บทที่ 243 มานี่
บทที่ 243 มานี่
เหอมี่มี่จ้องเฉินเฉินด้วยสายตาไม่พอใจ “นี่คุณทำอะไรเนี่ย? ยังไม่รีบเช็ดให้แห้งอีก”
“อ่า ประธานจาง เสื้อผ้าของคุณเปื้อนได้ยังไงเนี่ย”
เหอมี่มี่หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดอกของอีกฝ่าย
สีหน้าของเฉินเฉินดูแย่มาก แต่ไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ก็บข้าวของบนโต๊ะเงียบ ๆ
และเมื่อผู้ชายบนโต๊ะนั้นมองเห็นซูโย่วอี๋ เขาก็ไม่สามารถละสายตาได้อีก ดวงตาสีอัลมอนด์คู่นั้นสว่างไสวขึ้นราวกับดวงดาว ท่าทางสง่างามของเธอ เอวเรียวบาง และผมสีดำยาวนั่น
มันสวยงามมากจริง ๆ
ซูโย่วอี๋ลดสายตาของเธอลงต่ำ เธอกำลังคิดว่าเธอควรยอมแพ้ดีกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้ผู้ชายเลว ๆ เพื่อเกม ๆ เดียวสักนิด
เมื่อเธอกำลังเตรียมหมุนตัวจากไปก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้น “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
รอบ ๆ เสียงดังวุ่นวาย ซูโย่วอี๋นึกว่าตัวเองฟังผิดไปจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะสบตาเข้ากับสายตาของผู้ชายที่พุ่งตรงมายังเธอ
เขาดูสุภาพและอ่อนโยน เฉินเฉินเองก็ยืนอยู่เหมือนกับเป็นผู้ช่วยของเขา
เขาโบกมือเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเหอมี่มี่ “ไม่ต้องแล้ว เสื้อผ้าเลอะไปหมดแล้ว”
ซูโย่วอี๋นับไปทางซ้ายมือของตัวเอง ประธานจางคนนี้ก็คือคนที่ 3 พอดี!
เขาคือเป้าหมายในการเล่นเกมของเธอ
เมื่อครุ่นคิดอยู่สักครู่ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดคิวอาร์โคดในวีแชต จากนั้นยื่นไปตรงหน้าของประธานจาง “ขอเพิ่มวีแชตได้ไหมคะ?”
สายตาของประธานจางจับจ้องไปที่เธอ เหอมี่มี่เยาะเย้ยขึ้น “สาว ๆ สมัยนี้ไม่เคารพตัวเองกันเลย แค่เห็นคนหล่อ ๆ หน่อยก็อยากกระโดดเข้าหาโดยที่ไม่ดูเลยว่าตัวเองเป็นใคร”
“คิดว่าประธานจางจะสนใจเธองั้นเหรอ?”
ริมฝีปากของเฉินเฉินขยับเหมือนอยากพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้เปิดปาก
ชายวัยกลางคนยิ้มร้าย “นี่ มี่มี่ ใครก็รักความสวยความงามกันทั้งนั้น ประธานจางของพวกเราเป็นคนมีความสามารถ ต้องเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ อยู่แล้ว”
“แต่ว่า” เสียงของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป “ถ้าอยากขอเพิ่มเพื่อนกับประธานจางของพวกเราก็ควรถอดหน้ากากอนามัยออกก่อนนะ ไม่งั้นใครจะไปรู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นแอบซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่?”
ทุกคนพากันหัวเราะออกมา
ส่วนเหอมี่มี่มองอย่างเหยียดหยาม เธอคิดว่าแค่สวยนิดหน่อยก็คงอยากจับผู้ชายรวย ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองก็เป็นเพียงของเล่นของพวกเขาเช่นกัน
“งั้นก็ถอดหน้ากากอนามัยออกสิ”
อย่างไรเสียซูโย่วอี๋ก็เป็นบุคคลสาธารณะ การเปิดหน้ากากในสถานที่ที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้คงจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแน่ ๆ เธอจึงดึงโทรศัพท์กลับมา “ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
ประธานจางขมวดคิ้วขึ้น “เดี๋ยวก่อน”
พูดจบก็เปิดวีแชตในโทรศัพท์ของตัวเอง “คุณสแกนผมแล้วกัน”
เหอมี่มี่มองประธานจางด้วยสายตาจริงจัง ในใจก็รู้สึกอิจฉาผู้หญิงตรงหน้ามาก
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนสวยหรือน่าเกลียด เธอจึงอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้
ซูโย่วอี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและเดินกลับไป พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนคิวอาร์โคดของประธานจาง อีกฝ่ายกดยอมรับอย่างรวดเร็ว
ประธานจางจ้องเธอ “คุณชื่ออะไร?”
ซูโย่วอี๋เตรียมที่จะพูดเรื่องเกม แต่จู่ ๆ ใบหน้าก็เย็นวาบขึ้นมา
หน้ากากอนามัยถูกคนดึงออกไปแล้ว!
เธอรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเอง แต่เหอมี่มี่จำเธอได้แล้วและตะโกนขึ้นมา “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
มันดึงดูดให้คนจำนวนไม่น้อยหันหน้ากลับมามอง
ซูโย่วอี๋อยากจะออกไป แต่ก็ถูกเหอมี่มี่จับเอาไว้ “ดีเลย ซูโย่วอี๋ เธอออกมาล่าผู้ชายลับหลังประธานลู่สินะ โชคดีนะที่ถูกฉันจับได้”
ซูโย่วอี๋ไม่ปิดบังอะไรอีกแล้ว เธอมีสีหน้าเย็นชาขึ้น “เหอมี่มี่ เมียน้อยอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉันด้วยเหรอ?”
“ใส่ร้ายคนอื่นให้มันน้อย ๆ หน่อย เธอบอกว่าฉันเป็นเมียน้อย เธอมีหลักฐานเหรอ? แต่พวกเราเห็นกันหมดว่าคุณมาขอเพิ่มวีแชตประธานจาง”
ประธานจางมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกเหมือนเคยพบเธอที่ไหนมาก่อน ในหัวเริ่มระดมความคิดจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเธอคนนี้คือซูโย่วอี๋ ผู้หญิงที่แสดงเป็นฮั่วเสวียนและโด่งดังมากในช่วงนี้!
ถึงว่าเขาถึงได้รู้สึกคุ้น ๆ กับดวงตาคู่นี้ของเธอ
เพราะเขาเองก็ชอบนักแสดงที่แสดงเป็นฮั่วเสวียนมาก!
ชายวัยชราที่เหลือไม่ได้ดูโทรทัศน์หรือไม่ได้ติดตามดารา แต่ก็ถูกความสวยของซูโย่วอี๋ทำให้ตกตะลึง “มี่มี่ คุณรู้จักกับสาวสวยคนนี้ด้วยเหรอ?”
“สาวสวย? พวกคุณอย่าถูกภายนอกของเธอหลอกสิ เธอก็แค่ผู้หญิงใจง่ายชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น”
ต่อมา มีมือหนึ่งตบลงไปที่ใบหน้าของเหอมี่มี่อย่างแรง
เหอมี่มี่มองไปยังซูโย่วอี๋ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เธอกล้าตบฉันเหรอ?”
เธอโกรธจนหอบหายใจแรงและรีบลุกขึ้นพร้อมทั้งใช้มือตบลงไปทางซูโย่วอี๋
แต่คนที่มีทักษะการต่อสู้อย่างซูโย่วอี๋จะยอมได้อย่างไร เธอใช้มือซ้ายจับมือของเหอมี่มี่เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย และมือขวาก็ตบลงไปที่เหอมี่มี่อีกครั้งอย่างไม่ลังเล
“การตบสองครั้งนี้ก็เพื่อให้เธอเลิกพูดจาแย่ ๆ เกิดมาไม่มีพ่อแม่สั่งสอนหรือไง อย่าคิดว่าโลกใบนี้หมุนรอบตัวเธอนะ คนที่เก่งกว่าเธอมีอยู่ตั้งมากมาย พวกเขาแค่ไม่อยากลดตัวมาหาเธอก็เท่านั้น”
เหอมี่มี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธจัด “ซูโย่วอี๋ นังสารเลว!”
