ตอนที่ 99: ทีมสองกับคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาว

การพบกันครั้งแรกของเสี่ยวเฉิงและสมาชิกของหน่วยสองดูไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก แต่ทว่า มันก็ทําให้ภาพลักษณ์ของเสี่ยวเฉิงในฐานะกัปตันน่าเกรงขามขึ้นเช่นกัน

หลังจากเสร็จสิ้นการพูดคุยกันในครั้งแรก เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินออกจากห้องทํางานไป “เอาล่ะ พวกเราไปหาข้าวกินที่โรงอาหารกันดีกว่า”

เสี่ยวเฉิงพลันเดินออกมาจากห้องทํางานในระหว่างที่สมาชิกคนอื่นกําลังสบตากัน

หวู่กังพลันมองไปยังแผ่นหลังของเสี่ยวเฉิงและกล่าวคําพูดกับคนอื่น “รอดูไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าเขาเป็นแค่กัปตันจอมปากดี แต่ไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง ก็อย่าไปลงเรือลําเดียวกับเขาเลย ไม่อย่างนั้น พวกเราคงจมน้ําตายกันหมดแน่”

ทั้งสิบคนพลันเดินตามเสี่ยวเฉิงไปยังโรงอาหาร ภายในมีเพียงร้านอาหารเปิดอยู่ไม่กี่ร้านเท่านั้น อีกทั้ง ที่นี่ยังเป็นสถานที่แห่งแรกที่หรานจึงพาเสี่ยวเฉิงมาด้วย

ทันทีที่เสียวเฉิงเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ของหน่วยอื่นก็พลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมกับกระซิบนินทา

“นั่นไง คนที่ปลิดชีพปรมาจารย์หยาน…”

“วงในบอกมาว่าเขาถูกแทงไม่ใช่หรือยังไงกัน? แต่ทําไมเขาดูเหมือนคนปกติเลยล่ะ?”

“เขาชนะการประลองจริง ๆ งั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิ ถึงเขาจะถูกปรมาจารย์หยานใช้มีดสั้นแทงเข้าที่ท้อง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงนี่แหละคือผู้ชนะ”

“ฉันได้ยินข่าวลือมาว่าเขาเป็นแฟนกับหัวหน้าหรานจิงด้วยล่ะ!” เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพลันซุบซิบกันอย่างตื่นเต้น

“เขาเพิ่งจะมารายงานตัวเมื่อเช้านี่เอง กัปตันหรานจิงเป็นคนมาพาด้วย อันที่จริง เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน เขายังเป็นตํารวจลาดตระเวนอยู่เลยนะ แถมกัปตันหรานจิงก็เคยพาเขามาทานข้าวที่นี่ครั้งหนึ่งด้วย”

“ตอนแรกเจ้าหน้าที่หลี่ต้าจวงไล่ตามจีบกัปตันหรานจึงอยู่ไม่ใช่หรือยังไงกัน? ตอนนี้เขาถอดใจยอมแพ้ไปแล้วเหรอ?”

“ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละมั้ง แต่ยังไงก็เถอะ ฉันว่าเจ้าหน้าที่หลี่ต้าจวงก็งั้น ๆ แหละ ไม่เห็นจะดูแข็งแกร่งตรงไหนเลย”

ระหว่างที่กําลังทานข้าว หลี่ต้าจวงเองก็ไม่สามารถทนต่อคํานินทาได้อีกต่อไป ทันใดนั้น เขาก็พลันลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระแทกโต๊ะจนเกิดเสียงดังลั่น ไม่นานนัก ทั้งโรงอาหารก็เงียบลงทันที

เพื่อนร่วมงานของหลี่ต้าจวงพลันดึงเสื้อผ้าของเขาและกระซิบ “นายทําบ้าอะไรอยู่น่ะ?”

หลี่ต้าจวงพลันกัดฟันและหันไปมองเสี่ยวเฉิง จากนั้น เขาก็เดินตรงไปยืนหน้าเสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคําพูด “อดีตก็ส่วนอดีต แต่สําหรับตอนนี้ ถ้านายอยู่ที่นี่ ก็ช่วยอยู่ห่างจากหรานจิงเอาไว้ด้วย! อย่าปล่อยให้คนอื่นมาพูดลับหลังล่ะว่านายเข้ามาทํางานที่นี่ได้ก็เพราะใช้เส้นสายจากเธอ!”

“อ่า แต่ใครก็ตามที่มีสมองก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าฉันถูกย้ายมาประจําการที่นี่เพราะฝีมือของตัวเองล้วน ๆ” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ “อีกอย่าง ถ้านายรู้สึกไม่พอใจ เราสองคนจะขึ้นไปซัดกันบนเวทีประลองอีกก็ย่อมได้นะ”

ในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกําลังพูด เขาก็พลันเดินผ่านหน้าหลี่ต้าจวงไปเพื่อสั่งข้าว อันที่จริง หลี่ต้าจวงไม่สามารถเอาชนะเสี่ยวเฉิงได้อย่างแน่นอน แต่ทว่า หลี่ต้าจวงเองก็ยังสามารถเล่นงานลูกน้องของเสี่ยวเฉิงได้อยู่ ทันใดนั้น หลี่ต้าจวงก็พลันยื่นขาของตัวเองออกมาจนทําให้หวู่กังสะดุดล้ม

ทันทีที่เห็นเช่นนั้น หลี่เชาว์ก็แทบจะพุ่งตัวเข้าไปซัดหน้าหลี่ต้าจวง แต่ทว่า เขาก็กลับถูกหวู่กังห้ามเอาไว้

หวู่กังพลันลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นออกจากกางเกง ทว่า ระหว่างที่หวี่กังกําลังเดินจากไป เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินเข้ามาขวางทางเอาไว้

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหันหน้าไปมองหลี่ต้าจวงและกล่าวคําพูดออกมา “นายดูจะเป็นคนน่าสมเพชที่ชอบรังแกคนอื่นเอามาก ๆ เลยนะ กลัวคนที่เก่งกว่าตัวเองหรือยังไงกัน? ถ้าแค้นฉันมาก ก็มาเล่นฉันแทนสิ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับลูกน้องฉันแบบนั้น”

ทันใดนั้น หลี่ต้าจวงก็พลันกล่าวคําพูดน่าหงุดหงิดออกมา”โทษที พอดีว่าไม่ได้ตั้งใจ”งั้นก็ขอโทษเขาเสียสิ” เสี่ยวเฉิงกล่าว

หลี่ต้าจวงพลันมองไปยังหวู่กังและเผยสีหน้าสุดกวนตีน “นายต้องการคําขอโทษจากฉันไหมล่ะ?”

อันที่จริง หลี่ต้าจวงในตอนนี้ก็ดํารงตําแหน่งอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง เขาเองก็ยังเป็นครูฝึกสอนนอกเวลาของเหล่าทหารเกณฑ์อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น หลี่ต้าจวงเป็นถึงแชมป์จากการแข่งขันตํารวจพิเศษประจําปี เขาเป็นชายผู้มากไปด้วยประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ปืนหรือการต่อสู้ ด้วยเหตุนั้น เขาจึงมียศถาบรรดาศักดิ์ที่สูงมากในสํานักงานใหญ่แห่งนี้