ตอนที่ 204

My Disciples Are All Villains

ผู้ฝึกยุทธต่างก็พูดกันเองเมื่อได้ยินเรื่องของเศษเสี้ยวฟากฟ้า

ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหลายจะเห็นเศษเสี้ยวฟากฟ้าเป็นเหมือนกับของระดับโลกเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ให้ค่ามันในฐานะอาวุธเลย เยี่ยนซานที่สามารถหาของสิ่งนี้มาได้เป็นเพราะว่าจีเทียนเด๋าได้ทิ้งมันไปเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตามเศษเสี้ยวฟากฟ้าเป็นเหมือนกับของอันล้ำค่าสำหรับคนอื่นมาก แม้ว่าพวกมันอาจจะไม่ใช่อาวุธก็จริง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นสุดยอดของวัสดุที่จะนำไปสร้างอาวุธได้ใหม่ แม้แต่อาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กน้ำแข็งพันปีเองก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับอาวุธที่จะถูกสร้างมาจากเศษเสี้ยวฟากฟ้าได้ ไม่ว่าจะยังก็แล้วแต่ทุกคนก็อยากที่จะได้อาวุธที่สามารถทำลายม่านพลังป้องกันได้

แต่ถึงแบบนั้นการที่จะสร้างอาวุธใหม่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นผู้ฝึกยุทธทั้งหลายในตอนนี้ต่างก็อยากที่จะได้เศษเสี้ยวฟากฟ้ามาก็เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนมันกับอาวุธชิ้นอื่นๆ แทน

ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่เจียงอาเฉียนอย่างรู้ทัน

เจียงอาเฉียนได้ยักไหล่ก่อนที่จะพูดออกมา “เอาล่ะ…ข้าจงใจที่จะทำแบบนั้นเอง” เจียงอาเฉียนได้ชี้ไปยังกลุ่มผู้ฝึกยุทธทั้งหมดก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าพวกผู้ฝึกยุทธนั่นมีดีก็แค่จำนวนเท่านั้น…ที่เจดีย์ลอยฟ้าจำนวนของผู้ฝึกยุทธน่ะไม่ได้ทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้หรอก ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องห่วงไป”

หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าหากเจ้าพวกนั้นขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของเจดีย์ลอยฟ้าได้จริง พวกเราก็แค่ตรงไปจัดการพวกมันก่อนที่จะยึดเศษเสี้ยวฟากฟ้ามาซะเอง นี่สินะคือแผนของเจ้า? “

“ท่านหมิงซี่หยิน ท่านนี้ยังคงหลักแหลมไม่เปลีย่นจริงๆ ” เจียงอาเฉียนได้ยกนิ้วให้กับหมิงซี่หยิน

หมิงซี่หยินไม่ได้ยอมรับคำเยินยอแต่โดยดี ตัวเขาได้ถามออกมาต่อ “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงกันว่าที่ด้านบนมีเศษเสี้ยวฟากฟ้าอยู่? “

“เจ้าของเจดีย์ลอยฟ้าเป็นสหายของข้าเอง” เจียงอาเฉียนได้กางแขนก่อนที่จะพูดขึ้น

หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นได้แต่ใช้ความคิดอยู่ภายในใจ ‘ถ้าหากเจ้านั่นเป็นสหายของเจียงอาเฉียนจริงๆ แล้วจะให้พวกเราขึ้นไปที่ชั้นบนสุดเพื่ออะไรกัน? ‘

เจียงอาเฉียนดูเหมือนจะคาดเดาความคิดของหมิงซี่หยินได้ และเพราะแบบนั้นเขาจึงได้พูดต่อไป “ที่เจดีย์ลอยฟ้าแห่งนี้จะสามารถเปิดใช้งานได้เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น มันจะมีช่วงเวลาที่อุปสรรคทั้งหมดที่เจดีย์ลอยฟ้ามีหายไปอยู่…มีเพียงแค่ตอนนั้นเท่านั้นที่พวกเราจะสามารถเข้าไปในเจดีย์ลอยฟ้าได้โดยที่ไม่ต้องผ่านอุปสรรคอะไรไป ดูที่แม่น้ำนั่น เมื่อแม่น้ำอยู่ในช่วงเวลาของฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่ เมื่อนั้นอุปสรรคทั้งหมดที่เจดีย์ลอยฟ้ามีก็จะหายไปตามกาลเวลา”

