่อ ทว่าเสี่ยวชิงกลับดื้อรั้นน้ำตาคลอ ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เหินใจแข็งยังไงก็ไม่ยินยอม น่ากลัวว่าเธอจะแอบตามไปด้วยแน่ ฉู่เหินพยักหน้าให้กับเฉิงกู่ หลิวจวิ้นซานกับโม่เจียวก็เดินตามออกไป

“สาวน้อยถ้าสักพักเห็นท่าไม่ดีก็หนีไปซะ เข้าใจไหม? ถ้าเธอไม่ตกลงฉันไม่พาเธอไปด้วยหรอกนะ!” หลังจากออกมาจากค่ายกล ฉู่เหินก็พูดกำชับกับโม่เจียว

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าในใจของพี่ฉู่น่ะมีฉันอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันยังไม่ได้อุ่นเตียง*ให้พี่เลยจะฉันยังไม่รีบตายหรอกนะ” หลังโม่เจียวพูดประโยคนี้ทุกคนก็หัวเราะยกใหญ่ เด็กสาวเดินไปข้างหน้าอย่างสบายใจ

*อุ่นเตียง หมายถึง ร่วมรักกัน

ฉู่เหินปวดหัวพร้อมหมดคำจะพูด เด็กสาวคนนี้ถ้าไม่พูดให้ชัดเจนเห็นทีจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เด็กสาวคนนี้พูดจาโผงผางไม่เกรงใจใครเลย อยากพูดอะไรก็พูดไปเรื่อย

แต่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้โม่เจียวคิดอะไรอยู่ เดิมทีครั้งนี้โม่เจียวไม่อยากออกมาเลย! ครั้งก่อนที่เธอไปเทือกเขาเทียนซานและไม่ได้เจอกับฉู่เหิน เธอได้กลับไปหาอาจารย์ของเธอ และเธอขอร้องอาจารย์ให้ทำนายอนาคตของฉู่เหิน อาจารย์ยอมทำตามและบอกเธอถึงอนาคตของฉู่เหิน

ทำให้เธอได้รู้ว่าฉู่เหินจะต้องตายที่ทะเลแห่งนี้! พอได้ยินแบบนี้โม่เจียวก็นั่งไม่ติด แต่อาจารย์ของเธอเตือนเธออย่างเข้มงวดว่าห้ามเธอไปเด็ดขาด ถ้าเธอออกไปล่ะก็ชีวิตเธอก็จะแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน ทว่าเด็กสาวก็แอบออกมาอยู่ดี เพราะแบบนี้เธอถึงได้มารอที่นี่ก่อนที่ฉู่เหินจะมา!

แม้แต่เรื่องเมื่อกี้ที่เธอพูดออกมา มันก็เป็นสิ่งที่ออกจากใจของเธอจริง ๆ

คิดว่าเธอทิ้งชีวิตเพื่อใครคนหนึ่งได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?

แต่เรื่องนี้เหมือนฉู่เหินจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย หลังออกมาจากค่ายกลฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าค่ายกลดาบห้าธาตุของตัวเองกำลังถูกสามคนนั้นโจมตีอย่างบ้าคลั่ง หากเป็นแบบนี้อีกไม่ถึงครึ่งวัน ค่ายกลของเขาก็คงพังทลาย

ที่จริงอาศัยผู้พิชิตดาราคนเดียว สามารถสร้างค่ายกลที่ขัดขวางผู้แข็งแกร่งขั้นราชันดาราได้ถึงสามคนพร้อมกับแบบนี้ก็นับว่าสั่นสะเทือนฟ้าดินมากแล้ว แต่ฉู่เหินก็ยังคิดว่ามันไม่ดีพอ ในเมื่อเขาจะต้องตายคนพวกนี้ก็ต้องได้รับผลตอบแทนกลับไปด้วยเช่นกัน ฉู่เหินไม่ใช่คนที่จะยอมให้มารังแกกันได้ง่าย ๆ หรอกนะ

ฉู่เหินพยายามใช้ค่ายกลดาบห้าธาตุตอบโต้ แต่น่าเสียดายที่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันดาราทั้งสามไม่ได้เข้ามาในค่ายกล ทำให้ค่ายกลไม่อาจแสดงพลังอำนาจออกมาได้อย่างเต็มที่

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงโจมตีดังอย่างต่อเนื่อง! ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันดาราทั้งสามโมโหมากที่ค่ายกลตรงหน้ามันแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาโจมตียังไงมันก็ไม่พังซะที!

