บทที่ 218 หาเรื่องคืน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ดีจัง คิดไม่ถึงว่าฉันจะได้ด้วย!”วารุณีเอาการ์ดเชิญแนบไปที่หน้าอกอย่างตื่นเต้น

ตั้งแต่เมื่อวานที่รู้จากนัทธีว่า Mr.Dylanจะมาเปิดนิทรรศการที่จังหวัดจันทร์ เธอก็เสียใจตลอดที่ไม่ได้เจอMr.Dylan

คิดไม่ถึงว่าจะกลับกัน Mr.Dylanดันเชิญเธอเองด้วย!

นึกถึงตรงนี้แล้ว วารุณีก็จูบลงที่การ์ดเชิญอย่างดีใจ จากนั้นเอาการ์ดเชิญใส่ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง แล้วออกไปจากสตูดิโอ

ตอนเย็น วารุณีกำลังนั่งบนโซฟา ดูโทรทัศน์กับลูกสองคน กำลังดูอยู่ จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เธอหยุดหัวเราะ หยิบโทรศัพท์ ด้านในกระเป๋าออกมา พอเห็นเบอร์ที่โทรมา ก็ดูเย็นชาลงทันที

“อารัณ ไอริณ พวกลูกกลับไปที่ห้องก่อนนะ”วารุณีจ้องหน้าจอโทรศัพท์ แยกลูกทั้งสองคนออกไป

สุภัทรโทรมาในตอนนี้ จะต้องมาเพื่อต่อว่างานแถลงข่าวในวันนี้แน่

ยากที่เธอจะห้ามไม่ให้ทะเลาะกับเขาขึ้นมา ดังนั้นจึงให้ลูกสองคนออกไปดีกว่า

อารัณมองเห็นเบอร์ที่โทรมาบนโทรศัพท์ของวารุณี ก็รู้ว่าคุยโทรศัพท์ต่อจากนี้หม่ามี๊จะไม่ให้พวกเขาฟัง จึงพยักหน้าเล็กๆลงอย่างทำอะไรไม่ได้ จูงไอริณกลับไปในห้อง

วารุณีมองประตูห้องนอนเด็กที่ปิดลง จึงกดรับ“คุณสุภัทร มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ยัยเด็กไม่มีใครสั่งสอน!”สุภัทรเริ่มพูดก็ตวาดออกมา แต่เนื่องจากในเสียงมีความอ่อนแอ การตวาดนี้จึงไม่ดูรุนแรงนัก

วารุณีหยิบรีโมตขึ้นมา ปิดโทรทัศน์ลง ตอบไปอย่างไม่รีบร้อน“คุณสุภัทร ฉันเป็นลูกที่ไม่มีใครสั่งสอน งั้นคุณล่ะเป็นอะไร?พ่อที่ไม่สอนลูก?”

“แก……”สุภัทรโกรธกับคำว่าพ่อที่ไม่สอนลูกของเธอจนพูดไม่ออก สักพักจึงหายใจอย่างรีบร้อน ระงับความโกรธไว้ ถามเสียงคมกริบว่า“ฉันถามแกหน่อย ทำไมแกต้องบอกตัวตนที่แท้จริงของพิชญาในงานแถลงข่าวด้วย?”

“ก็ถูกคุณบังคับไงล่ะ!”วารุณีสะบัดเล็บไปมา ตอบกลับนิ่งๆ

อือ เล็บของเธอยาวเล็กน้อยแล้ว

พรุ่งนี้นัดปาจรีย์ไปทำใหม่ละกัน

“ถูกฉันบังคับ?”สุภัทรสำลักน้ำลายตัวเอง

เพราะว่าเขาคิดว่าคำนี้คุ้นๆหู ไม่ใช่ว่าในสายที่โทรเมื่อวาน ตอนที่เธอถามเขาว่าทำไมต้องใส่ร้ายเธอกับนัทธีลงในเน็ตด้วย เขาก็ตอบเธอแบบนี้เหรอ?

เธอดันใช้คำพูดของเขา มาตอบโต้เขา!

“ใช่ คุณใช้พลังความคิดเห็นของประชาชน บังคับให้ฉันถอนฟ้องขยานี ทำใบรับรองปลอมให้พิชญา ฉันถูกคุณบังคับจนหมดหนทาง ได้แต่ใช้วิธีนี้แล้ว”วารุณียักไหล่ สื่อให้เห็นว่าตัวเองหมดหนทาง

สุภัทรพูดไม่ออกกับคำพูดของเธอ กล้ามเนื้อที่ใบหน้าแก่ๆนั้นกระตุกแล้วตะโกนไป:“ใช่ แกได้แต่ใช้วิธีนี้ แต่แกรู้ไหมว่า แกทำแบบนี้ ส่งผลยังไงต่อตระกูลศรีสุขคํากับบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ป?ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปตกหมดแล้ว!”

