ตอนที่ 237 ผลักภาระ
“ลุงเหมิง ที่ผ่านมาท่านเคยเห็นการฝึกทหารเช่นนี้หรือไม่” ซางเฉาจงเอ่ยถาม
เหมิงซานหมิงส่ายหน้า “ไม่เคยพ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเราคัดเลือกคนจำนวนหนึ่ง ให้ทางนี้ช่วยฝึกฝนให้เป็นอย่างไร?”
เขาไม่กล้าดูแคลนกลยุทธ์ของทางนี้ รู้สึกว่าทางนี้มักจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ออกมาอยู่เสมอ
เหมิงซานหมิงกล่าวว่า “ไม่ทราบเช่นกันว่าจะฝึกฝนออกมาเพื่อใช้งานอย่างไร วิธีการฝึกฝนเช่นนี้ ไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบประชิดตัวอย่างที่เราเจอในสนามรบ เด็กหนุ่มกลุ่มนี้เคลื่อนไหวงุ่มงาม เพิ่งจะเริ่มฝึก นี่น่าจะเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีกลยุทธ์ใดอีก” เพียงมองดูก็เห็นถึงความพิเศษบางอย่างของวิธีการฝึกเช่นนี้
จู่ๆ ซางซูชิงที่กวาดตามองไปรอบๆ อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เสด็จพี่ เต้าเหยี่ยมาแล้ว”
ทั้งหมดหันหลังไปมอง เห็นหนิวโหย่วเต้าเดินนำคนจำนวนหนึ่งเข้ามา
“ท่านอ๋องมาเยือน ไม่ได้ออกมาต้อนรับ เสียมารยาทแล้ว คารวะท่านหลาน คารวะท่านเหมิง” หนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามาคำนับทักทาย ส่วนซางซูชิงนั้นข้ามไป นางอยู่ที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมากพิธี
เมื่อทั้งสองทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ซางเฉาจงก็ถามหยวนกังว่า “น้องหยวน นี่เจ้ากำลังฝึกทหารหรือ?”
หยวนกังตอบ “นับว่าใช่พ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แนวทางการฝึกฝนเช่นนี้ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ให้ข้าส่งคนส่วนหนึ่งมาเรียนรู้ด้วยได้หรือไม่?”
หยวนกังตอบว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมฝึกไปเล่นๆ เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับใช้ในกองทัพ ด้านการต่อสู้ในสนามรบยังสู้การฝึกฝนของทางท่านอ๋องไม่ได้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านเหมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญ หากมีโอกาส กระหม่อมก็อยากจะขอเชิญท่านเหมิงมาช่วยชี้แนะเด็กพวกนี้สักหน่อย” ดวงตาเขาฉายแววคาดหวังยิ่ง เนื่องจากเคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นี้มาแล้ว
ยอดขุนศึกแห่งยุคที่กรำศึกอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลายาวนาน หยวนกังไม่กล้าดูแคลน คนประเภทนี้ย่อมมีสิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่น ว่ากันในบางมุมแล้ว เขาไม่คิดว่าประสบการณ์ชีวิตในชาติก่อนของเขาจะนำมาเทียบกับคนผู้นี้ได้
เหมิงซานหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจคนพิการอย่างข้า”
หยวนกังประสานหมัดขึ้นมาอย่างที่ยากจะเห็นได้ในเวลาปกติ เอ่ยคำนับขอบคุณ
ทั้งกลุ่มรายล้อมอยู่รอบรถเข็นของเหมิงซานหมิงที่ถูกเข็นอยู่ เดินเล่นไปรอบๆ บริเวณนั้นพลางคุยกันไปด้วย
“ท่านอ๋องมาเยือนมีเรื่องใดจะสั่งการหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม
หลานรั่วถิงเอ่ยขึ้นว่า “เต้าเหยี่ย เรื่องเป็นเช่นนี้ หมู่บ้านลับแห่งนั้นท่านก็เคยไปมาแล้ว ท่านกงซุนเถี่ยหนิวได้พาศิษย์กลุ่มหนึ่งออกจากหุบเขามาด้วย ต้องการมาสร้างอาวุธให้แก่ทางท่านอ๋อง ทางเต้าเหยี่ยมีพื้นที่กว้างขวาง ฝ่าซือก็มากมาย สามารถดูแลได้ทั่วถึง ค่อนข้างปลอดภัยกว่า ดังนั้นท่านอ๋องจึงอยากทำการเลือกพื้นที่ในแถบนี้เพื่อตั้งโรงหลอม ไม่ทราบว่าเต้าเหยี่ยคิดเห็นประการใด?”