หมิงซี่หยินได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าน่ะแปลกใจในความรู้ที่เจ้ามีจริงๆ “

“ขอบคุณสำหรับคำชม ท่านหมิงซี่หยิน”

ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ด้านล่างเจดีย์ลอยฟ้าต่างก็กระตือรือร้นที่จะออกเคลื่อนไหวแล้ว ตอนนี้ทุกๆ คนได้มารวมตัวกันที่ทางเข้าเป็นที่เรียบร้อย ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายใช้เวลาไม่นานมากนักก่อนที่จะเริ่มเดินเข้าไปในเจดีย์ลอยฟ้าที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปสักพัก ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ได้ถูกขับออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้า แม้ว่าพวกเขาจะมีความกระตือรือร้นที่จะอยากได้สมบัติล้ำค่าสักแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วเพียงแค่ความกระตือรือร้นอย่างเดียวคงไม่พอ ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ได้กระเด็นออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้าก่อนที่จะกระแทกกับพื้นเบื้องล่างอย่างรุนแรง

ข่าวเกี่ยวกับเศษเสี้ยวฟากฟ้าที่มีได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าผู้ฝึกยุทธที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็เดินทางมาถึงที่นี่

เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่พูดไม่ออก ตัวเขาพยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด “นี่มันเป็นอุบัติเหตุ…ข้าเองก็ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีคนมามากมายขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ถือสาอะไร” ลู่โจวได้พูดออกมาในขณะที่เอามือไขว้หลังอยู่ อันที่จริงแล้วจำนวนของฝูงชนมันไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับตัวเขาเลย สำหรับลู่โจวคนพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากฝูงมดปลวก ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไร ท้ายที่สุดแล้วตัวเขากำลังรอการมาถึงของเยี่ยนซาน สุดยอดหัวขโมยแห่งโลกยุทธภพ

‘เจ้านั่นจะมาที่นี่ก็เพราะข่าวลือด้วยรึเปล่า? ‘

ลู่โจวในตอนนี้เป็นเหมือนกับนักล่า นักล่าที่ดีจะต้องมีความอดทน ถึงแม้ว่านักล่าจะมีฝีมือที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าอดทนคอยเพื่อที่จะให้เหยื่อปรากฏตัวออกมาไม่ได้ ฝีมือพวกนั้นมันก็ช่างไร้ความหมาย

“นี่มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่! อุปสรรคของเจดีย์ลอยฟ้าในปีนี้มันยากกว่าปีที่แล้วมาก! ปีที่แล้วข้าสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ถึงชั้นที่สาม แต่ในปีนี้ข้าไปถึงแค่ชั้นที่สองเท่านั้น นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน! ” มีผู้ฝึกยุทธหลายคนเริ่มบ่นขึ้น

“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากมันไม่ได้มีอุปสรรคอะไรที่ยากลำบาก ในตอนนี้ก็คงมีหลายคนแล้วที่ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้…เจ้าคิดว่าในโลกใบนี้จะมีใครสักกี่คนที่ใจกว้างมอบทรัพย์สมบัติให้กับทุกคนฟรีๆ ได้กัน? “

ใครบางคนได้ถอนหายใจ “ข้าเดาว่าตัวข้าคงจะไม่โชคดีพอที่จะได้รับสมบัติล้ำค่าไปแน่ ข้าขอตัวก่อน”

“ช้าก่อน! เจ้าที่ได้พ่ายแพ้ให้กับการทดสอบไปน่ะ…เจ้าไม่คิดที่จะจ่ายอะไรตอบแทนให้กับพวกเราก่อนหรอ? ” มีผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งยืนอยู่ที่ฐานของเจดีย์ลอยฟ้า เขาคนนี้เป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้มารวบรวมสิ่งของจากผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับการทดสอบ

หมิงซี่หยินได้หันไปพูดกับเจียงอาเฉียน “เพื่อนของเจ้ามีหัวการค้าใช้ได้เลยนิ”

“สหายข้าคนนี้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านคิดว่าสหายข้าคนนี้ร่ำรวยมาจากที่ไหนกันล่ะ? ” เจียงอาเฉียนตอบกลับไปอย่างมีชั้นเชิง

เจียงอาเฉียนเป็นถึงกับองค์ชายองค์ที่สาม ไม่น่าแปลกที่เขาจะรู้จักคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้

