ตอนที่ 283 บาดเจ็บ(2)

ตอนที่ 283 บาดเจ็บ(2)

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “นั่นเป็นเรื่องดี เอาของไปให้สือเหิงเยอะหน่อยแล้วกัน ช่วงนี้เขาคงจะยุ่งมาก” หลังจากพูดจบ หล่อนก็พูดถึงลูกชายคนเล็กขึ้นมา “พูดถึงแล้วช่วงนี้อาหลี่ก็ยุ่งมากเหมือนกัน ไม่ได้ติดต่อมาที่บ้านนานมากแล้ว ไม่รู้ว่างานของเขาจะเสร็จเมื่อไหร่”

ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ค่ะ อาหลี่ออกไปทำภารกิจบ่อย ครั้งนี้ไปก็ตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับ”

ทั้งแม่สามีกับลูกสะใภ้พูดคุยเรื่องเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่สักพัก หลังจากนั้นก็พูดคุยเรื่องอื่นกันต่อ ทันทีที่ซูหว่านอี๋เตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คนนำมาเรียกฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานเดินไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นว่าซูหว่านอี๋กำลังเตรียมอาหารชุดใหญ่ ก็อดพูดไม่ได้ “แม่คะ พ่อบุญธรรมคนเดียวคงไม่กินเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ”

ซูหว่านอี๋เหลือบมองลูกสาว ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อบุญธรรมของลูกไม่ได้อยู่ที่นั่นคนเดียวสักหน่อย ต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยสิ ถึงตอนนั้นก็ให้พ่อบุญธรรมของลูกแบ่งให้คนอื่นกินด้วยกันไง”

เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร แล้วนำสิ่งของมุ่งหน้าไปที่สถาบันวิจัยทันที

สถาบันวิจัยกับหน่วยงานอื่นค่อนข้างแตกต่างกัน ฉินมู่หลานไม่สามารถเดินผ่านเข้าไปข้างในได้เมื่อไปถึงหน้าประตู เพราะทราบดีว่ามีหลายสิ่งในสถาบันวิจัยที่ต้องถูกจัดเก็บให้เป็นความลับ จึงยกยิ้มแล้วหันไปพูดกับยาม “ฝากคนไปแจ้งผอ.เจี่ยงได้ไหมคะ ฉันเป็นคนในครอบครัวของเขา เอาของบางอย่างมาให้เขาค่ะ”

ยามที่ได้ยินว่าฉินมู่หลานมาพบเจี่ยงสือเหิง ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นทันที “ครับ ผมจะให้คนไปตาม ผอ.เจี่ยงให้ครับ”

เขาก็ทราบเหมือนกันว่าเจี่ยงสือเหิงไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว แต่พักหลังมานี้เขาไม่เห็น ผอ.เจี่ยงกับคนอื่น ๆ ในสถาบันวิจัยเลยสักนิด ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับอะไร

ฉินมู่หลานเห็นว่าคนไปตามเจี่ยงสือเหิงให้แล้ว จึงทำได้แค่รออยู่ตรงนี้

แต่ไม่นานนักก็มีใครบางคนออกมา พลางจ้องมองฉินมู่หลานด้วยแววตาเสียใจก่อนจะพูดขึ้น “ผอ.เจี่ยงไม่อยู่ค่ะ ได้ยินว่าช่วงนี้จะไม่กลับมาที่นี่สักพัก เพราะฉะนั้นคงฝากของให้เขาไม่ได้ค่ะ”

“อะไรนะคะ…ไม่อยู่เหรอ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ คิ้วก็พลันขมวดขึ้น

เจี่ยงสือเหิงเพิ่งติดต่อครอบครัวไปเมื่อไม่นานมานี้ บอกว่างานกำลังยุ่ง แต่ตอนนี้กลับได้รับแจ้งว่าพ่อบุญธรรมไม่ได้มาทำงาน นี่มันเกิดอะไรขึ้น “ไม่อยู่จริงเหรอคะ แต่ไม่นานมานี้พ่อฉันยังติดต่อมาที่บ้านอยู่เลย บอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับงาน”

เมื่อได้ยินฉินมู่หลานเรียกเจี่ยงสือเหิงแบบนั้น หลายคนในสถานที่รักษาความปลอดภัยก็ต่างพากันจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าเธอคนนี้จะเป็นลูกสาวของผอ.เจี่ยง แต่ไม่นานนักทุกคนก็เรียกสติกลับคืนมาได้ แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ผอ.เจี่ยงอยู่ที่นี่ค่ะ แต่ต่อมาเหมือนจะมีธุระต้องเดินทางไปที่อื่น”

ฉินมู่หลานไม่ได้เจอคนในวันนี้ก็ได้แต่หอบของกลับไป

เมื่อซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเห็นฉินมู่หลานหอบอาหารทั้งหมดกลับมา จึงเอ่ยถามกันด้วยความแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น สือเหิงไม่อยู่ที่สถาบันเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ พ่อบุญธรรมไม่อยู่ที่สถาบัน เห็นว่าไปทำธุระที่อื่น”