เฉินเฉินพูดขึ้น “มี่มี่ พอได้แล้ว”
แต่เหอมี่มี่ตบหน้าเขาไปเต็ม ๆ “คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า? ฉันถูกตบขนาดนี้คุณไม่ใช่แค่ไม่ช่วยฉัน แต่ยังมาบอกให้ฉันพออีก? วันนี้ถ้าฉันไม่ได้ตบมันคืน อย่ามาเรียกฉันว่าเหอมี่มี่เลย”
“เฉินเฉิน ไปจับเธอเอาไว้”
แต่เฉินเฉินไม่ได้ขยับไปไหน
ซูโย่วอี๋ไม่อยากวุ่นวายอยู่ที่นี่อีกจึงหมุนตัวเดินจากไป
เหอมี่มี่จะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ ได้ไง เธอจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปชนจนเธอล้มลงไปกับพื้น เฉินเฉินที่ทำอะไรไม่ถูกจึงรีบใช้แรงทั้งหมดดึงคนตรงหน้ามาไว้ในอ้อมแขน
เหอมี่มี่ยังไม่ยอมหยุดจึงล้มลงไปนอนกับพื้น เสียงเสื้อผ้าขาดดัง ‘แควก’ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนคนบ้า
เมื่อเธอหันหน้ากลับมาก็เห็นว่าเฉินเฉินกำลังปกป้องคน ๆ หนึ่ง และดึงซูโย่วอี๋เข้าไปในอ้อมแขน
นั่นทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก
เหอมี่มี่ยังคงพยายามต่อไป เธอนั่งอยู่กับพื้นและร้องไห้ไปด้วยโวยวายไปด้วย “มาดูกันเร็ว ดาราดังไร้ยางอายถึงขนาดนี้เลย เธอแย่งสามีของคนอื่น”
สีหน้าของคนในโต๊ะเริ่มไม่สู้ดีนัก แม้จะพูดได้ว่าสถานการณ์เมื่อครู่นี้พวกเขากำลังดูกันอย่างตื่นเต้น แต่ทะเลาะกันจนถึงขนาดนี้ ทุกคนก็เริ่มรู้สึกอายขึ้นมา
ประธานจางรู้สึกเบื่อหน่ายกับเหอมี่มี่มากจริง ๆ “คุณ…”
แค่อ้าปากพูด กลุ่มคนต่างก็พากันกรูเข้ามา
ทันใดนั้นก็มีร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเดินเข้ามา ถ้าไม่ใช่ลู่เฉินแล้วจะเป็นใครกันล่ะ?
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยกู่อวี๋เฉิง เสี่ยวเหล่าซาน ปานจ่าง ซูหยิน และไป๋เสิ่นเฉียว
คนในโต๊ะเริ่มนั่งกันไม่ติดอีกต่อไป ต่างคนก็ลุกขึ้นมาและตะโกนขึ้น “ประธานลู่”
สายตาของลู่เฉินไม่ได้มองใครเลย เขามองแค่ซูโย่วอี๋ “มานี่”
ซูโย่วอี๋หลุดพ้นจากมือของเฉินเฉินเดินไปทางลู่เฉิน
มือของเฉินเฉินยกขึ้นไปในอากาศโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับว่าเขาอยากจะคว้าเธอไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้เลย
ส่วนประธานจางก้าวออกมาด้านหน้าสองก้าวและยื่นมือออกมา “ประธานลู่ ขอโทษด้วยจริง ๆ ผมเผลอลืมความสัมพันธ์ระหว่างคุณซูกับคุณไปเลยไม่สุภาพกับเธอไป”
มือของลู่เฉินโอบไปที่เอวของซูโย่วอี๋และขมวดคิ้วขึ้น “คุณคือใครครับ?”
เขาไม่มีเจตนาเยาะเย้ยหรือตั้งใจทำให้ขายหน้าใด ๆ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังโดนดูถูกอย่างไม่มีเหตุผล
ประธานจางหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย
คนอื่นเรียกเขาว่าประธานจาง แต่เขากลับไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะพูดคุยกับลู่เฉิน หน้าผากมีเหงื่อไหลลงมา “ผมมาจากตระกูลจาง เคยพบคุณที่งานเลี้ยง”
“ผมไม่รู้จัก”
ประธานจางก้มศีรษะลง “คนงานยุ่งอย่างคุณจะไม่สังเกตเห็นผมก็คงเป็นเรื่องธรรมดามั้งครับ”
ทันทีที่ลู่เฉินปรากฏตัวขึ้น เหอมี่มี่หยุดว่าซูโย่วอี๋ในทันที ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งพยายามหาโอกาสหนีไป
ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่เธอเริ่มขยับตัว ลู่เฉินเหมือนกับมีตาอยู่ข้างหลัง “เดี๋ยวก่อน”