หมิงซี่หยินได้เหลือบมองดูผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่กระเด็นออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้า หลังจากนั้นเขาก็ได้หัวเราะเยาะเย้ยก่อนที่จะพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าจะใช้จำนวนเข้าสู้คงจะไม่มีประโยชน์อย่างงั้นสินะ”

เจียงอาเฉียนได้เกาหัว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไมไ่ด้พูดอะไรออกมา สิ่งที่หมิงซี่หยินพูดล้วนแต่เป็นความจริง ผู้ฝึกยุทธที่อ่อนแอและได้พ่ายแพ้ไปไม่สามารถที่จะเถียงอะไรกับหมิงซี่หยินได้

“ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดว่ายังไงกัน? ” เจียงอาเฉียนได้หันไปถามลู่โจว

ผู้ฝึกยุทธหน้าใหม่ทั้งหลายที่ได้ท้าทายเจดีย์ลอยฟ้าล้วนแต่ไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกับลู่โจว เป็นไปได้ที่เขาคนนี้จะวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้แล้ว

ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่เจดีย์ลอยฟ้าก่อนที่จะพูดออกมา “ทำจิตใจเจ้าให้หายฟุ้งซ่านอยู่ซะ”

“แค่นั่นเองอย่างงั้นหรอ? ” เจียงอาเฉียนรู้สึกสับสน

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรต่อไป ตัวเขาไม่ได้มาที่นี่ก็เพื่อที่จะสั่งสอนผู้อื่น

ตู๊ม!

ตู๊ม!

เสียงดังสนั่นสองครั้งได้ดังขึ้น เสียงพวกนั้นได้ดึงดูดความสนใจทุกคนที่อยู่ที่นั่น

ผู้ฝึกยุทธทั้งสองคนได้กระเด็นลอยออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้นเองพลังงานทั้งหลายก็ได้กระเพื่อมออกมารอบๆ

ผู้ฝึกยุทธหลายคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ

เมื่อมีสองคนถูกกระเด็นลอยออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้า ในตอนนั้นเองพวกเขาทั้งคู่ก็ได้พลิกตัวกลางอากาศก่อนที่จะลงสู่พื้นอย่างช้าๆ

“นี่มันมหัศจรรย์มาก! “

ฝูงชนทั้งหมดต่างก็ปรบมือเมื่อได้เห็นแบบนั้น

ทั้งสองคนได้กระเด็นออกมาจากเจดีย์ลอยฟ้าชั้น 8 และเมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็ได้รู้ทันทีว่าทั้งสองคนเป็นยอดฝีมือ

เมื่อทั้งสองคนลงสู่พื้น พวกเขาก็ได้โซเซเล็กน้อยก่อนที่จะทรงตัวให้มั่นคงได้

“เป็นยังไงบ้าง? ” มีใครบางคนได้เอ่ยปากถามขึ้น

“ใช่แล้ว ช่วยบอกพวกเราด้วยเถอะ…”

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็อยากที่จะรู้ข้อมูลเพิ่มเติม

หนึ่งในยอดฝีมือได้เช็ดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้าก่อนที่จะกลืนน้ำลาย “ยาก…ช่างยากอะไรแบบนี้…”

“แค่นั้นเองอย่างงั้นหรอ? “

“ข้าแนะนำให้พวกเจ้ายอมแพ้ซะดีกว่า” ชายอีกคนได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างหมดหวัง “ข้าไม่เคยเห็นอุปสรรคอะไรที่ยากขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต…”

เป็นเรื่องจริงที่ว่าพวกเขาทั้งคู่ไปถึงชั้นแปดได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งคู่ได้ผ่านอุปสรรคทั้งหลายที่มากกว่าคนอื่นๆ มา

“แล้วพวกท่านจะไม่ลองฝ่าฟันอีกรอบอย่างงั้นหรอ? “

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้น…เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครไปที่ชั้นเก้าได้…ไม่ว่ายังไงข้าก็จะพูดแบบนั้น พวกเจ้าจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ” ชายคนนั้นไม่อยากที่จะเสียเวลาพูดอีกต่อไป ตัวเขาได้หันหลังก่อนที่จะเดินไปพักที่ศาลาที่อยู่ใกล้ๆ

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็สบตากัน คำพูดของยอดฝีมือทั้งสองได้บั่นทอนกำลังใจของพวกเขาโดยตรง ท้ายที่สุดแล้วเมื่อผู้ที่ไปถึงชั้นแปดพูดออกมาแบบนั้น ในตอนนี้ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ได้แต่จินตนาการถึงความยากของอุปสรรคที่ควรจะมี