ลุงเจี่ยงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ว่าตอนที่นายน้อยติดต่อกลับมาที่บ้าน ก็ไม่ได้บอกว่าจะไปที่อื่นเลยนะครับ”

“อาจจะเป็นงานชั่วคราว พ่อบุญธรรมก็เลยไม่เวลาทันบอกที่บ้าน”

เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ ลุงเจี่ยงจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก

และฉินมู่หลานก็ตัดสินใจว่าอีกสองวันจะไปที่สถาบันวิจัยอีกรอบ

แต่ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะเจี่ยงสือเหิงยังไม่กลับมาที่สถาบัน เมื่อเห็นว่ายามไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฉินมู่หลานจึงอดเอ่ยถามไม่ได้ “ฉันขอพบคนในศูนย์วิจัยหน่อยได้ไหมคะ อยากจะถามว่าพ่อบุญธรรมไปทำธุระที่ไหน”

ยามดูลำบากใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินเช่นนี้

เพราะหลายสิ่งในสถาบันวิจัยล้วนเป็นความลับที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ พวกเขาบอกฉินมู่หลานหลายครั้งแล้ว ว่าเจี่ยงสือเหิงไม่ได้อยู่ที่สถาบันวิจัย แต่ด้วยความที่เห็นว่าเธอเป็นลูกสาวของเจี่ยงสือเหิง

ฉินมู่หลานมองออกว่าหลายคนค่อนข้างลำบากใจ ขณะเดียวกันก็ทราบด้วยว่ามีบางอย่างที่ต้องเก็บเป็นความลับ เธอจึงไม่ถามอะไรอีก แล้วคิดจะกลับมาในอีกหลายวันถัดไป

เพียงแต่ว่าขณะที่ฉินมู่หลานเพิ่งก้าวออกจากโซนรักษาความปลอดภัย และกำลังจะเดินไปทางประตูใหญ่ ก็ได้เห็นรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็ว เมื่อเห็นว่ากำลังจะชนเธอ ฉินมู่หลานก็เตรียมตัวหวังจะหลบไปด้านข้าง แต่ถึงอย่างนั้นรถก็ตอบสนองเร็วมาก เหยียบเบรกลงทันที แต่ด้วยความที่เร่งความเร็วมากเกินไปหน่อย รถจึงยังมีความเฉื่อยหลงเหลืออยู่ แล้วขับเลื่อนไปข้างหน้าอีกนิดหน่อย

ฉินมู่หลานเห็นรถหยุดลงแล้ว ก็มีใบหน้ายับยู่ดูน่าเกลียดนิดหน่อย

สถานที่เช่นนี้ ทำไมถึงได้ขับรถเร็วขนาดนั้น หากมีคนอื่นอยู่ตรงประตูจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าชนคนไปแล้วหรือ

และคนในรถก็เหมือนกำลังเร่งรีบ เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่เป็นไร คนขับรถก็รีบเปิดกระจกแล้วตะโกนออกมา “หลบหน่อย รีบหลบเร็วเข้า”

ตอนแรกฉินมู่หลานว่าจะหลีกให้ แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะขอโทษ แถมยังตะโกนเสียงดังเพื่อให้หลีกทาง เธอก็ถึงกับอยากหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะไม่ได้หลีกทางให้ ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วพูดขึ้น “ทำไมคุณขับรถเร็วจังคะ ไม่ใช่แค่แย่นะ แต่เกือบชนฉันด้วย”

“คุณ…”

แต่เมื่อจะพูดอะไรอีก ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาเฉียบคมคนนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเบาะหลัง

ครั้งนี้ยามก็มาด้วย เมื่อเห็นคนนี้ ก็รีบเอ่ยทันที “คณบดี” ยามเห็นเช่นนี้ ก็รีบอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชายคนนั้นฟังทันที “คณบดีครับ ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของ ผอ.เจี่ยง วันนี้หล่อนมาหาผอ.เจี่ยง แต่เห็นว่าผอ.เจี่ยงไม่อยู่ จึงบอกให้กลับไปก่อน ไม่คิดว่าจะบังเอิญพบท่านพอดีครับ”

“อะไรนะ…ลูกสาวของสือเหิงเหรอ?”

ฉู่เทียนหลินมองหญิงสาวแสนสวยตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างอดไม่ได้ “คุณเป็นลูกสาวบุญธรรมของสือเหิงใช่ไหม?”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะรู้จักเธอ จึงหยักหน้าทันที

ฉู่เทียนหลินเห็นฉินมู่หลานพยักหน้า แววตาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน หลังจากนั้นก็จ้องมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “คุณรีบขึ้นรถเถอะ ผมกำลังจะไปเยี่ยมสือเหิงที่โรงพยาบาล เขาได้รับบาดเจ็บ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อ้าว พ่อบุญธรรมเป็นอะไรไป โดนใครลอบทำร้ายหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)