“ทางข้าไม่มีปัญหา” หนิวโหย่วเต้าตอบรับทันที จากนั้นย้อนถามว่า “ไม่ทราบว่าทางกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญของท่านอ๋องฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
หลังจากที่ได้สร้างช่องทางติดต่อกับทางไห่หรูเยวี่ยโดยตรงแล้ว สตรีนางนั้นเอาแต่ถามถึงเรื่องนี้ ต่อให้ไม่ถาม เขาก็ให้ความสนใจเช่นกัน ดูเหมือนจะไม่เห็นความคืบหน้ามากนัก
ซางเฉาจงเอ่ยว่า “กล่าวได้เพียงว่าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น อยู่ระหว่างคัดสรรกำลังทหารที่เหมาะสม ปัญหาในตอนนี้คือหากจะสร้างทหารม้าจำนวนมาก ก็จำเป็นต้องใช้ม้าศึกจำนวนมากด้วย ซึ่งการจัดซื้อม้าศึกนี่แหละที่เป็นปัญหา เรื่องนี้ทางสำนักหยกสวรรค์ได้ส่งคนไปยังแคว้นฉีที่เป็นแหล่งค้าม้าศึกแล้ว เพียงแต่…” เขาส่ายหน้า
หนิวโหย่วเต้าถาม “เงินไม่พอหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลานรั่วถิงกล่าวว่า “ในด้านนี้ เงินน่ะเป็นเรื่องรอง ไม่ว่าจะสำหรับแคว้นใด ม้าศึกล้วนเป็นทรัพยากรทางการทหารที่สำคัญ ไม่มีแคว้นใดจะอนุญาตให้ส่งออกม้าศึกแก่แคว้นอื่นที่อาจจะรุกรานตนได้ มีการตั้งด่านตรวจตลอดเส้นทาง ปัญหาสำคัญที่สุดคือแคว้นฉีควบคุมการจัดส่งม้าศึกให้แก่แคว้นอื่น ควบคุมอย่างค่อนข้างเข้มงวด ในส่วนนี้ค่อนข้างลำบาก จากข่าวที่ทางสำนักหยกสวรรค์ส่งมา ดูเหมือนจะเผชิญปัญหายุ่งยากไม่น้อย บอกว่าคงจะจัดหาม้ามาให้ไม่ได้ช่วงนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียด ทางสำนักหยกสวรรค์ไม่ได้เอ่ยถึง”
“โอ้!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า เข้าใจแล้ว ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน สำนักหยกสวรรค์อาศัยทางนี้หาเงินได้ไม่น้อย ก็สมควรต้องให้ทางสำนักหยกสวรรค์ได้ทำงานบ้าง
พวกซางเฉาจงยุ่งง่วนกับงานราชการ จังหวัดชิงซานกำลังรอคอยการฟื้นฟูอยู่ มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ไม่ได้อยู่ว่างเหมือนหนิวโหย่วเต้า ดังนั้นจึงรั้งอยู่ที่นี่นานไม่ได้ หลังจากพูดคุยกันจบก็ขอตัวลา
ทว่าทางนี้เพิ่งพูดถึงสำนักหยกสวรรค์ไป คนของสำนักหยกสวรรค์ก็มา
เผิงโย่วไจ้มาเยือนด้วยตัวเอง เขามิได้ไปยังตัวเมือง หากแต่ตรงมาที่นี่เลย
เรื่องที่สำนักหยกสวรรค์จะมาที่นี่เป็นเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าคาดการณ์ไว้แล้ว เนื่องจากทางนี้ระงับการส่งสุราเอาไว้
บนหน้าผา สองฝ่ายพบหน้ากัน พอเจอหน้าเผิงโย่วไจ้ก็โวยวายทันที “ไอหนุ่ม เรื่องที่ไม่ส่งสุราให้หมายความว่าอย่างไร? คิดจะกลับคำหรือ?”
สุรากำลังขายดี กำไรมหาศาล! หาเงินได้ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ทางนี้กลับระงับการจัดส่งสุราให้ เนื่องจากสำนักหยกสวรรค์รับเงินมัดจำมาจากลูกค้าบางส่วนแล้ว หากถึงเวลาแล้วไม่มีสินค้าส่งให้ นั่นเท่ากับล่วงเกินคนไม่ใช่น้อย อีกทั้งคนที่สามารถสั่งซื้อสุราเช่นนี้ได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วย แบบนั้นจะต้องยุ่งยากแน่
เขารีบพาคนมาแก้ไขปัญหาทันที อาศัยเพียงลูกน้องที่อยู่ทางฝั่งนี้ไม่มีทางรับมือหนิวโหย่วเต้าได้ คนของสามสำนักที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่พวกไร้ฝีมือเช่นกัน
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสุรา พวกเฟ่ยฉางหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ ล้วนทราบแก่ใจดี รู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังยื้อแย่งผลประโยชน์ให้พวกเขาอยู่
“เจ้าสำนักเผิงอย่าเพิ่งโมโห จิบชาระงับโทสะก่อนเถิด” หนิวโหย่วเต้าเชื้อเชิญให้ดื่มชา
“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้า!” เผิงโย่วไจ้โบกมือ “ข้าจะถามเจ้าประโยคเดียว เรื่องที่เจรจากันไว้ยังนับอยู่หรือไม่”
หนิวโหย่วเต้าปรายตามองไป๋เหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “หรือว่าไป๋เหยามิได้แจ้งเงื่อนไขของข้าต่อทางสำนัก?”
เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “อย่ามาเฉไฉ ตกลงราคากันไว้อย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น เจ้าคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้อย่างนั้นเหรอ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “มันก็ใช่ แต่ทางพวกท่านได้กินเนื้อไปแล้วก็ต้องให้คนอื่นได้ดื่มน้ำแกงบ้างหรือเปล่า? พวกเขาก็ทำงานให้ท่านอ๋องเช่นกัน…”
เผิงโหย่วไจ้เหลือบมองพวกเฟ่ยฉางหลิว ก่อนจะเอ่ยขัดว่า “พวกเขาทำงานใดเพื่อท่านอ๋องหรือ? ต่อสู้ชิงพื้นที่มาได้ คนที่ตายคือศิษย์สำนักหยกสวรรค์ของข้า พวกเขาไม่เพียงแต่จะได้ประโยชน์โดยที่แทบไม่ได้ลงแรงอะไร เรื่องการข่มขวัญโลกภายนอกก็เป็นหน้าที่ของสำนักหยกสวรรค์ของข้า ไหนเจ้าลองให้พวกเขามาพูดสิว่าพวกเขาทำอะไรให้ท่านอ๋องหลังจากที่มาอยู่ที่นี่แล้วบ้าง? ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง พื้นที่ครึ่งหนึ่งของจังหวัดชิงซานก็ให้พวกเขาไปแล้ว สำนักหยกสวรรค์ของข้าพูดคำไหนคำนั้น เรื่องที่ตกลงกันไว้ก็จัดการไปแล้ว ตอนนี้คิดจะสอดมือเข้ามายุ่งอีกหรือ? ใต้หล้านี้มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ช่วยท่านอ๋องป้องกันพื้นที่ ช่วยเหลือสำนักหยกสวรรค์ของท่าน หรือไม่นับว่าเป็นการทำงาน?”
“เหอะๆ!” เผิงโหย่วไจ้แค่นหัวเราะหยัน สุดท้ายก็นั่งลงหน้าโต๊ะ ตบต้นขาทีหนึ่ง “ดี เถียงเรื่องหลักการพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้ลงมือทำให้เห็นจริงดีกว่า ตอนนี้ทางยงผิงจวิ้นอ๋องต้องการม้าศึกและวัวควายเพื่อการเกษตรจำนวนมาก แคว้นฉีเป็นที่ทุ่งหญ้า อุดมด้วยวัวม้าเป็นที่สุด เจ้าสำนักเฟ่ย หากว่าพวกท่านสามารถซื้อม้าซื้อวัวมาได้ ข้าก็จะนับว่าพวกท่านทำงานแล้ว กำไรส่วนนี้พวกข้าก็จะยอมยกให้พวกท่าน เจ้าสำนักเฟ่ย เจ้าสำนักเซี่ย เจ้าสำนักเจิ้ง พวกท่านว่าอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก เข้าใจขึ้นมาแล้ว คนผู้นี้มิได้มาเพื่อไต่ถามเอาความ หากแต่มาเพื่อผลักภาระชัดๆ
ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกซางเฉาจงพูดอยู่ว่าสำนักหยกสวรรค์กำลังเผชิญความยุ่งยากในการจัดการเรื่องนี้ ตอนนี้ดูแล้วเหมือนความยุ่งยากที่ว่าจะมิใช่น้อยๆ เลย มิเช่นนั้นสำนักหยกสวรรค์ไหนเลยจะยอมมาต่อรองผลประโยชน์ง่ายๆ เช่นนี้ได้
ทว่าพูดกันมาถึงขนาดนี้แล้ว สามสำนักจะบ่ายเบี่ยงได้อย่างไร ไม่ยอมทำงานแล้วยังจะมาขอแบ่งเงินอีกหรือ? แบบนั้นไม่มีเหตุผล!