พวกเขาจนปัญญา ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันเองและคนที่อายุมากที่สุดก็โบกมือหยิบกระจกออกมาจากแหวนมิติของตนเอง! กระจกบานนี้เป็นของวิเศษลึกลับ ในปีนั้นที่พวกเขามอบเทือกเขาแห่งนี้ให้นิกายกิเลน ทางนิกายกิเลนมอบมันให้เป็นรางวัลแก่พวกเขา! และเขาจะนำมันมาทำลายนิกายกิเลนนับว่าเป็นทัณฑ์สวรรค์เสียจริง!

กระจกบานนี้ราวกับเป็นอาวุธเทพ แม้แต่วรยุทธของพวกเขาในตอนนี้ก็ยังไม่อาจใช้งานมันได้ พวกเขาจำเป็นต้องรวมพลังกันสามคนถึงจะสามารถใช้งานกระจกบานนี้ได้และมันจะส่งพลังอำนาจที่สะเทือนฟ้าดินออกมา

ทั้งสามโคจรพลังดวงดาวของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ใส่เข้าไปภายในกระจก กระจกเดิมทีไม่ได้มีความแปลกประหลาดอะไร จู่ ๆ ก็เปล่งแสงสว่างออกมา แสงสว่างนั้นครอบคลุมพื้นกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะเดียวกันนั้นเองก็ปล่อยพลังอันแข็งแกร่งเหนือฟ้าดินออกมา!

สิ่งที่เกิดขึนนี้ ฉู่เหินเห็นทั้งหมดอย่างชัดเจน ทันทีที่กระจกนั้นปล่อยแสงสว่างออกมาเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตราย! ไม่เพียงแต่เขาที่รู้สึก โม่เจียวเองก็เช่นกัน หลังจากนั้นฉู่เหินก็เห็นโม่เจียวกำลังทำทางแปลก ๆ บ้างอย่าง และฉู่เหินก็เห็นว่า จู่ ๆ รอบด้านของราชันดาราทั้งสามถูกล้อมรอบไปด้วยงูพิษมากมายนับไม่ถ้วน!

ทันทีที่งูพิษเหล่านั้นปรากฏตัวออกมา พวกมันก็อ้าปากกว้างและแว้งกัดทั้งสามอย่างบ้าคลั่ง! ทั้งสามที่กำลังใช้กระจกวิเศษลึกลับไม่มีทางหลบได้เลย ทำให้ทั้งสามโดยงูพิษกัดทั่วร่าง!

พิษเหล่านี้เข้าไปในร่างกายของพวกเขาแล้วแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว! ทว่าพวกเขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นราชันดาราเพียงแค่ใช้พลังส่วนหนึ่งก็เอาพิษออกมาจากร่างกายได้แล้ว รอให้พวกเขาใช้งานกระจกวิเศษเสร็จแล้วค่อยฆ่างูพิษพวกนี้ก็ยังไม่สาย เพียงแต่พวกเขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมเทือกเขากิเลนถึงได้มีงูพิษมากมายขนาดนี้

พวกเขาไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกายตัวเอง และพยายามใช้งานกระจกวิเศษอย่างต่อเนื่อง ของวิเศษถ้าใช้งานแล้วไม่อาจหยุดได้ง่าย ๆ เพราะมันอาจสะท้อนกลับเข้าหาตัว แม้จะถูกงูพิษกัดพวกเขาก็ได้แต่ต้องอดทนใช้งานกระจกวิเศษให้สำเร็จก่อน

เมื่อเห็นว่างูพิษของเธอไม่อาจทำอันตรายคนเหล่านั้นได้ โม่เจียวก็กัดฟันกรอดและส่งงูพิษเข้าไปขัดขวางทั้งสามอย่างไม่ขาดสาย เธอคิดว่ายังไงก็ต้องหยุดพวกมันให้ได้ไม่งั้น พวกเธอต้องตายกันหมดแน่

เมื่อเห็นงูพิษมากมายขึ้นเรื่อย ๆ ราชันดาราทั้งสามคนก็เริ่มหวาดกลัว ในเวลานี้พวกเขาหยุดมือก็ตาย ไม่หยุดมือก็คือตาย ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว หากรู้ว่าการมาที่นี่จะลำบากขนาดนี้พวกเขาคงไม่มาแน่นอน!

ฉู่เหินกับโม่เจียวที่เห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าพวกเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา!