บทที่ 219 ไม่ไปเรียน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ตอนที่นัทธีถูกอารัณพามา ก็รู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว ยกมุมปากขึ้นเบาๆ:“ไม่เป็นไร ผมจะออกจากบ้านพอดี ผ่านไปส่งไอริณได้”

“แต่ว่า……”

วารุณียังอยากจะพูดอะไรอีก จู่ๆประตูห้องตรงหน้าก็เปิดออก ไอริณออกมาจากด้านใน กอดขาของนัทธีไว้“หม่ามี๊ หนูจะให้คุณอานัทธีไปส่ง!”

อารัณยิ้มอย่างภูมิใจ“ดูสิครับ วิธีของผมได้ผล ให้คุณอานัทธีมา ไอริณก็ออกมา”

วารุณีชำเลืองมองเขา เขาหลับตาลงทันที

วารุณีมองไปที่นัทธีอีก โค้งให้เขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ประธานนัทธี ขอโทษจริงๆนะคะ รบกวนคุณอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไร”นัทธีลูบหัวของไอริณ ตอบกลับด้วยเสียงอบอุ่น

“พ่อคะ อุ้ม!”ไอริณกางแขนสองข้างออก มองไปที่นัทธี

วารุณีเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง ตบหลังของสาวน้อย แล้วพูดอย่างจริงจัง:“เรียกว่าอา”

“ไม่ค่ะ”ไอริณโอบคอของนัทธี“หนูจะเรียกว่าพ่อ ยังไงหม่ามี๊ก็ไม่ยอมบอกหนูกับพี่ ว่าพ่อของพวกเราเป็นใคร งั้นต่อไปคุณอานัทธีก็จะเป็นพ่อของหนู”

“ลูก……”วารุณีตะลึงกับคำพูดของลูกสาวจนพูดไม่ออก โกรธจนหน้าแดง

ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“ไม่เป็นไร ให้พวกเขาเรียกเถอะ ผมดีใจมาที่ได้เป็นพ่อของพวกเขา”

อารัณได้ยินคำพูดของเขา ก็กะพริบตาอย่างมีไหวพริบ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

ต่อมา อารัณก็ดึงปลายเสื้อของวารุณี“หม่ามี๊ ผมไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลกับไอริณละกัน ผมไม่ได้ไปโรงเรียนนานแล้ว”

“งั้นก็ได้”เปลี่ยนความคิดของเขาไม่ได้ วารุณีจึงพยักหน้าเห็นด้วย

ให้เขาไปก็ดี มีเขาอยู่ที่โรงเรียนกับไอริณ เธอก็โล่งอกไปบ้าง

“ดีจัง”อารัณตบมือ

นัทธีจับเขาไว้ มือข้างหนึ่งอุ้มไอริณ พูดกับวารุณี:“งั้นพวกเราไปก่อนนะ”

“ค่ะ”วารุณีตอบกลับ แล้วส่งพวกเขาที่หน้าลิฟต์

ลิฟต์ใกล้ถึงแล้ว เด็กสองคนบอกลาวารุณี แล้วเข้ามาในลิฟต์กับนัทธี

ประตูลิฟต์ปิดลง มือเล็กๆของอารัณเท้าสะเอว เงยหน้ามองนัทธี“คุณอานัทธี คุณอาเพิ่งบอกว่า ดีใจมากที่ได้เป็นพ่อของพวกเราใช่ไหมครับ?”

นัทธีวางไอริณลง สบตากับเขา“ถูกต้อง”

“จริงๆด้วย พ่อบุญธรรมพูดถูก”อารัณพยักหน้า

พ่อบุญธรรมที่เขาพูดถึงก็คือพงศกร นัทธีรู้ ก็หรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ“เขาพูดอะไรจริงเหรอ?”

“หลายวันก่อนผมอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยินพ่อบุญธรรมคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ พูดถึงคุณอานัทธีกับหม่ามี๊ พ่อบุญธรรมบอกว่าคุณอานัทธีชอบหม่ามี๊ครับ”

“หนูก็ได้ยินค่ะ”ไอริณไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่าเขา ชูมือเล็กๆขึ้นมาแล้วพูดต่อทันที

อารัณหัวเราะร่ามองไปที่นัทธี“ตอนแรกผมไม่เชื่อ จนคุณอาพูดคำเมื่อกี๊ ผมก็มั่นใจว่าพ่อบุญธรรมพูดจริง ถ้าคุณอาไม่ชอบหม่ามี๊ ทำไมคุณอาต้องดีใจที่ได้เป็นพ่อของพวกเราล่ะ?อย่าเห็นว่าพวกเราเป็นเด็ก ผมรู้ว่ามีสุภาษิตพูดว่ารักเขาก็ชอบทุกอย่างของเขา คุณอาชอบหม่ามี๊จึงชอบพวกเราด้วย”

แววตานัทธีดูตกใจเล็กน้อย

เขารู้มาตลอดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่คิดไม่ถึงว่า จะอัจฉริยะได้ถึงจุดนี้ แม้แต่ความรู้สึกของชายหญิงก็ยังพูดอย่างเป็นระเบียบแบบแผน

ข้างในใจของนัทธีมีความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา เขานั่งยองตัวลงไป สบตาในระดับเดียวกับอารัณ

เวลานี้ ไม่เห็นอารัณเป็นลูกแล้ว แต่ให้เป็นพันธมิตรที่พูดคุยกันได้อย่างเท่าเทียม

“ถูกต้อง อาชอบหม่ามี๊พวกหนู อยากเป็นพ่อของพวกหนู พวกหนูโอเคไหม?”นัทธีถาม

อารัณยังไม่ตอบ ไอริณก็ปรบมือด้วยความยินดี“โอเคค่ะ!”

“ตัวเองอย่าพูดสิ!”อารัณมองเธออย่างไม่ชอบใจ จากนั้นจับเธอไว้ด้านหลัง มองนัทธี ไม่ตอบแต่ถามย้อนไปว่า“ถ้าผมบอกไม่โอเคล่ะ คุณอานัทธีจะยอมแพ้ไหม?”

นัทธีส่ายหน้า“ไม่มีทาง”

“งั้นอายังจะถามพวกเราอีก”อารัณมองบนใส่ จากนั้นกลอกตาไปมา พูดอีกว่า:“แต่ว่าคุณอานัทธี คุณอามาเป็นพ่อของพวกเรา มีประโยชน์อะไรกับพวกเราเหรอ?”

“อาจะเห็นพวกหนูเป็นลูกแท้ๆของตัวเอง พยายามทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุดกับพวกหนู พอไหม?”นัทธียกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย

ไอริณไม่เข้าใจ กะพริบตาปริบๆ ได้แต่ถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้“งั้นจะรับส่งพวกเราไปเรียนไหมคะ?”

“แน่นอน!”นัทธีพยักหน้า

ไอริณหัวเราะ“จะพาพวกเราไปเล่นที่สนุกๆไหมคะ?ตอนที่หนูกับพี่โดนรังแก จะปกป้องพวกเราได้ทันเวลาไหมคะ?”

“ได้สิ!”นัทธีลูบหัวของเธอ ตอบกลับอย่างไม่ลังเล

ไอริณโผลเข้าไปในอ้อมแขนเขา“พี่ หนูจะให้คุณอานัทธีเป็นพ่อของหนู”

อารัณยักไหล่“พี่โอเคก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้หม่ามีโอเคต่างหาก หม่ามี๊ยอมรับคุณอานัทธีแล้ว คุณอานัทธีถึงได้เป็นพ่อของพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็เป็นได้แค่พ่อบุญธรรม”

“งั้นเลิกเรียนแล้วหนูจะไปบอกหม่ามี๊ ให้หม่ามี๊โอเค”ไอริณพูดด้วยสายตาเป็นประกาย

“ไร้เดียงสา!”อารัณเบะปาก“ตัวเองจะให้หม่ามี๊โอเค หม่ามี๊ก็ต้องโอเคหรือไง?”