หนิวโหย่วเต้าลอบด่าในใจ ครั้งนี้เสียทีให้อีกฝ่ายเข้าแล้ว
เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจู่ๆ สำนักหยกสวรรค์จะมาไม้นี้ ระยะนี้ทุ่มสมาธิบำเพ็ญเพียร ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย ถูกฉวยโอกาสเข้าเสียแล้ว
เมื่อไม่ทราบสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด เขาก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร ถูกโจมตีจนมือไม้ปั่นป่วน
“เจ้าสำนักเผิง สำนักหยกสวรรค์เสียเปรียบทางแคว้นฉีกระมัง?” หนิวโหย่วเต้าสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม เปิดประเด็นขึ้นมา แล้วก็ถือเป็นการเตือนทั้งสามสำนักไปด้วย
เผิงโหย่วไจ้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง สำนักหยกสวรรค์เสียเปรียบทางแคว้นฉีไม่น้อยเลยจริงๆ จ่ายเงินไปไม่น้อยแล้ว ซื้อม้าศึกได้ฝูงหนึ่ง ยังไม่ทันส่งออกจากแคว้นฉีก็ถูกคนสกัดไว้ ไปๆ มาๆ ยังสูญเสียศิษย์ไปหลายร้อยคนด้วย เรียกได้ว่าเสียหายอย่างหนัก
ความเสียหายครั้งนี้มันน่าโมโหยิ่งนัก อยากจะเอาคืนก็อับจนหนทางจะเอาคืน จะให้สำนักหยกสวรรค์ถ่อไปไกลเพื่อกระทำตัวโอหังในพื้นที่แคว้นฉี พวกเขาก็ยังไม่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้นได้ สำนักนิกายที่คอยเฝ้าอยู่ในพื้นที่แคว้นฉีก็ไม่ใช่พวกไร้ฝีมือเช่นกัน
บังเอิญทางนี้จะขึ้นราคาสุราพอดี ได้ สมาชิกระดับสูงในสำนักจึงหารือกัน ตัดสินใจว่าจะผลักภาระไปให้สามสำนักแทน
เรื่องที่กระทั่งสำนักหยกสวรรค์ยังจัดการไม่ได้ พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสามสำนักจะจัดการได้
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า นี่เป็นการเจรจากันระหว่างสำนัก เจ้าอยู่เฉยๆ ไป ข้ากำลังเจรจากับพวกเขาอยู่ หากพวกเขาตกลง สำนักหยกสวรรค์ของข้าก็ยินดียกผลประโยชน์ให้ หากไม่ตกลง อย่างนั้นมีสิทธิ์อะไรมาให้สำนักหยกสวรรค์ของข้าตรากตรำทำงานแล้วแบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาไป?”
“เหอะๆ!” หนิวโหย่วเต้าก็หัวเราะหยันเช่นกัน สีหน้าดูแคลน
ในเวลานี้เผิงโย่วไจ้หน้าหนาเป็นอย่างยิ่ง ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย ยกชาขึ้นมาจิบช้าๆ
เจ้าสำนักทั้งสามขมวดคิ้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยทำเรื่องจัดหาม้าศึกจากแคว้นฉีมาก่อน แต่ก็รู้ถึงความยากลำบากเช่นกัน แต่สำนักหยกสวรรค์อาศัยเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการต่อรองผลประโยชน์ พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้
ทั้งสามหลบฉากออกไปทันที หารือกันอยู่พักใหญ่
หลังจากกลับมา เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยว่า “เมื่อเป็นความต้องการของท่านอ๋อง พวกเราย่อมต้องทุ่มเทความสามารถจัดการเรื่องนี้ เพียงแต่เงินที่ใช้ซื้อม้าศึก ผู้ใดจะเป็นคนจ่าย?”
