ตอนที่ 98: การดํารงตําแหน่ง 2

หลี่เชาว์เผยหน้าบึ้งและกล่าวคําพูดอย่างแผ่วเบา “อันที่จริง ผมแค่อยากรู้ว่าคุณคิดจะไปขอภารกิจจากหน่วยอื่นมายังไงต่างหากล่ะ…. เพราะถ้าดูจากชื่อเสียงของหน่วยสองแล้ว ก็คงไม่มีหน่วยไหนเต็มใจอยากให้เราทําภารกิจแทนหรอก”

“งั้นเราก็ต้องเริ่มต้นจากคดีเล็ก ๆ พวกเราต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน ก่อนจะวิ่งได้ เราก็ต้อ งหัดเดินให้ตรงก่อน แล้วอีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ชอบพวกดีแต่ปากด้วย” เสี่ยวเฉิงกล่าวพร้อมปรบมือ เพื่อดึงดูดความสนใจจากทุกคน “งั้นตอนนี้เรามาเช็คกันเลยดีกว่าว่าจะทําคดีประเภทไหนก่อน สรุปเลยก็คืออย่าทําตัวขี้เกียจสันหลังยาว อย่าทําตัวไร้ค่าไร้ประโยชน์ ตื่นตัวกันหน่อยทุกคน! อีกอย่าง นี่ไม่ใช่แค่หน้าที่ของพวกเราเท่านั้นนะ แต่มันยังเป็นภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่มีต่อสาธารณะอีกด้วย! เพราะแบบนั้นแหละ หากหน่วยสองได้รับภารกิจอะไรก็ตาม พวกเราก็จะทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ ขอแบบจริงจังไม่จิงโจ้นะ!”

หลี่เชาว์ในตอนนี้พลันรู้สึกลังเลที่จะเปิดไฟล์ภารกิจบนคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้นมา เสี่ยวเฉิงพลันหลี่ตาและมองดูทุกคน เพราะตามจริงแล้ว แต่ละคดีก็ค่อนข้างน่ากลัว แม้แต่คดีฆาตกรรมเองก็ตาม

“อ่า คดีพวกนี้ดูเอาเรื่องอยู่นะ แต่ถ้าพวกเราปิดได้ก็ดีเลย ทําไมพวกนายไม่คิดจะลุยหน่อยล่ะ?” เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้นมาด้วยความสับสน

หวู่กังพลันเผยเสียงหัวเราะออกมา “ใช่ มันค่อนข้างเอาเรื่องเลยล่ะ อีกอย่าง ถ้าเราสามารถแก้คดีพวกนี้ได้ เราก็คงจะได้รับการยกย่องจากเบื้องบนแน่ แต่อันที่จริง การปิดคดีพวกนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ํา เบื้องบนมอบภารกิจเหล่านี้ให้เราก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าหน่วยสองจะต้องปิดคดีไม่สําเร็จแน่ เพราะแบบนั้น พวกเขาก็จะสามารถโยนความผิดมาให้หน่วยสองได้ อีกอย่าง คดีพวกนี้ต่างก็มีเรื่องของอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง มันคงไม่ดีแน่หากกรมตํารวจปิดคดีไปโดยปราศจากการจับกุมตัวผู้กระทําผิด เพราะแบบนั้นแหละ พวกเขาถึงยัดคดีจําพวกนี้ให้กับหน่วยสองอย่างไม่หยุดหย่อน อย่างที่อดีตกัปตัวหน่วยสองเคยพูดเอาไว้ การปิดคดีพวกนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เขาเลยไม่คิดจะทําอะไรกับมันเลยสักนิด”

“เวรกรรมน่ะ…ถึงแม้ว่ามันจะมาช้า แต่มันมาแน่ ฉันว่าพวกเราต้องปิดคดีพวกนี้ได้แน่” เสี่ยวเฉิงกล่าว

ทันใดนั้น คนอื่นก็พลันหัวเราะออกมา “พูดง่าย แต่ทํายากนี่สิ แต่ถ้าคุณคิดว่าตัวเองสามารถปิดคดีพวกนั้นได้จริง ก็เอาสิ”

เสี่ยวเฉิงพลันมองตรงมายังพวกเขาและพูดขึ้น “ฉันน่ะเบอร์หนึ่งเลยล่ะ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เอียงหน้าจอคอมมาทางตัวเอง พร้อมกับมองไปยังไฟล์ทั้งสามที่เปิดอยู่ ส่วนคนอื่นก็พลันหยิบบุหรี่ออกมาสูบ แต่ทว่าทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันตะโกนออกมา “ต่อจากนี้ไป ห้ามทุกคนสูบบุหรี่ในห้องทํางาน! นี่ถือเป็นกฏข้อแรกในฐานะกัปตันของพวกนายทุกคน”

หลี่เชาว์พลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่และพ่นลมออกมา แต่ทว่า ระหว่างที่เขากําลังพ่นควันบุหรี่ออกมา เสี่ยวเฉิงก็พลันโยนดินสอบนโต๊ะไปยังหลี่เชาว์ทันที ท้ายที่สุด ดินสอก็พลันแทงทะลุไบุหรี่จนหลุดของจากปากของหลี่เชาว์ไป…. ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบพลันเกิดขึ้น หลี่เชาว์ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือบาดแผลอะไรเลย มีเพียงแค่มวนบุหรี่ที่ตกลงพื้นไปก็เท่านั้น

หลังจากนั้น ระหว่างที่หลี่เชาว์หันไปมองเสี่ยวเฉิงด้วยความตกใจ สายตาของเสี่ยวเฉิงก็ไม่ได้หลุดออกไปจากหน้าจอเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคําพูดขึ้น ” หยิบดินสอคืน ให้ด้วย”

ในตอนนั้นเอง หลี่เชาว์พลันรู้สึกราวกับว่าเสี่ยวเฉิงกําลังทําให้ตัวเขาเองอับอายต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน หลี่เชาว์จึงรู้สึกหัวร้อนขึ้นมา

เสี่ยวเฉิงพลันเงยหน้าขึ้นและกล่าวคําพูดออกมาอีกครั้ง “ครั้งหน้าถ้าใครสูบบุหรี่ในห้องอีก ดินสอของฉันก็จะไม่ไปปักอยู่ที่บุหรี่แล้วแหละ แต่จะไปปักทะลุปากของพวกนายแทน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”

เปลือกตาของหลี่เชาว์พลันกระตุก เขารีบหันกลับมาหยิบดินสอบนพื้นแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะของเสี่ยวเฉิง

“ฉันไม่สนหรอกนะว่าเมื่อก่อนพวกนายจะสันดานแย่แค่ไหน แต่ต่อจากนี้ไป ช่วยปรับ ปรุงทัศนคติของตัวเองด้วย อย่าทําให้ห้องทํางานของหน่วยสองเป็นเหมือนบ้านพักคนชราอีก แต่ถ้ามีใครคนไหนอยากลาออกไปอยู่บ้านพักคนชราจริง ๆ ก็เดินมาบอกกันได้ เดี๋ยวฉันจะไปส่งที่นั่นเอง พร้อมกับมอบรถเข็นเป็นของขวัญให้ด้วย!”