ไอริณคิดว่าก็ใช่ แววตาที่เป็นประกายหายไป“งั้นพี่ พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

“ไม่ต้องห่วง แค่หนูกับพี่ชาย พูดถึงอาต่อหน้าหม่ามี๊บ่อยๆ หม่ามี๊พวกหนูก็จะโอเคแล้ว”นัทธีมองเธอ

ดวงตาของไอริณเป็นประกายอีกครั้ง พยักหน้าแรงๆ“โอเค หนูจะพูดถึงพ่อบ่อยๆค่ะ!”

เพื่อพิสูจน์ความจริงจังของตัวเอง เธอก็จบหน้าอกเล็กๆของเธอด้วย

นัทธีตลกกับท่าทางน่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะจูบหน้าผากเขาไป

อารัณที่อยู่ข้างๆถึงจะไม่พูด แต่เขาก็ต้องยอมรับว่า ตัวเองก็ใจเต้นกับเรื่องนี้ ความคิดอยากมีพ่อในใจเขา ไม่น้อยไปกว่าไอริณ และคุณอานัทธี ไม่ว่าด้านไหนก็สอดคล้องมากกับมาตรฐานของพ่อในใจเขา

ให้คุณอานัทธีเป็นพ่ออาจจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว ส่วนที่หม่ามี๊บอกว่าในใจคุณอานัทธีมีคนที่ชอบแล้ว ต่อไปจะแต่งงานกับคนนั้น เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง พ่อบุญธรรมกับคุณอานัทธีต่างยอมรับเองแล้วว่าชอบหม่ามี๊ หม่ามี๊ยังคิดว่าคุณอานัทธีชอบคนอื่น งั้นก็น่าจะถูกใครหลอกแล้ว

ติ๊ง ถึงลิฟต์แล้ว

นัทธีพาเด็กสองคนเดินออกไป ขับรถไปที่โรงเรียนอนุบาล

พอส่งเด็กสองคนไปที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จ ก็รีบไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ซึ่งสองชั่วโมงแล้ว

มารุตเอาเอกสารฉบับหนึ่งยื่นให้นัทธี“ประธานครับ นี่คือห่วงโซ่อุปทานใหญ่ๆสองสามแห่งที่ตอนนี้ยังดำเนินงานอยู่กับบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ป”

นัทธีรับมาเปิดดู แล้วก็ปิดลงคืนเขาไป“ถูกต้อง ละเอียดดีมาก กดดันตามแผนเดิมไป ภายในสามวัน ผมต้องการเห็นบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปถอนไปจากหลักทรัพย์จดทะเบียน”

“เข้าใจแล้วครับ!”มารุตตอบรับไป จากนั้นคิดอะไรได้ จึงพูดอีกว่า:“แล้วก็ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณวารุณีส่งภาพออกแบบสุดท้ายของโครงการประมูลมาแล้ว แล้วเลขาฯ เสกข์ก็ส่งไปที่อีเมลของคุณแล้วครับ”

“เข้าใจแล้ว ผมจะดูทันที”นัทธีพูดไป ก็ผลักประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้าไป เดินไปนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน แล้วเปิดคอมพิวเตอร์

มองเห็นแบบแต่ละใบที่ดูมีสีสัน แพรวพราวสดใส เขาเงยคางขึ้นอย่างพอใจ เอาผลตรวจสอบของตัวเองส่งให้เลขาฯ เสกข์

เลขาฯ เสกข์แจ้งวารุณีอีก

วารุณีรู้ว่าภาพออกแบบของตัวเองผ่านแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างแรง หัวเราะออกมา จากนั้นเตรียมเรื่องตัดเสื้อ

เวลาผ่านไปไวมาก พริบตาเดียวก็สามวันแล้ว ถึงวันพิจารณาคดีของพิชญาแล้ว