เผิงโย่วไจ้ชี้ไปที่หนิวโหย่วเต้า “เขายินดีออกเงินช่วยท่านอ๋องฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชน สำนักหยกสวรรค์ของข้าไหนเลยจะนั่งมองเฉยๆ ได้ ทางข้าเองก็รับปากกับท่านอ๋องไปแล้วว่าจะช่วยออกเงินจัดซื้อม้าศึกและวัวควายสำหรับการเกษตร ขอเพียงพวกเจ้าหามาได้ สำนักหยกสวรรค์ของข้าจะเป็นคนจ่ายเงินในส่วนนี้เอง”
วาจานี้มิใช่คำปด เหตุผลแรกเป็นเพราะกำไรมหาศาลจากการขายสุราทำให้พวกเขามีความมั่นใจที่จะออกเงินส่วนนี้ เมื่อมีเงินแล้วย่อมกล้าใช้จ่าย หากไม่มีแหล่งรายได้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เขาก็ไม่มีทางยอมออกเงินส่วนนี้เช่นกัน ส่วนเหตุผลต่อมา แล้วก็เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดด้วย นั่นคือสำนักหยกสวรรค์คิดอยากจะยึดมณฑลหนานโจวมาเป็นของตนเอง เพื่อที่จะได้มีผลประโยชน์มากขึ้น
สรุปคือไม่ว่าสามสำนักจะจัดการเรื่องนี้สำเร็จหรือไม่ สำนักหยกสวรรค์ก็มีแต่ได้กับได้ ไม่มีทางเสียเปรียบเลย มิเช่นนั้นคงไม่ยอมถอยให้สามสำนักง่ายๆ
พวกเฟ่ยฉางหลิวสบตากัน สุดท้ายก็พยักหน้ารับพร้อมกัน “ได้ ตกลงตามนี้”
ทั้งสองฝ่ายเจรจากันเสร็จเรียบร้อย ภายใต้การเรียกร้องของสำนักหยกสวรรค์ ทั้งสี่จึงทำการลงนามในข้อตกลงกันตรงนั้นเลย
ช่วยไม่ได้ สามสำนักตอบตกลงแล้ว หนิวโหย่วเต้าจึงทำได้เพียงปล่อยสุราที่ระงับการส่งไว้ออกไป
เจ้าสำนักเผิงมาเจรจาด้วยตัวเอง จัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยง่ายดาย เขาคร้านจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ พาคนไปขนสุราแล้วจากไปทันที
หลังจากเฝ้ามองคนของสำนักหยกสวรรค์ขนสุราจากไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเบาๆ “เรื่องที่แม้แต่สำนักหยกสวรรค์ก็ยังจัดการไม่ได้ พวกท่านตอบรับเรื่องนี้เอาไว้ เกรงว่าจะยุ่งยากเสียแล้ว”
เซี่ยฮวาเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พวกเราเองก็ทราบถึงความยุ่งยาก แต่เขากล่าวมาเช่นนี้ แล้วจะให้พวกเราปฏิเสธอย่างไร?”
เจิ้งจิ่วเซียวถอนใจพลางเอ่ยว่า “พยายามกันให้เต็มที่เถอะ! หากจัดการไม่ได้พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
หนิวโหย่วเต้าหันไปถามพวกเขา “พวกท่านเคยจัดการเรื่องจัดซื้อม้าศึกหรือไม่?”
ทั้งสามต่างส่ายหน้า เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยว่า “พอจะเคยได้ยินมาบ้าง ทราบว่าค่อนข้างยุ่งยาก ทว่ายังไม่เคยจัดการเรื่องประเภทนี้”
หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญพลางเอ่ยเนิบๆ ว่า “เช่นนั้นก็ลองจัดการดูก่อน ช้าเร็วปัญหาเรื่องม้าศึกของท่านอ๋องก็ต้องทำการแก้ไขอยู่ดี ให้คนของพวกท่านมุ่งหน้าไปสืบดูสถานการณ์ยังแคว้นฉีก่อนก็ดี หากไม่ได้เรื่องจริงๆ พวกเราค่อยกลับมาคิดหาวิธีกัน”
………………………………………………….