“ท่านอาจารย์…ให้ศิษย์ลองทดสอบดูได้ไหม? ” หยวนเอ๋อก้าวออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น

ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นได้พยักหน้าออกมาอย่างใจเย็น

หยวนเอ๋อมักจะเป็นเด็กที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นและเป็นเด็กขี้เล่นแต่ไหนแต่ไร เพราะแบบนั้นการที่หยวนเอ๋อจะหักห้ามใจได้ถือเป็นเรื่องที่แปลกมากกว่า และเมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็ไม่มีเหตุผลเลยที่จะหักห้ามลูกศิษย์คนนี้

“ขอบคุณมากค่ะท่านอาจารย์…ศิษย์จะแสดงให้ท่านเห็นเอง”

“โชคดีนะสาวน้อย! ” เจียงอาเฉียนได้พูดอวยพรออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“หุบปากซะ! เจ้าเรียกใครว่าสาวน้อย? ” หยวนเอ๋อได้จ้องมาที่เจียงอาเฉียน

ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอยหลังกลับไปด้วยความกลัว ‘นาง…นางไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสินะ เห็นทีข้าคงจะตีซี้กับนางไม่ได้’

หยวนเอ๋อรีบเดินไปที่เจดีย์ลอยฟ้า

เจียงอาเฉียนได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส สาวน้อยคนนี้…”

ก่อนที่ลู่โจวจะได้ตอบอะไรไป หมิงซี่หยินก็ได้พูดขัดออกมาซะก่อน “ข้าแนะนำว่าอย่าไปยั่วโมโหนางจะดีกว่า…เจ้าน่ะสู้นางในตอนนี้ไม่ได้หรอก”

เจียงอาเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้เปลี่ยนคำพูด “ข้าว่านางจะต้องทำได้แน่! “

หมิงซี่หยินรู้สึกสับสนกับท่าทีของเจียงอาเฉียน เจียงอาเฉียนคนนี้เป็นเจ้าชายองค์ที่สามจริงๆ อย่างงั้นหรอ? ชายคนนี้เป็นหนึ่งในผู้คลั่งไคล้แห่งดาบจริงๆ สินะ?

เมื่อหยวนเอ๋อเข้าใกล้เจดีย์ลอยฟ้า ในตอนนั้นเองก็ยังมีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นชายรูปร่างกำยำ ในตอนแรกหยวนเอ๋อตั้งใจที่จะทำให้คนแถวนั้นทั้งหมดหวาดกลัวด้วยพลังความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี แต่ถึงแบบนั้นในตอนนี้นางได้จำคำสอนของผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวได้ และเพราะแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงเลือกที่จะใช้คำพูดแทนกำลัง “ขอโทษนะ ช่วยหลีกทางให้ข้าด้วย”

เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นพูดไม่ออก ‘แม้ว่านางจะเจ้าอารมณ์มาแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชนนางกลับสุภาพอ่อนหวาน นี่มันอะไรกัน! ‘

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ฉลาดพอได้หลีกทางให้กับหยวนเอ๋อไป

หยวนเอ๋อในตอนนี้เป็นจุดสนใจของเหล่าผู้คน นางได้สวมชุดขนเมฆา หยวนเอ๋อในตอนนี้เป็นเพียงแค่เด็กอายุ 16 ปีเท่านั้น

“สาวน้อยนี้ช่างดูกล้าหาญอะไรแบบนี้”

“ถ้าหากดูจากเสื้อผ้าและรูปลักษณ์นาง ดูเหมือนว่านางจะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่…”

“บางทีนางอาจจะมาจากตระกูลผู้ร่ำรวยในเมืองอันยางก็เป็นได้ การที่จะเห็นหญิงสาวแต่งตัวแบบนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

หยวนเอ๋อได้เดินไปที่เจดีย์ลอยฟ้าโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของใครหน้าไหนเท่านั้น

ทหารยามทั้งหลายต่างก็เหลือบมองไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะยกง้าวและพูดขึ้น “ยินดีต้อนรับ”

ผู้ฝึกยุทธที่เห็นแบบนั้นล้วนแต่ปล่อยให้หยวนเอ๋อเข้าไปก่อนแต่โดยดี

ทุกๆ ต่างก็เฝ้ามองหยวนเอ๋อเดินเข้าไปในเจดีย์ลอยฟ้า ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ผู้คนทั้งหลายจะทำได้นั่นก็คือการรอผลลัพธ์