วารุณีเอาโทรศัพท์ออกจากหูเล็กน้อย“คุณสุภัทร คำพูดคุณตลกหน่อยนะคะ หุ้นของบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปตกก็เพราะว่าคุณทำเอง ถ้าตอนนั้นคุณไม่นอกใจ ก็จะไม่มีวันนี้ อีกอย่างฉันอยากจะให้ราคาหุ้นของตระกูลศรีสุขคําต่ำลง ต่ำลงจนถึงที่สุด จากนั้นก็ประกาศล้มละลาย!”

บริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปเป็นบริษัทที่สุภัทรกับแม่สร้างมาด้วยกัน แม้กระทั่งแม่ก็ยังก็ยังทุ่มเทมากกว่าหน่อย

แต่เจ็ดปีก่อน สุภัทรหลอกแม่ให้เซ็นหนังสือโอนหุ้น ให้แม่ออกไปตัวเปล่า ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไม่รู้สึกใดๆต่อบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปอีก

“แก……”สุภัทรสำลักเล็กน้อย จากนั้นกำไม้เท้าแน่น ยังอยากพูดอะไร

วารุณีก็หาวออกมา รู้สึกหมดความอดทนแล้ว “คุณสุภัทร นี่ก็ดึกแล้ว คือแบบนี้ค่ะ ฉันต้องพักผ่อน ลาก่อน!”

พูดจบ เธอก็ตัดสาย ทิ้งโทรศัพท์ไปข้างๆ

“ฮัลโหล?ฮัลโหล?”สุภัทรยังตะโกนไปที่โทรศัพท์

“อย่าตะโกนเลย เธอวางสายไปแล้ว”ด้านหลัง เสียงเยือกเย็นของพิชญาก็ดังขึ้น

สุภัทรเอาโทรศัพท์ลงมา ก็พบว่าสายตัดไป เลยหันหน้าไปอย่างเซ็งๆ“ไอ้ระยำนั่น แกเห็นฉันเป็นพ่อบ้างไหม!”

ได้ยินคำนี้ พิชญาก็หัวเราะเยาะ“พ่อ ฉันไม่ได้บอกพ่อเหรอ ถ้าเป็นใครโดนพ่อแท้ๆของตัวเองทำแบบนี้ ก็ไม่เห็นเขาเป็นพ่อหรอก ที่พ่อรู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามหรือไง?”

มุมปากสุภัทรกระตุก ใบหน้าดูลำบากใจ ไม่พูดอะไร

ทันใดนั้น ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก ขยานีที่สวมชุดนักโทษ ถูกตำรวจพาเข้ามา

เพียงสองวันสั้นๆ ขยานีก็ผอมลงไปหมด หน้าซีดเหลือง โหนกแก้มนูนขึ้นมา ดูแล้วน่าจะขมขื่นมากขึ้น

เธอมองพิชญาที่ผอมลงเหมือนกัน แล้วก็มองสุภัทรที่มีใบหน้าอิดโรย ร้องไห้ออกมา“สามี คุณช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยู่ในนี้ทรมานอย่างมาก กินก็ไม่ดี นอนก็ไม่สบาย แล้วยังมีคนแกล้งฉันอีก!”

ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ พิชญาก้มหน้าลง มีความรังเกียจลึกๆในสายตา

สุภัทรก็ปวดหัวจากเสียงร้องไห้ของเธอ เส้นเลือดที่ขมับปูดออกมา“พอแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว คำตัดสินของคุณออกมาแล้ว ผมจะช่วยคุณอย่างไรล่ะ?คุณทนไว้ก่อนนะ รอผ่านไปอีกสิบวันก็จะดีเอง”

“สิบวัน……”ขยานีหมดหวัง สายตาหม่นลง แต่พอเห็นพิชญา เธอก็ฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง“งั้นพิชญาล่ะ ฉันช่วยไม่ได้ งั้นคุณต้องช่วยพิชญานะ?ลดโทษให้เธอสองสามปีให้ได้”

“ไม่มีประโยชน์ วารุณียังไม่รับปากว่าจะทำหลักฐานปลอมให้ฉัน”พิชญาเงยหน้าขึ้น ดวงตาหรี่ลงอย่างอันตราย“แต่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ยอมทำหลักฐานปลอม งั้นก็ไม่ต้องให้เธอไปเข้าร่วมที่ชั้นศาล”

ได้ยินอย่างนั้น สุภัทรกับขยานีก็สบตากัน จากนั้นมองไปที่เธอ“พิชญา ลูกจะทำยังไง?”

