บทที่ 249 ตัวตนของเค่อชิง

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 249 ตัวตนของเค่อชิง

บทที่ 249 ตัวตนของเค่อชิง

แพ้?

เธอพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้?

แม่เฒ่าถังกุมหน้าอกและมองโจวอี้ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

และชายชราอีกสามคนต่างก็พากันตกตะลึง

ต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของแม่เฒ่าถังก็เท่า ๆ กับพวกเขา เธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกึ่งปรมาจารย์ ต่อให้เป็นตัวพวกเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะแม่เฒ่าถังได้

แต่แม่เฒ่าถังกลับแพ้อย่างราบคาบ!

ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วในการเอาชนะแบบนี้มันเร็วเกินไปไหม?

ดูเหมือนว่ายังไม่ถึงสองนาทีเลยด้วยซ้ำ?

นอกจากพวกเขาแล้ว คนอื่น ๆ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

โจวอี้อายุยังน้อย

ศิษย์สำนักโอสถที่ควรมุ่งอยู่แต่กับการหลอมยาหรือหาสมุนไพรต่อสู้เก่งขนาดนี้ได้ยังไง? สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึง!

โจวอี้ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เขามองไปที่แม่เฒ่าถังด้วยสายตาเย็นชา “จำไว้ ผมเกลียดการถูกคุกคาม ถ้าคุณไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง ตอนนี้คุณคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว!”

“โอหังเกินไปแล้ว!”

ชายชราคนหนึ่งสะกดความตกตะลึงไว้ในใจและก้าวออกมาพร้อมกับชายชราอีกสองคน

พวกเขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของโจวอี้มาจากไหน ทำไมชายหนุ่มอายุน้อยคนนี้ถึงกล้าที่จะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเขานัก?

ไม่เห็นเหรอว่าแม้แต่ปรมาจารย์อย่างฮัวหมานเหรินยังตายด้วยน้ำมือพวกเขา แล้วชายหนุ่มคนนี้ไม่กลัวความตายเลยหรือไง?

แม่เฒ่าถังเผยแววตาเย็นชา เธอยกแขนขึ้นเพื่อปรามชายชราทั้งสาม โจวอี้ “นายก็กลัวคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงของเราด้วยเหรอ?”

“กลัว?” โจวอี้เย้ยหยันก่อนจะค่อย ๆ หยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนให้แม่เฒ่าถัง

อะไร?

แม่เฒ่าถังตกตะลึง

ไม่กี่วินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็หรี่ลง และร่างกายก็พลันสั่นสะท้านเล็กน้อย

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่โจวอี้ เวลานี้ความเกลียดชังก็พลันหายไป เธอแสดงความเคารพเล็กน้อย โค้งกายลงต่อหน้าโจวอี้ และคืนสมุดเล่มเล็กด้วยมือทั้งสองข้าง

“ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร และฉันหวังว่าท่านเค่อชิงจะยกโทษให้ฉัน” แม่เฒ่าถังพูดอย่างประหม่า

โจวอี้หัวเราะเยาะ แต่ก็แอบประหลาดใจ

ท่านเค่อชิง?

เขาเพิ่งเข้าร่วมคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง สถานะของเขาสูงมากเลยเหรอ?

เมื่อชายชราทั้งสามได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าถัง พวกเขาก็ตกตะลึง

แม้แต่ฮัวเยว่โหลวซึ่งเงียบมาตลอดก็ยังแสดงท่าทางเคร่งขรึมและถามว่า “หมอโจว ฉันขอดูบัตรประจำตัวนายหน่อยได้ไหม?”

“อืม!” โจวอี้ส่งสมุดบันทึกเล่มเล็กให้อีกฝ่ายทันที

ฮัวเยว่โหลวเปิดอ่าน และเมื่อเขาเห็นคำว่า “เค่อชิง” และ “24” ปรากฏอยู่ในนั้น อารมณ์ของเขาก็ซับซ้อนอย่างมาก

เขาคืนสมุดเล่มเล็กให้โจวอี้ด้วยความเคารพ โค้งกายประสานมือและพูดว่า “ฮัวเยว่โหลว หัวหน้าทีมที่ 14 ของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง ยินดีที่ได้พบท่านเค่อชิง!”

“ยินดีที่ได้พบท่านเค่อชิง!”

ทุกคนรอบข้างโค้งคำนับและประสานมือด้วยความเคารพ

โจวอี้มองดูพวกเขาและเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าคนอื่นแข็งกร้าวกับเขา เขาอาจไม่แยแสด้วย แต่ถ้าอีกฝ่ายเคารพเขาโดยที่ทำตัวนอบน้อมมาก ๆ มันจะกลายเป็นว่าเขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไร

“ไม่ต้องมากพิธี”

โจวอี้โบกมือแล้วถามต่อไปว่า “เค่อชิงหมายความว่าอะไร ดำรงตำแหน่งอะไรในคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง?”

ทุกคนรอบตัวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

พวกเขารู้สึกว่ากำลังได้ยินสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดในโลก

“ท่านเค่อชิง ท่านไม่รู้เหรอ?” ฮัวเยว่โหลวถามอย่างสงสัย

“ผมไม่รู้!” โจวอี้ส่ายหัว “เฒ่าเหลียงส่งคนมามอบใบรับรองนี้ให้ผม และบอกแค่ว่าผมจะเป็นคนของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง ไม่จำเป็นต้องทำอะไร จะมีก็แต่ตอนที่คณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงเผชิญกับสถานการณ์เป็นตาย หรือเมื่อมีคนป่วยหนักหรือบาดเจ็บเจียนตายพวกเขาถึงจะมาขอให้ผมช่วย”

“นี่…” ฮัวเยว่โหลวไม่รู้จะพูดอะไร

คณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงเป็นองค์กรกึ่งทางการที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในจีน ไม่มีตระกูลไหนเทียบได้ทั้งสิ้น

ในองค์กรทั้งหมด ประธานเหลียงชิงไห่มีอำนาจมากที่สุด รองลงมาคือรองประธานสองคน หัวหน้าระดับภูมิภาคแปดคน และทีมกำกับดูแลสี่ทีมในแต่ละภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีสถานะพิเศษ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าแยกตัวออกมา

นั่นคือ ‘เค่อชิง’

อย่างน้อยผู้ที่ได้รับตำแหน่งเค่อชิงทุกคนล้วนอยู่ในระดับปรมาจารย์

เค่อชิงทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างมากในคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง

นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ จำนวนเค่อชิงของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงมีเพียง 23 คน ซึ่งนั่นรวมถึงเค่อชิงเกือบ 10 คนที่เสียชีวิตไปแล้ว

โจวอี้กลายเป็นเค่อชิงของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นเค่อชิงประเภทไหน

ฮัวเยว่โหลวมองไปที่โจวอี้อย่างเงียบ ๆ และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

ฐานะของศิษย์สำนักโอสถนั้นสูงส่งมาก

โจวอี้เก่งในการหลอมยา และทักษะทางการแพทย์ก็น่าจะทรงพลังมาก

นับเป็นความคิดที่ชาญฉลาดที่ประธานเหลียงรับโจวอี้เข้าสู่คณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง และให้สถานะเค่อชิง

เนื่องจากพวกเขาซึ่งเป็นสมาชิกมักจะพบกับอันตราย ความตายและการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อมีโจวอี้เป็นเค่อชิง โจวอี้จะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย

นี่เป็นพรอันใหญ่หลวงสำหรับสมาชิกของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง

ฮัวเยว่โหลวตระหนักถึงสิ่งนี้ได้และกระตือรือร้นมากขึ้น หลังจากแนะนำตัวตนของเค่อชิงให้โจวอี้ทราบโดยละเอียดแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณเป็นเค่อชิงคนที่ยี่สิบสี่ของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงของเรา พวกเราคนใดที่เห็นคุณต้องเคารพคุณ แม้ในช่วงเวลาวิกฤต คุณก็สามารถระดมพลพวกเราได้เพื่อที่จะทำภารกิจให้คุณ”

“มีอำนาจขนาดนั้นเลย?” โจวอี้ประหลาดใจ

“เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมาก แต่คุณต้องรายงานประธานเหลียงล่วงหน้าเพื่อระดมสมาชิกของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง” ฮั่วเย่โหลวอธิบาย

โจวอี้ตกตะลึง

เขาจำได้ว่าตอนที่เขาฆ่ากั๋วฉินเซิง คนของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงช่วยเขาหาตำแหน่งของอีกฝ่าย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าคนของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงช่วยอำนายความสะดวกให้เขา

น่าสนใจ!

โจวอี้ยิ้มและมองผู้คนที่อยู่ข้างหน้า

“ฮัวเยว่โหลว คุณจะทำยังไงกับตระกูลฮัว” โจวอี้ถาม

“ยึดอำนาจ” ฮัวเยว่โหลวเปลี่ยนสีหน้าและตอบเสียงทุ้ม

“ท้ายที่สุดแล้ว ผู้นำตระกูลฮัวก็คือพ่อของคุณ หากคุณทำแบบนั้น…”

“เขาเป็นพ่อของผมจริง ๆ และผมก็ได้คิดหาทางรอดให้เขาแล้ว แต่ถ้าเขาต้องการเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนแต่ก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้ และที่แน่นอนที่สุดคือตำแหน่งผู้นำตระกูลฮัวต้องตกเป็นของผม!” ฮัวเยว่โหลวกล่าวอย่างเย็นชา

“อืม!”

โจวอี้เพียงถามเฉย ๆ เท่านั้น ไม่ว่าฮัวเยว่โหลวต้องการทำอะไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

สิ่งที่เขาสนใจคือคำสัญญาที่ฮัวเยว่โหลวให้ไว้ก่อนหน้านี้

อีกฝ่ายจะมอบวัตถุดิบยาล้ำค่าให้เขาจริงไหม?

“ท่านเค่อชิง ผมยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ดังนั้นผมคงต้องขอตัวก่อน หลังจากที่ผมสะสางเรื่องในตระกูลเสร็จแล้ว ผมจะไปที่เมืองจินหลิงเพื่อเยี่ยมคุณเป็นการส่วนตัว” ฮัวเยว่โหลวกล่าวพร้อมกับประสานมือ

“เชิญ! ระวังตัวด้วย” โจวอี้พยักหน้า

ไม่กี่นาทีต่อมาก็เหลือเพียงโจวอี้และรถสีดำที่อยู่ที่นี่

โจวอี้ไม่ได้รีบขับรถออกไป แต่จุดบุหรี่และครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง

แม้ว่าฮัวเยว่โหลวจะเป็นสมาชิกของคณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลง แต่มันก็เป็นการทำผิดกฎ เพราะอีกฝ่ายใช้คนจำนวนมากเพื่อแทรกแซงตระกูลฮัว

ท้ายที่สุด คณะกรรมการจัดการดูแลเถิงหลงมีกฎเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าคุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทในตระกูลผู้ฝึกยุทธ์

“เหลียงชิงไห่รู้เห็นเป็นใจด้วยไหม?”

“ไม่อย่างนั้นฮัวเยว่โหลวคงไม่กล้าทำแบบนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากคนเบื้องบน”

“จากนี้โลกของผู้ฝึกยุทธ์จะมีการเปลี่ยนแปลงงั้นเหรอ?”

“…”