เจียงอาเฉียนกอดอกก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่กังวลเลยอย่างงั้นหรอ? “

“ทำไมจะต้องกังวลด้วยล่ะ? ถ้าหากนางเป็นอะไรจริง นางก็แค่ถูกเจดีย์ลอยฟ้าส่งออกมาก็เท่านั้น ถ้าหากเกิดสถานการณ์เลวร้ายสุดจริงๆ นางก็คงจะเดินพลังลมปราณไม่ได้ไปสักครึ่งปี ด้วยเวลาเพียงแค่นั้นน่ะไม่เป็นไรหรอก” ลู่โจวได้พูดออกมาก่อนที่จะยังรอคอยเหยื่อของตัวเขาต่อไป ในตอนนี้ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรอุปสรรคที่อยู่ในนั้นเลย

เจียงอาเฉียนรู้สึกงุนงงนิดหน่อย ลู่โจวดูไร้ความรู้สึกจนเกินไป “แต่ท่านกำลังมองหาเศษเสี้ยวฟากฟ้านิครับ ท่านผู้อาวุโส? “

ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“ท่านอาจารย์….” ในตอนนั้นเองเสียงอันน่าตื่นเต้นก็ได้ลอยออกมาจากเจดีย์

เสียงนั้นเองดึงดูดความสนใจของลู่โจว ตัวเขาได้มองไปตามที่มาของเสียง ลู่โจวในตอนนี้เห็นหยวนเอ๋อกำลังอยู่ที่ชั้นห้าเป็นที่เรียบร้อย หยวนเอ๋อกำลังยืนอยู่ที่ขอบชั้นก่อนที่จะกระโดดไปมา เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้ที่เฝ้ามองทั้งหลายต่างก็ตกตะลึง พวกเขาได้แต่ขยี้ตาก่อนที่จะเหลือบมองหยวนเอ๋ออีกครั้ง ถ้าหากพวกเขามองไม่ผิด ในตอนนี้สาวน้อยตัวคนเดียวได้ขึ้นไปที่ชั้นหาเป็นที่เรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นสภาพของสาวน้อยคนนี้กลับไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเลยสักนิดเดียว ในความเป็นจริงแล้วนางไม่ได้ดูเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำไป

“เป็นไปได้ยังไงกัน? ” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็สับสน

เจียงอาเฉียนยกย่องหยวนเอ๋อมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นการที่นางอยู่ที่ชั้นห้าในตอนนี้ได้เป็นอะไรที่ทำให้ตัวเขาตกใจมาก…ในตอนนี้เวลาได้ผ่านไปเพียงไม่นาน แต่หยวนเอ๋อสามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนไปถึงครึ่งทางได้แล้ว ดูเหมือนว่าหยวนเอ๋อจะไม่ได้หยุดพักเลย

หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ในบรรดาทั้งเก้าชั้นของเจดีย์ลอยฟ้า สามชั้นแรกก็คงจะเป็นเหมือนกับภาพลวงตา ไม่มีทางเลยที่ศิษย์น้องเล็กจะเสียท่าให้กับชั้นแรกๆ ได้”

เจียงอาเฉียนพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไป “ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ …”

หยวนเอ๋อทั้งไร้เดียงสาและใสซื่อ หัวใจของนางบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะมีสิ่งใดมารบกวนได้ ถ้าหากผู้ที่ท้าชิงขจัดจิตใจที่ฟุ้งซ่านของตัวเองได้ คนคนนั้นก็จะไปถึงเจดีย์ชั้นแปดได้แน่ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปตามคาดของลู่โจวหมดแล้ว

“ข้าไม่คิดว่าชั้นเก้าจะง่ายแบบนั้นหรอกนะ จากที่ข้าเคยได้ยินมาดูเหมือนว่าชั้นเก้าจะเป็นชั้นที่ใช้ทดสอบสติปัญญาของผู้ท้าชิง แม้ว่าจะเป็นข้าผู้ที่มีปัญญาฉลาดหลักแหลมก็ตามแต่ถึงแบบนั้นก็คงจะยากที่จะฝ่าฟันไปได้อยู่ดี” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมา น้ำเสียงของเขาจางหายไปก่อนก่อนที่จะไปถึงด้านบนเจดีย์ลอยฟ้า