พิชญาไม่สนใจขยานี กวักมือไปที่สุภัทร“พ่อ พวกเราแบบนี้ดีกว่า……”

ฟังวิธีของเธอเสร็จ แววตาสุภัทรก็มีความตกใจ จากนั้นก็เด็ดเดี่ยวขึ้นมา พยักหน้าไป“พ่อรู้แล้ว พ่อจะจัดการเอง”

พูดจบ เขาก็ออกไปจากสถานีตำรวจ

วันรุ่งขึ้น กินอาหารเช้าเสร็จ วารุณีก็หยิบประเป่านักเรียนของไอริณขึ้นมา เตรียมส่งเธอไปเรียน

อย่างไรก็ตามจู่ๆไอริณกลับวิ่งกลับไปที่ห้อง แล้วล็อกประตู

วารุณีตบประตูห้อง“ไอริณลูกทำอะไรน่ะ รีบเปิดประตู”

“ไม่เปิดๆ หนูเปิดประตูแล้ว หม่ามี๊ก็จะส่งหนูไปโรงเรียนอนุบาล”ด้านหลังประตู ไอริณที่นั่งอยู่กับพื้นเอาหลังชนประตูส่ายหน้าเล็กๆลง ตอบกลับด้วยเสียงอุดอู้

วารุณีตะลึงเล็กน้อย

ที่แท้ไอริณขังตัวเองไว้ด้านใน เพราะไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาล?

วารุณีละสายตาลง คิดสักครู่หนึ่ง ก็พอจะคิดถึงสาเหตุที่ไอริณไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลออก

ดูเหมือนเรื่องเมื่อวันก่อน จะทำร้ายไอริณอย่างมากจริงๆ ทำให้ตอนนี้เธอยังไม่ลืม

วารุณีถอนหายใจ ฝืนยิ้มที่มุมปากออกไป แล้วพูดว่า:“แต่ว่าไอริณไม่ไปโรงเรียน จะเรียนรู้เรื่องกับคุณครูได้ไงล่ะ?เพื่อนคนอื่นๆเรียนกัน ไอริณอยากตกรั้งท้ายลงมาจากเพื่อนๆเหรอ?”

ไอริณที่อยู่ในห้องได้ยินคำนี้ ร่างเล็กๆก็แข็งทื่อ แต่แป๊บเดียว ก็ผ่อนคลายลง“ตกลงมาก็ตกลงสิ ตกลงมาหนูก็ไม่ไป หนูไปพวกเขาก็รังแกหนู บอกว่าหนูไม่มีพ่อ เป็นเด็กขาดพ่อ ฮือๆๆ……”

พูดไปนั้น จู่ๆสาวน้อยก็ร้องไห้ออกมา บอกว่าไม่ยอมเปิดประตู

วารุณีหมดปัญญา

ตอนนี้เอง เสียงของอารัณก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“งั้นให้คุณอานัทธีไปส่งเป็นไง แบบนี้พวกเขาก็ไม่ว่าตัวเองแล้ว?”

“หือ?”วารุณีหันไปอย่างไม่รู้ตัว เห็นนัทธีถูกอารัณดึงมา อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น“ประธานนัทธีคุณ……”

“ถูกอารัณลากมา”นัทธีเงยหน้าขึ้นไปมองที่อารัณ

ที่จริงเขาเตรียมจะไปบริษัท แต่ยังไม่ทันออกไป กริ่งที่ประตูก็ถูกอารัณกด

จากนั้นป้าส้มก็เปิดประตู อารัณจึงพุ่งเข้าไปในห้องเขาโดยตรง เข้าไปดึงเขา บอกว่าจะให้เขาช่วยอะไรสักอย่าง

“ไร้สาระ!”วารุณีตบหัวเล็กๆของอารัณทันที ตำหนิไปเสียงแผ่วเบาว่า“คุณอานัทธีไม่ยุ่งหรือไง ลูกถึงให้เขาไปส่ง?”