ทุกๆ คนต่างก็จับจ้องไปที่บนเจดีย์ลอยฟ้า

โดยปกติแล้วผู้ฝึกยุทธที่ได้พ่ายแพ้ให้กับบททดสอบ พวกเขาส่วนใหญ่มักจะรู้สึกผิดหวังรวมไปถึงจะต้องรับผลที่ตามมาหลังจากนั้นอีกด้วย

“ถ้าหากจะตัดสินจากเสียงที่ได้ยิน ป่านนี้นางก็คงจะไปถึงชั้นแปดได้แล้วล่ะ การที่ไปถึงชั้นที่แปดได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้วล่ะ…”

“ยอดฝีมือทั้งสองเองก็ไปถึงชั้นที่แปดเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่อาจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่ชั้นเก้าไปได้”

“ถ้าหากสาวน้อยคนนั้นออกมาแล้ว เอาไว้พวกเราค่อยถามนางกันเถอะ”

หยวนเอ๋อได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมากไปแล้ว

ทันใดนั้นเองหญิงสาวตัวน้อยผู้ที่เป็นเจ้าของชุดสีเขียวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นด้านบนสุดของเจดีย์ลอยฟ้า ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ตื่นตกใจ

ทุกสายตาต่างก็เบิกกว้างขึ้นเพราะความตื่นตกใจเมื่อได้เห็นหยวนเอ๋อยืนอยู่ที่ชั้นเก้า

หยวนเอ๋อเองก็ได้แต่ปรบมืออย่างตื่นเต้น

ในตอนนี้ที่เบื้องล่างเจดีย์ลอยฟ้าต่างก็เงียบสงัด

หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ก็ได้มีใครบางคนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “นางกลับมาแล้ว! “

“นางทำได้แล้วอย่างงั้นหรอ!? “

หยวนเอ๋อที่ลงมาได้ถือกล่องใบหนึ่งมากับตัวเอง

ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ที่กำลังพักผ่อนอยู่บนศาลาต่างก็ลุกขึ้นมอง สีหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนั้นพวกเขาก็เริ่มที่จะขยับไปใกล้ๆ กับลู่โจว เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็อยากที่จะรู้ว่าสาวน้อยคนนั้นไปที่ชั้นสูงสุดได้ยังไง

ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ เองก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาได้แต่รู้สึกอับอายที่สาวน้อยคนนี้สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้

เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้ปรบมือขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา “พวกท่านรู้อะไรไหม? “

“เจ้ามีคำถามอย่างงั้นหรอ? “

“อุปสรรคที่อยู่ที่ชั้นเก้าเป็นอุปสรรคที่ใช้ทดสอบสติปัญญา…สหายของข้าได้บอกเอาไว้ว่ามีเพียงคนแค่สามคนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ สาวน้อยคนนั้นฉลาดขนาดนี้เลยหรอ? ” เจียงอาเฉียนได้แต่เอามือลูบคาง ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง

“เจ้าน่ะคิดมากไปเอง” หมิงซี่หยินตอบกลับมา

“ช่วยชี้แนะข้าด้วยเถอะ ท่านหมิงซี่หยิน”

“สิ่งที่เจ้าจะต้องทำมีเพียงแค่การใช้กำลังเท่านั้น”

เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก

เอื๊อก!

ผู้ฝึกยุทธผู้ที่ไปถึงชั้นแปดก่อนหน้านี้ได้แต่กระอักเลือดออกมา

“เอ๊ะ? พี่ชายเกิดอะไรขึ้นกัน? ” เจียงอาเฉียนได้หันไปมองเขา

การที่พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธแค้นมันก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาใกล้ที่จะไปถึงที่หมายเต็มที…มีผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนที่ติดอยู่ที่ชั้นแปดเท่านั้น มีเพียงคนเพียงไม่กี่คนที่จะไปถึงชั้นเก้าได้

แม้ว่าทุกคนจะคิดว่าชั้นเก้าเป็นชั้นที่ยากที่สุด แต่ถึงแบบนั้นในความเป็นจริงแล้วชั้นเก้ากลับเป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่านั้น สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่การใช้กำลังเพียงเท่านั้น

หลังจากนั้นก็ได้มีเสียงประกาศดังขึ้น “อุปสรรคทั้งหลายถูกพิชิตจนหมดสิ้นแล้ว ของรางวัลได้ถูกส่งมอบเสร็จสิ้น เจดีย์ลอยฟ้าจะเปิดโอกาสให้กับทุกคนได้ท้าทายกันใหม่ในปีหน้า”

หลังจากที่มีเสียงประกาศดังขึ้น ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ตั้งใจที่จะล้อมหยวนเอ๋อเอาไว้

“สาวน้อย เจ้าน่ะไม่สมควรที่จะได้รับเศษเสี้ยวฟากฟ้าไป! ” มีผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนพุ่งตรงไปที่หยวนเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านี้ได้วางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว มันเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในเจดีย์ลอยฟ้าแห่งนี้

โดยปกติแล้วผู้ที่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าได้มักจะถูกผู้ฝึกยุทธทั้งหลายใช้กำลังเข้าแย่ง

ต้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นไม่ได้ขยับไปไหน พวกเขาต่างก็เชื่อใจในพลังของศิษย์น้องเล็กคนนี้

“สายสะพายนิพพาน! “

ที่ด้านบนเจดีย์ลอยฟ้า สายสะพายนิพพานได้ส่องแสงสีแดงออกมาราวกับดอกไม้บาน

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

สายสะพายนิพพานได้ขดตัวเองจนเป็นวงกลม

เพียงแค่การเคลื่อนไหวของสายสะพายก็ทำให้ผู้ฝึกยุทธที่ถูกมันเข้าต่างก็กระเด็นหายไปพร้อมกับคาบเลือด

หยวนเอ่อกำลังลอยลงสู่พื้นพร้อมกับใช้สายสะพายนิพพานไปด้วย การเคลื่อนไหวของนางดูทรงพลังเป็นอย่างมาก

“นี่มันอาวุธระดับสรวงสวรรค์! “

ผู้ที่มีสายตาเฉียบคมได้มองระดับอาวุธสายสะพายที่หยวนเอ๋อมีได้ในพริบตา

หยวนเอ๋อหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “พวกเจ้ากล้าที่จะแย่งชิงสมบัตินี่ไปจากข้าอย่างงั้นหรอ? ก็ได้ ข้าจะจัดการกับพวกเจ้าเอง! “

สายสะพายนิพพานได้หดตัวกลับก่อนที่จะพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่กำลังถอยหลังกลับไปถูกสายสะพายโจมตีเข้าอย่างจัง

เจียงอาเฉียนได้ถอยหลังกลับไปเช่นกัน “ศิษย์ของท่านแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” หยวนเอ๋อในตอนนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยของระดับสรวงสวรรค์ แถมพลังวรยุทธของหยวนเอ๋อเองก็รุดหน้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในตอนนี้หยวนเอ๋อมีพลังมากกว่าในครั้งแรกที่ได้พบกับเจียงอาเฉียนไปมาก

ด้วยการแสดงพลังอันแข็งแกร่งออกมาทำให้ทุกๆ คนที่ได้เห็นแบบนั้นต่างก็รู้สึกหวาดกลัว

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายได้แต่ยืนเฉย

ในขณะนี้เอง ที่เหนือแม่น้ำมีรถม้าลอยฟ้าคันหนึ่งปรากฏขึ้น มันได้ทะลุผ่านทะเลแห่งหมู่เมฆ, ป่าไม้ และภูเขาลูกต่างๆ ไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่เจดีย์ลอยฟ้าโดยที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่างเจดีย์ลอยฟ้าต่างก็กลั้นหายใจเมื่อมองขึ้นไปที่รถม้าที่อยู่เบื้องบน

วินาทีนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดเทาก็ได้ลอยลงมาจากรถม้า พวกเขาทั้งหลายมาพร้อมกับกล่องที่อยู่ในมือ

ในตอนนี้หยวนเอ๋ออยู่ที่ด้านบนสุดของเจดีย์ลอยฟ้า เพราะแบบนั้นนางจึงอยู่ในจุดที่มองเห็นทุกๆ อย่างได้ดี ในช่วงนั้นหยวนเอ๋อก็ได้จ้องมองไปยังรถม้าลอยฟ้าคันนี้

ผู้ฝึกยุทธลึกลับคนนี้มาพร้อมกับพลังที่ดูแปลกประหลาด ตัวเขาได้สวมหมวกปกปิดใบหน้าเอาไว้ เมื่อรวมเข้ากับแสงของดวงอาทิตย์ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธคนนี้ได้